“อนุทิน” หนุน แลนด์บริดจ์ ยันคุ้มค่าการลงทุน

กทม. 19 ต.ค.- “อนุทิน” รมว.มหาดไทย หนุน “แลนด์บริดจ์” ยันคุ้มค่าการลงทุน ความเจริญกระจายทั้งประเทศ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวบรรยาย หลักสูตร วิทยาการการจัดการสำหรับนักบริหารระดับสูง (วบส.) คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ใจความตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยมีหลายโครงการ ที่เรามองกันไปที่อนาคต ยกตัวอย่างเรื่องแลนด์บริดจ์ ก่อนหน้านี้ มีคนมองว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันจะล้มเลิก เพราะเป็นโครงการจากรัฐบาลก่อน ถ้าสานต่อจะเสียหน้า ซึ่งในความเป็นจริง รัฐบาลชุดปัจจุบัน สนับสนุนโครงการนี้ และส่วนตัว ขอย้ำว่าต้องรีบทำ รอช้าไม่ได้


“แลนด์บริดจ์ เป็นโครงการที่ง่ายกว่าที่เราเคยคิดเรื่องขุดคลอง แยกแผ่นดิน เพราะที่เราจะทำ คือการสร้างเส้นทางเชื่อมต่อ 2 ฝั่งทะเล แผ่นดินยังติดกันเหมือนเดิม สิ่งที่เราพยายามจะทำคือ สร้างท่าเรือ สร้างระบบขนส่ง 2 ฝั่ง ทั้งมอเตอร์เวย์ รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง กว่าจะคิดมาถึงโครงการนี้ เรามีการศึกษามามากแล้ว นี่คือโครงการที่จะเกิดประโยชน์กับประเทศไทยทุกมิติ”

นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อก่อนบอกว่าขุดคลอง จะกระทบกับความมั่นคง แต่อันนี้ไม่ต้องขุด เราจะสร้างพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ ความเจริญไม่ได้อยู่แค่ชุมพร ระนอง แต่ต้องเจริญทั้งประเทศ เป็นความเจริญที่เราไม่ต้องไปยืมจมูกคนอื่นหายใจด้วย เพราะสร้างขึ้นในไทย แล้วโลกทุกวันนี้ ทุกชาติแสวงหาโอกาส เมื่อเห็นว่าไทย มีโอกาส นานาชาติ จะเข้าหา


“ผมเป็นคนหนึ่งที่ผลักดันไว้ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว และวันนี้ ผมยังยึดมั่นคำเดิม กับแลนด์บริดจ์ นี่คือเครื่องมือในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย ที่ต้องเกิดขึ้น  พื้นที่เป้าหมาย ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว มีความเหมาะสม ทำตรงนี้ ให้เป็นเขตเศรษฐกิจไปเลย เมื่อทุกอย่างลุล่วง โครงการนี้ จะสร้างงานมหาศาล จะสร้างโอกาสให้ประเทศไทย อย่างมากมาย และจะเป็นโครงการที่ทำให้ไทย มีความโดดเด่นในอาเซียน ผมมั่นใจว่า 10 ปี จากนี้ อาเซียน จะเป็นตลาดอันดับต้นๆ ของโลก นี่เป็นพื้นที่ ที่ไม่มีความขัดแย้ง และทุกประเทศ มีศักยภาพในการเติบโตต่อไปได้ ” นายอนุทิน กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คลอดลูกแฝดตกตึก

หญิงวัย 31 เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น รพ.ดัง เสียชีวิต

สลด! หญิงวัย 31 ปี เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น โรงพยาบาลดัง เสียชีวิต ด้านโรงพยาบาลแถลงแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทบทวนมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก

ทหารควง M16 ยิงเพื่อนตำรวจดับคาบ้านพัก

ทหารพรานควง M16 บุกยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิตภายในบ้านพัก ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านผู้ตาย เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี เบื้องต้นคนก่อเหตุให้การวกวน เนื่องจากอยู่ในอาการหลอน

ลูกน้องปืนโหดรัวยิงหัวหน้างานดับคา สนง.ปฏิรูปที่ดินฯ

ลูกน้องชักปืนกระหน่ำยิงหัวหน้างานดับกลางห้องทำงาน สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.น่าน ก่อนลั่นไกยิงตัวเอง ปมเหตุขัดแย้งเรื่องงาน

จนท.ปะทะเดือด! เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ

ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เกิดการปะทะ เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ ยึดอาวุธสงคราม 3 กระบอก

ข่าวแนะนำ

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสมีลูก 2 คนกับอดีตสามี ส่วนสามีคนปัจจุบัน คือ คู จุน ย็อบ หรือดีเจ คู เป็นนักร้องชาวเกาหลีใต้วัย 55 ปี.-814.-สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” พอใจผลเลือก อบจ. เผย “ทักษิณ” ทำเต็มที่

“นายกฯ แพทองธาร” พอใจผลเลือกตั้งนายก อบจ. บอกต้องนำมาวิเคราะห์หมด ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เผย “ทักษิณ” ทำเต็มที่ คุ้มสตางค์ค่าจ้างผู้ช่วยหาเสียง แจงปราศรัยเดือดไม่ใช่คาแรคเตอร์ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

นักวิชาการชี้เลือกตั้งนายก อบจ.ไม่ใช่ภาพสะท้อนเลือกตั้งใหญ่

การเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ผ่านพ้นไปแล้วทั้ง 47 จังหวัด ขณะนี้รอประกาศผลอย่างเป็นทางการจาก กกต. แต่ผลที่ออกมาชี้ให้เห็นว่าผู้สมัครที่มีเครือข่ายพรรคการเมืองใหญ่สนับสนุนได้ชัยชนะหลายจังหวัด แต่นักวิชาการชี้ว่ายังไม่สามารถสะท้อนให้เห็นภาพชัดถึงผลสนามเลือกตั้งใหญ่ในอนาคตได้