พรุ่งนี้ นายกฯ นั่งหัวโต๊ะช่วยคนไทยในอิสราเอล

กทม. 14 ต.ค.-นายกฯ เตรียมนั่งหัวโต๊ะประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลพรุ่งนี้ เพื่อประสานสายการบินอพยพให้ได้ 400 คน/วันตามเป้า ด้าน “โฆษก ก.ต่างประเทศ” ยันแรงงานไทยไม่ใช่เป้าหมายกลุ่มฮามาส รับนำร่างผู้เสียชีวิตกลับไทยล่าช้า เพราะต้องใช้เวลานานพิสูจน์อัตลักษณ์

นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวสถานการณ์ในอิสราเอล โดยระบุว่าสถานการณ์ยังคงมีความรุนแรง เรามีความห่วงกังวลเรื่องการเข้าพื้นที่ภาคพื้นดินของอิสราเอล หลังจากที่อิสราเอลมีการประกาศอพยพพลเรือนออกจากภาคเหนือของฉนวนกาซาภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งคนที่อพยพออกมาก็มีจำนวนน้อยมาก ขณะที่ฝ่ายฮามาสประกาศว่านี่เป็นสงครามจิตวิทยา ขอให้ผู้คนอยู่ที่เดิม เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจับตา และจากการสถานการณ์ พบว่าทั้ง 2 ฝ่ายสูญเสียกำลังพลและพลเรือนจำนวนมาก จึงขอแสดงความเสียใจ


ขณะที่ล่าสุด กองทัพอิสราเอล เปิดเผยว่าได้ส่งกำลังพลเข้าไปในเขตฉนวนกาซา ใกล้เคียงกับชายแดนอิสราเอล เพื่อพยายามค้นหาตัวประกัน โดยทางผู้ประสานงานค้นหาตัวประกันและผู้สูญหาย ของรัฐบาลอิสราเอลก็ได้ออกมาเปิดเผยว่าขณะนี้รัฐบาลอิสราเอลได้พยายามทางการทูตเพื่อที่จะนำตัวประกันออกมา แต่ขณะนี้อยู่ในภาวะสงครามการดำเนินการใดๆ ย่อมทำได้ยาก และใช้เวลา รวมทั้งมีรายงานว่าอิสราเอลอยู่ในระหว่างการเจรจาส่งสิ่งของให้ตัวประกัน แต่ยังไม่สามารถรับประกันว่ากลุ่มฮามาสจะยอมรับหรือไม่

ส่วนความคืบหน้าผลกระทบต่อคนไทย ในพื้นที่ ต้องขอแสดงความเสียใจ เนื่องจากเช้าวันนี้ได้รับแจ้งจากทางการอิสราเอลว่ามีคนไทยเสียชีวิตอีก 3 ราย รวมมีผู้เสียชีวิต 24 ราย มีผู้บาดเจ็บเพิ่มเติมอีก 2 ราย รวมเป็น 16 ราย และผู้ที่ถูกจับตัวไป 16 ราย


ในเรื่องของการนำร่างผู้เสียชีวิตกลับภูมิลำเนา ทางการอิสราเอล ยังยืนยันว่าต้องใช้เวลา โดยทางสถานทูตได้ติดต่อผู้จัดการบริษัทที่ทางการอิสราเอล มอบหมายให้จัดการร่างผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติ เพื่อขอให้เร่งรัดกระบวนการต่างๆ เพื่อจัดส่งศพกลับภูมิลำเนา ซึ่งทางผู้จัดการก็ได้แจ้งว่าตระหนักดีถึงความสำคัญที่ต้องเร่งกระบวนการ แต่ทั้งนี้มีศพชาวต่างชาติจำนวนมาก แต่รับปากว่าจะพยายามดำเนินการให้โดยเร็วที่สุด และทางการอิสราเอลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับภูมิลำเนา จึงขอแจ้งญาติผู้เสียชีวิตว่าต้องมีกระบวนการโดยเฉพาะการพิสูจน์อัตลักษณ์ ซึ่งโดยปกติทางการของอิสราเอลใช้เวลาในการพิสูจน์อัตลักษณ์ถึง 7 วันในภาวะปกติ แต่ในภาวะสงครามก็จะใช้เวลามากขึ้นไปอีก

ส่วนการอพยพ ขณะนี้เป็นช่วงที่เครื่องบิน สายการบิน Fly Dubai กำลังจะขึ้นเพื่อนำคนไทยมาส่งที่สนามบินอู่ตะเภา โดยจะจอดแวะเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ และจะมาถึงอู่ตะเภาในวันพรุ่งนี้ (15 ต.ค.) เวลาประมาณ 07.25 น. ซึ่งจะมีผู้ว่าราชการจังหวัดระยองและผู้แทนกองทัพเรือไปรอให้การต้อนรับ โดยแรงงานที่มาถึงจะเดินทางต่อมายัง โรงแรม SC PARK กรุงเทพมหานคร คาดว่าจะถึงในเวลา 10.00 น. ญาติสามารถไปรอรับที่นั่นได้

สำหรับจำนวนคนที่ตั้งเป้าว่าเดินทางกลับในเที่ยวบินนี้ มีจำนวน 100 ราย โดยก่อนถึงเวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง มีผู้เดินทางมารอขึ้นเครื่อง 91 ราย โดยจะต้องรอดูต่อไปว่าจะเดินทางมาเพิ่มหรือไม่ แต่เบื้องต้นมี 2 รายเปลี่ยนใจ แจ้งความประสงค์จะอยู่ต่อ ส่วนอีกจำนวนหนึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางไปที่สนามบิน


นางกาญจนา ยังเปิดเผยว่าในวันพรุ่งนี้ (15 ต.ค.) สถานทูตจะอพยพคนไทยด้วยเครื่องบินของกอทัพอากาศ โดยจะออกจากกรุงเทลอาวีฟ ในเวลา 13.00 น. และเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 (บน.6)ในวันที่ 16 ตุลาคม เวลา 04.40 น. จำนวน 137 ราย

ทั้งนี้ยังมีความพยายามที่จะหาเที่ยวบินพิเศษ อีกจำนวนมาก เพื่อพยายามอพยพคนไทยให้ได้วันละ 400 คน และในการประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉินวันนี้ ได้หารือถึงแผนการหาเครื่องบินสายต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อให้สามารถอพยพแรงงานไทยได้ตามเป้าหมาย โดยวันถัดไป จะมีแรงงานไทยเดินทางกลับมากับสายการบินอิสราเอล แอร์ไลน์ คาดว่ามีจำนวน 250 คน และทางรัฐบาลจะจัดเที่ยวบินพิเศษของกองทัพไทยและการบินไทยบินไปรับอย่างต่อเนื่อง

ส่วนศูนย์พักพิงชั่วคราวในอิสราเอล ทางสถานทูตไทยในอิสราเอลได้จองโรงแรมใหม่ เพื่อเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว คือที่ โรงแรมเดวิด อินเตอร์คอนติเนนทอล เทลอาวีฟ เบื้องต้นจองไว้ 100 ห้อง และมีคนไทยส่วนหนึ่งที่สถานทูตช่วยเหลือในการอพยพ เข้าไปพักในศูนย์นี้แล้ว

สำหรับผู้ที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อวานนี้ จำนวน 56 คน กลับถึงภูมิลำเนาโดยปลอดภัย ขณะที่ภาพรวมคนที่ประสงค์กลับตอนนี้มี 7,058 คน สถานทูตอยู่ระหว่างตรวจสอบ เพราะบางส่วนกรอกข้อมูลซ้ำ บางส่วนประสงค์จะอยู่ต่อ

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังเปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้เวลา 16.00 น. นายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาเป็นประธานในการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อติดตามการทำงานของทุกหน่วยงานที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและติดตามสถานการณ์การดำเนินการช่วยเหลือคนไทยอย่างใกล้ชิด

ส่วนกรณีแรงงานไทยส่วนหนึ่ง เปิดเผยว่ากลุ่มฮามาสพูดภาษาไทย เพื่อลวงให้ออกจากที่ซ่อน และเข้าใจว่าคนไทยอาจจะเป็นเป้าหมายนั้น นางกาญจนา ยืนยันว่าคนไทยไม่ได้เป็นเป้าหมายพิเศษ แต่เนื่องจากเป็นสถานการณ์สงคราม ก็จะมีการจับกุมคนอิสราเอล หรือคนชาติต่างๆ ขอย้ำว่าคนไทยไม่ใช่เป้าหมาย และจากการรับฟังข้อมูล คนต่างชาติไม่น่าจะเป็นเป้าหมายหลักในการทำร้าย

ส่วนกรณีกลุ่มฮามาสเปิดเผยว่ามีตัวประกันเสียชีวิต 13 รายจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล มีคนไทยเสียชีวิตรวมอยู่ด้วยหรือไม่นั้น นางกาญจนา ระบุว่า จากติดตามข่าวยังไม่มีการเปิดรายชื่อ จึงยังไม่ทราบว่ามีใครบ้าง หวังว่าจะไม่มีคนไทย แต่ไม่ว่าจะเป็นชาติไหนก็ไม่อยากให้เกิดการสูญเสีย

ส่วนกรณีที่อิสราเอลจะปฏิบัติการภาคพื้นเพิ่มเติมจะมีผลกระทบต่อคนไทยและผู้ที่ถูกจับตัวไปหรือไม่นั้น นางกาญจนา ระบุว่าในแง่การดำเนินการยุทธการทางทหารทางภาคพื้น จะกระทบต่อทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งมีการคาดเดาว่ามีตัวประกันถูกจับและกระจายตัวตามอุโมงค์ใต้ดินต่างๆ ทุกคนมีความกังวล ซึ่งจากการติดตามข่าวทราบว่าทางการสหรัฐและสหประชาชาติ ก็พยายามขอให้อิสราเอลชะลอการปฏิบัติการ เนื่องจากการอพยพคนเป็นล้านในเวลา 24 ชั่วโมง เป็นไปไม่ได้ และคนที่อพยพออกมาจริงก็น้อยมาก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]

นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู”

สภาหอการค้าฯ 18 ก.ย.-นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู” ต้องผลักดันเต็มที่ พร้อมแก้ไขปัญหาภาคเอกชนสู่นโยบายรัฐบาล ยันทำทุกทางให้ไทยเป็นคู่ค้าที่ได้เปรียบ ไม่ปิดกั้นนโยบายคนอื่น ขอให้วินวินทุกฝ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือกับสภาหอการค้าไทยว่า ตนและทีมงานได้มาพบกับทางคณะกรรมการสภาหอการค้าไทย เหมือนกับวันที่เราไปเยี่ยมที่สภาอุตสาหกรรม เราพยายามที่จะไปพบกับภาคเอกชนก่อนที่จะเข้าไปบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อที่จะได้รับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลได้สนับสนุนหรือแก้ไข จะรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อเวลาเข้าไปทำงานจะได้ดำเนินการให้ทุกอย่าง ขับเคลื่อนไปด้วยความรวดเร็ว มาพบกับคณะผู้บริหารสภาหอการค้าไทย ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการ เรารับฟังข้อเสนอแนะข้อกังวล สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลได้ดำเนินการ เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัว ทั้งด้านการเงิน ภาระหนี้สิน ดอกเบี้ย พลังงาน การส่งออก แรงงาน และโอกาสต่างๆ สำหรับประเทศไทยในอนาคต ได้มีการหารือลงในรายละเอียดมากพอสมควร และจะต้องมีการพบกันเป็นประเด็นไปหากมีความจำเป็น แต่ในภาพรวมจะหาโอกาสมาหารือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถามว่า หารือแล้วได้จัดเตรียมมาตรการความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายอนุทิน เผยว่า รับฟังปัญหาต่างๆ เรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ แรงงาน ภาษี ขนส่งต่างๆ เราพยายามที่จะทะลายข้อจำกัดที่มีอยู่ ไม่จำเป็นไม่ปิดกั้นโอกาส ส่วนรายละเอียด ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะนำสิ่งเหล่านี้ไปหาทางทำให้คล่องตัวขึ้น […]