“วิทยา” เสนอตั้ง กมธ. ศึกษาแก้ปัญหาค่าครองชีพสูง

รัฐสภา 19 ต.ค. – “วิทยา แก้วภราดัย” สส.บัญชีรายชื่อ รทสช. เสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแก้ปัญหาค่าครองชีพสูง หลังสถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงไป ทั้งสงคราม หรือสภาพอากาศ เชื่อจะส่งผลกระทบเรื่องความสามารถในการจับจ่ายของประชาชนจนได้รับความเดือดร้อน


เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม นายวิทยา แก้วภราดัย สส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงเหตุผลต่อสภาฯ ในการเสนอญัตติเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งงคณะกรรมธิการวิสามัญเพื่อการศึกษาปัญหาค่าครองชีพสูง ว่า เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2566 ตนกับเพื่อนสมาชิก ประกอบด้วยนายจุติ ไกรฤกษ์ นายสุชาติ ชมกลิ่น และนายธนกร วังบุญคงชนะ ได้ร่วมกันเสนอญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแก้ไขปัญหาปัญหาราคาสินค้าตกต่ำ ราคาค่าครองชีพสูง เหตุผลที่ยื่นในวันนั้นเพราะขณะนั้นสภาฯ ยังไม่มีคณะกรรมาธิการอย่างที่เพื่อนสมาชิกได้กล่าวไว้ ประเด็นที่สองคือขณะนั้นเกิดภาวะธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกาได้ปรับอัตราดอกเบี้ย และราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มถีบตัวสูงขึ้น ประกอบกับช่วงเดือนสิงหาคมค่อนข้างเห็นได้ชัดครับว่าจะเกิดภัยแล้งหรือสถานการณ์ที่เอลนีโญขึ้นในประเทศไทย ซึ่งมีการประเมินณวันนั้นว่าจะมีการเกิดภัยแล้งอย่างรุนแรง

นายวิทยากล่าวต่อว่า แต่เวลาสองเดือนที่ผ่านมาหลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนไปแต่สิ่งที่ก็ไม่เปลี่ยน คือแนวโน้มราคาน้ำมันที่มีโอกาสสูงขึ้นหลังจากเกิดวิกฤติสงครามในตะวันออกกลางที่ทุกคนค่อนข้างกังวลว่าจะส่งผลต่อราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตามตอนนี้เหตุการณ์ต่างๆ เริ่มเปลี่ยนไป ราคาน้ำมันที่ประเมินว่าจะพุ่งขึ้นสูงขึ้นแต่ก็ปรากฏว่ากระทรวงพลังงาน ได้ออกแจ้งว่าเตรียมมีมาตรการในการช่วยเหลือภาคเกษตรกรผู้ใช้น้ำมันดีเซล ด้วยการตรึงราคาน้ำมันดีเซลในราคาที่ค่อนข้างจะเหมาะสมคือไม่เกิน 30 บาทและ ยังแถลงนโยบายว่าจะช่วยราคาน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ 91 ที่ประชาชนทั่วไปใช้กับรถอยู่ในราคาที่เหมาะสม ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าจะสามารถช่วยคลายไประดับหนึ่ง


นายวิทยากล่าวด้วย อย่างไรก็ตามขณะนี้กำลังประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับสงครามตะวันออกกลางที่ปรากฎว่าถึงวันนี้ได้ลุกลามไปมากจึงยากที่จะคาดเดาว่าราคาน้ำมันจะพุ่งสูงไปขนาดไหน ขณะเดียวกันหลังจากยื่นญัตติเสร็จแล้วก็ปรากฎว่ามีมรสุมเข้ามาหลายลูก หลายพื้นที่ถูกน้ำท่วมไปแล้ว ทั้งๆที่ในตอนแรกมีการประเมินว่าจะเกิดภาวะแล้งจัด นอกจากนี้เรื่องของพายุก็ยังไม่จบ วันนี้มีประกาศฉบับที่ 8 ของกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ว่ายังมีพายุบางส่วนพัดผ่านประเทศไทย และเริ่มลงไปทางภาคใต้เรื่อยๆ ดังนั้นตามสถานการณ์ในวันนี้ทำให้เกิดความกังวลของพี่น้องประชาชนโดยทั่วไปเรื่องค่าครองชีพ จากที่เพื่อนสมาชิกกล่าวถึงหนี้สินภาคประชาชนภาคครัวเรือนที่มีมากจนทำให้ประชาชนมีความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยลดลง เพราะราคาค่าสินค้าต่างๆ ปรับขึ้นโดยธรรมชาติตามอัตราดัชนีการบริโภคที่เพิ่มขึ้นในทุกปี

“ดังนั้นสิ่งที่ประชาชนฝากความหวังกับผู้แทนราษฎรทั้งหมดที่นั่งอยู่ตรงนี้รวมทั้งผู้ยื่นญัตติด้วย นั่นคือมีใครช่วยคิดให้เขาได้หรือไม่ว่าจะทำอย่างไรให้ค่าครองชีพไม่สูงขึ้น ตรึงราคาค่าใช้จ่ายค่าสินค้าอุปโภคบริโภคไว้ได้ดีที่สุด ดังนั้นตนและคณะจึงคิดว่าวันนี้จำเป็นต้องมีคณะหนึ่งซึ่งเป็นผู้แทนในสภาฯ มาช่วยกันระดมความคิด เพราะปัญหาทั้งหมดไม่ใช่ปัญหาของคนใดคนหนึ่ง ผู้แทนคนใดคนหนึ่ง แต่มันหมายถึงปัญหาของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศทีก็อยากให้พวกเราเข้าไปดูแลเพราะถ้าพวกเราระดมความคิดให้ความสนใจกับเรื่องนี้อย่างน้อยก็เป็นหลักประกันเบื้องต้น ในการที่จะเสนอแนะให้กับรัฐบาลดำเนินรายการโดยการที่จะลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ผมก็เลยขอยื่นเสนอญัตติดังกล่าวนี้ให้กับเพื่อนสมาชิกในสภาผู้แทนราษฎรแต่เป็นผู้พิจารณา” นายวิทยา กล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล