พรุ่งนี้ นายกฯ นั่งหัวโต๊ะช่วยคนไทยในอิสราเอล

กทม. 14 ต.ค.-นายกฯ เตรียมนั่งหัวโต๊ะประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลพรุ่งนี้ เพื่อประสานสายการบินอพยพให้ได้ 400 คน/วันตามเป้า ด้าน “โฆษก ก.ต่างประเทศ” ยันแรงงานไทยไม่ใช่เป้าหมายกลุ่มฮามาส รับนำร่างผู้เสียชีวิตกลับไทยล่าช้า เพราะต้องใช้เวลานานพิสูจน์อัตลักษณ์

นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวสถานการณ์ในอิสราเอล โดยระบุว่าสถานการณ์ยังคงมีความรุนแรง เรามีความห่วงกังวลเรื่องการเข้าพื้นที่ภาคพื้นดินของอิสราเอล หลังจากที่อิสราเอลมีการประกาศอพยพพลเรือนออกจากภาคเหนือของฉนวนกาซาภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งคนที่อพยพออกมาก็มีจำนวนน้อยมาก ขณะที่ฝ่ายฮามาสประกาศว่านี่เป็นสงครามจิตวิทยา ขอให้ผู้คนอยู่ที่เดิม เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจับตา และจากการสถานการณ์ พบว่าทั้ง 2 ฝ่ายสูญเสียกำลังพลและพลเรือนจำนวนมาก จึงขอแสดงความเสียใจ


ขณะที่ล่าสุด กองทัพอิสราเอล เปิดเผยว่าได้ส่งกำลังพลเข้าไปในเขตฉนวนกาซา ใกล้เคียงกับชายแดนอิสราเอล เพื่อพยายามค้นหาตัวประกัน โดยทางผู้ประสานงานค้นหาตัวประกันและผู้สูญหาย ของรัฐบาลอิสราเอลก็ได้ออกมาเปิดเผยว่าขณะนี้รัฐบาลอิสราเอลได้พยายามทางการทูตเพื่อที่จะนำตัวประกันออกมา แต่ขณะนี้อยู่ในภาวะสงครามการดำเนินการใดๆ ย่อมทำได้ยาก และใช้เวลา รวมทั้งมีรายงานว่าอิสราเอลอยู่ในระหว่างการเจรจาส่งสิ่งของให้ตัวประกัน แต่ยังไม่สามารถรับประกันว่ากลุ่มฮามาสจะยอมรับหรือไม่

ส่วนความคืบหน้าผลกระทบต่อคนไทย ในพื้นที่ ต้องขอแสดงความเสียใจ เนื่องจากเช้าวันนี้ได้รับแจ้งจากทางการอิสราเอลว่ามีคนไทยเสียชีวิตอีก 3 ราย รวมมีผู้เสียชีวิต 24 ราย มีผู้บาดเจ็บเพิ่มเติมอีก 2 ราย รวมเป็น 16 ราย และผู้ที่ถูกจับตัวไป 16 ราย


ในเรื่องของการนำร่างผู้เสียชีวิตกลับภูมิลำเนา ทางการอิสราเอล ยังยืนยันว่าต้องใช้เวลา โดยทางสถานทูตได้ติดต่อผู้จัดการบริษัทที่ทางการอิสราเอล มอบหมายให้จัดการร่างผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติ เพื่อขอให้เร่งรัดกระบวนการต่างๆ เพื่อจัดส่งศพกลับภูมิลำเนา ซึ่งทางผู้จัดการก็ได้แจ้งว่าตระหนักดีถึงความสำคัญที่ต้องเร่งกระบวนการ แต่ทั้งนี้มีศพชาวต่างชาติจำนวนมาก แต่รับปากว่าจะพยายามดำเนินการให้โดยเร็วที่สุด และทางการอิสราเอลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับภูมิลำเนา จึงขอแจ้งญาติผู้เสียชีวิตว่าต้องมีกระบวนการโดยเฉพาะการพิสูจน์อัตลักษณ์ ซึ่งโดยปกติทางการของอิสราเอลใช้เวลาในการพิสูจน์อัตลักษณ์ถึง 7 วันในภาวะปกติ แต่ในภาวะสงครามก็จะใช้เวลามากขึ้นไปอีก

ส่วนการอพยพ ขณะนี้เป็นช่วงที่เครื่องบิน สายการบิน Fly Dubai กำลังจะขึ้นเพื่อนำคนไทยมาส่งที่สนามบินอู่ตะเภา โดยจะจอดแวะเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ และจะมาถึงอู่ตะเภาในวันพรุ่งนี้ (15 ต.ค.) เวลาประมาณ 07.25 น. ซึ่งจะมีผู้ว่าราชการจังหวัดระยองและผู้แทนกองทัพเรือไปรอให้การต้อนรับ โดยแรงงานที่มาถึงจะเดินทางต่อมายัง โรงแรม SC PARK กรุงเทพมหานคร คาดว่าจะถึงในเวลา 10.00 น. ญาติสามารถไปรอรับที่นั่นได้

สำหรับจำนวนคนที่ตั้งเป้าว่าเดินทางกลับในเที่ยวบินนี้ มีจำนวน 100 ราย โดยก่อนถึงเวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง มีผู้เดินทางมารอขึ้นเครื่อง 91 ราย โดยจะต้องรอดูต่อไปว่าจะเดินทางมาเพิ่มหรือไม่ แต่เบื้องต้นมี 2 รายเปลี่ยนใจ แจ้งความประสงค์จะอยู่ต่อ ส่วนอีกจำนวนหนึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางไปที่สนามบิน


นางกาญจนา ยังเปิดเผยว่าในวันพรุ่งนี้ (15 ต.ค.) สถานทูตจะอพยพคนไทยด้วยเครื่องบินของกอทัพอากาศ โดยจะออกจากกรุงเทลอาวีฟ ในเวลา 13.00 น. และเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 (บน.6)ในวันที่ 16 ตุลาคม เวลา 04.40 น. จำนวน 137 ราย

ทั้งนี้ยังมีความพยายามที่จะหาเที่ยวบินพิเศษ อีกจำนวนมาก เพื่อพยายามอพยพคนไทยให้ได้วันละ 400 คน และในการประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉินวันนี้ ได้หารือถึงแผนการหาเครื่องบินสายต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อให้สามารถอพยพแรงงานไทยได้ตามเป้าหมาย โดยวันถัดไป จะมีแรงงานไทยเดินทางกลับมากับสายการบินอิสราเอล แอร์ไลน์ คาดว่ามีจำนวน 250 คน และทางรัฐบาลจะจัดเที่ยวบินพิเศษของกองทัพไทยและการบินไทยบินไปรับอย่างต่อเนื่อง

ส่วนศูนย์พักพิงชั่วคราวในอิสราเอล ทางสถานทูตไทยในอิสราเอลได้จองโรงแรมใหม่ เพื่อเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว คือที่ โรงแรมเดวิด อินเตอร์คอนติเนนทอล เทลอาวีฟ เบื้องต้นจองไว้ 100 ห้อง และมีคนไทยส่วนหนึ่งที่สถานทูตช่วยเหลือในการอพยพ เข้าไปพักในศูนย์นี้แล้ว

สำหรับผู้ที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อวานนี้ จำนวน 56 คน กลับถึงภูมิลำเนาโดยปลอดภัย ขณะที่ภาพรวมคนที่ประสงค์กลับตอนนี้มี 7,058 คน สถานทูตอยู่ระหว่างตรวจสอบ เพราะบางส่วนกรอกข้อมูลซ้ำ บางส่วนประสงค์จะอยู่ต่อ

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังเปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้เวลา 16.00 น. นายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาเป็นประธานในการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อติดตามการทำงานของทุกหน่วยงานที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและติดตามสถานการณ์การดำเนินการช่วยเหลือคนไทยอย่างใกล้ชิด

ส่วนกรณีแรงงานไทยส่วนหนึ่ง เปิดเผยว่ากลุ่มฮามาสพูดภาษาไทย เพื่อลวงให้ออกจากที่ซ่อน และเข้าใจว่าคนไทยอาจจะเป็นเป้าหมายนั้น นางกาญจนา ยืนยันว่าคนไทยไม่ได้เป็นเป้าหมายพิเศษ แต่เนื่องจากเป็นสถานการณ์สงคราม ก็จะมีการจับกุมคนอิสราเอล หรือคนชาติต่างๆ ขอย้ำว่าคนไทยไม่ใช่เป้าหมาย และจากการรับฟังข้อมูล คนต่างชาติไม่น่าจะเป็นเป้าหมายหลักในการทำร้าย

ส่วนกรณีกลุ่มฮามาสเปิดเผยว่ามีตัวประกันเสียชีวิต 13 รายจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล มีคนไทยเสียชีวิตรวมอยู่ด้วยหรือไม่นั้น นางกาญจนา ระบุว่า จากติดตามข่าวยังไม่มีการเปิดรายชื่อ จึงยังไม่ทราบว่ามีใครบ้าง หวังว่าจะไม่มีคนไทย แต่ไม่ว่าจะเป็นชาติไหนก็ไม่อยากให้เกิดการสูญเสีย

ส่วนกรณีที่อิสราเอลจะปฏิบัติการภาคพื้นเพิ่มเติมจะมีผลกระทบต่อคนไทยและผู้ที่ถูกจับตัวไปหรือไม่นั้น นางกาญจนา ระบุว่าในแง่การดำเนินการยุทธการทางทหารทางภาคพื้น จะกระทบต่อทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งมีการคาดเดาว่ามีตัวประกันถูกจับและกระจายตัวตามอุโมงค์ใต้ดินต่างๆ ทุกคนมีความกังวล ซึ่งจากการติดตามข่าวทราบว่าทางการสหรัฐและสหประชาชาติ ก็พยายามขอให้อิสราเอลชะลอการปฏิบัติการ เนื่องจากการอพยพคนเป็นล้านในเวลา 24 ชั่วโมง เป็นไปไม่ได้ และคนที่อพยพออกมาจริงก็น้อยมาก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

“อนุทิน”​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรฯ

อุดรธานี ​15 มิ.ย.​- “อนุทิน”​ โหมโรง​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรธานี​ เปิดตัว​ “อดิศักดิ์​” ไทยสร้างไทย บอก​ “นู๋หนู​-​ดู๋ดี๋”​ ซี้กัน​ อวยเป็น สส.คุณภาพ​ ภูมิใจไทย​ ภูมิใจแทน​ รอบหน้าขอชาวอุดรฯ​ เลือกเป็น สส.ภท.​ โอดแทนชาวบ้าน​ ซัด​ห่วย 3 ปี งบโยธาแค่​ 700 ล้าน​ บอกถ้าเลือกภูมิใจไทยซัดไปแล้ว​ 3,000 ล้าน​ เหน็บ​ถนน 4 เลน ใครทำให้กุดอย่าไปเลือก นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์​ สัมพันธรัตน์​ ปลัดกระทรวงมหาดไทย​ และผู้บริหารระดับสูง​ ลงพื้นที่เทศบาลตำบลจำปี​ อำเภอศรีธาตุ​ จังหวัดอุดรธานี​ เพื่อพบปะประชาชน ที่โรงเรียนศรีธาตุพิทยาคม​ โดยมี​นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี​ พรรคไทยสร้างไทย​ ให้การต้อนรับ โดยนายอนุทิน​ ได้รับฟังการรายงานความคืบหน้าการ​แก้ไขปัญหา​ในพื้นที่ ก่อนจะขึ้นเวทีพร้อมกับ […]

จับตาประชุม JBC วันที่ 2 หลังกัมพูชายื่นศาลโลก

กัมพูชา 15 มิ.ย.-ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา วันที่ 2 เริ่มขึ้นแล้ว ที่กรุงพนมเปญ หลังวานนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยมีการประชุมวงเล็กก่อน จากนั้นอาจมีการแถลงร่วมกัน ต้องจับตาว่าวันนี้จะได้ข้อยุติหรือไม่ รวมถึงท่าทีของแต่ละฝ่าย หลังกัมพูชายื่นศาลโลก.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ เปิดทำเนียบต้อนรับ “โอปอล สุชาตา” พรุ่งนี้

ทำเนียบ 15 มิ.ย.-รัฐบาลเตรียมเปิดตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ ต้อนรับ “โอปอล สุชาตา” Miss World 2025 ร่วมโชว์พลังหญิง นำเสนอวัฒนธรรมที่สร้างสรรค์ให้กับประเทศไทยในทุกมิติ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน 2568) รัฐบาลเตรียมเปิดตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ให้การต้อนรับ “โอปอล” นางสาวสุชาตา ช่วงศรี Miss World คนแรกของประเทศไทย ที่เพิ่งคว้ามงกุฎระดับโลกในการประกวด Miss World ประจำปี 2025 ที่ประเทศอินเดีย มีกำหนดการเข้าพบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในเวลา 10.00 น. การพบปะกันในครั้งนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังของสตรีไทย ที่สามารถสร้างชื่อเสียงและแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นสิทธิสตรี การศึกษา และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายรัฐบาลในปัจจุบัน การเข้าเยี่ยมคารวะของ Miss World 2025 ยังเป็นการส่งสารเชิงบวกต่อประชาคมโลกว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านความเท่าเทียมทางเพศอีกด้วย […]