นายกฯ เรียกประชุมด่วน วางแนวทางช่วยคนไทยในอิสราเอล

กรุงเทพฯ 12 ต.ค. – นายกฯ กลับจากต่างประเทศลุยงานทันที เรียกประชุมด่วนที่ กต. วางแนวทางนำแรงงานไทยลอตใหญ่ กลับจากอิสราเอล เสริมเที่ยวบินรองรับ


ทันทีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางถึงประเทศไทยในเวลา 16.30 น. หลังกลับจากการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้เดินทางมายังกระทรวงการต่างประเทศ ในเวลา 17.07 น. เพื่อประชุมร่วมกับศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินต่อสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล หรือศูนย์ Rapid Response Center : RRC โดยมี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

รวมถึงยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ อาทิ นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ, นายศิระ สว่างศิลป์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโดฮา, สถานกงสุลใหญ่ไทยในบางประเทศแถบตะวันออกกลาง, กองบัญชาการกองทัพไทย, กรมข่าวทหารบก และกรมสุขภาพจิต


โดยที่ประชุมวันนี้ รายงานความคืบหน้ากรณีผู้ได้รับบาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต รวมถึงการอพยพคนไทย ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกที่มีการอพยพและจากอิสราเอลเดินทางกลับมายังประเทศไทย อีกทั้งยังติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน โดยเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้รายงานสถานการณ์ในอิสราเอล หลังเกิดเหตุการณ์สู้รบ ระหว่างอิสราเอล และกลุ่มฮามาส เข้าสู่วันที่ 7 แล้ว ตั้งแต่เมื่อคืน (11 ต.ค.) จนถึงวันนี้ (12 ต.ค.) ยังคงมีการโจมตีระหว่างกันด้วยจรวดอยู่บ้าง และในวันนี้ มีการยิงระเบิดเข้ามาในพื้นที่ฉนวนกาซา เวสต์แบงก์ และทางเหนือของอิสราเอล เป็นระยะ

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวระบุว่า ทันทีที่เดินทางมาถึงประเทศไทยก็ตรงมาที่กระทรวงการต่างประเทศ เนื่องจากสถานการณ์ในอิสราเอลขยับความรุนแรงเพิ่มขึ้น มีแรงงานไทยอยู่ในจุดเสี่ยงแสดงความประสงค์ในการเดินทางกลับประเทศไทยกว่า 6,000 คน ซึ่งเข้าใจถึงความเป็นห่วงเป็นใยของญาติพี่น้อง และความกังวลของผู้ที่อยู่ในอิสราเอล แต่ก็มีหลายเรื่องที่เป็นปัญหาโดยเฉพาะเรื่องของการบินที่จะสามารถนำคนไทยกลับมาได้เพียงวันละ 1 เที่ยวบินเท่านั้น แม้กองทัพอากาศได้จัดเตรียมเครื่องบิน C130 และ Airbus 340 ซึ่งจะออกจากประเทศไทยในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ และจะมีคนไทยเดินทางกลับมาจำนวน 140 คน แต่ตนเองได้สั่งการไปว่าหากสามารถบินได้วันละหนึ่งเที่ยวบินจะน้อยมาก

ที่ประชุมจึงเห็นร่วมกันให้สั่งการเตรียมเครื่องบิน นกแอร์จำนวน 2 ลำ แอร์เอเชีย 2 ลำ ส่วนการบินไทยจะให้คำตอบในวันพรุ่งนี้ (13 ต.ค.) ว่าจะจัดเตรียมเครื่องบินให้ได้หรือไม่ อีกทั้งเรื่องของเที่ยวบินพิเศษจะต้องประสานบินผ่านน่านฟ้า โดยกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการเรื่องนี้แล้ว อย่างเร็วที่สุด 48 ชั่วโมง จะสามารถทำการบินได้ จึงขอให้เตรียมพร้อมเครื่องบินทั้ง 4 ลำ


ส่วนทูตไทยในอิสราเอล แจ้งว่าจะสามารถนำแรงงานออกมาจากจุดเสี่ยงได้วันละ 200 คน ซึ่งหากใช้เที่ยวบินวันละลำ จะใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะนำแรงงานไทยกลับมาหมด ส่วนเรื่องเอกสารย้ำว่าเป็นเรื่องรอง เพราะรายงานไทยบางคนอาจทำเอกสาร เช่น พาสปอร์ตหายไป ขณะเดียวกันยังมีการพิจารณาถึงการลำเลียงคนไทยบินออกไปประเทศที่สาม เพื่อจะนำคนไทยออกมาจากในพื้นที่ก่อน ก็จะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถนำคนไทยกลับประเทศได้เร็วขึ้น เพียงแต่จะติดขัดหากแรงงานไม่มีเอกสาร ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนทางการทูตที่เราต้องพิจารณายืนยันว่าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น และรัฐบาลให้ความเป็นห่วงและให้ความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับเรื่องนี้

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่าขณะนี้พยายามเจรจาทุกช่องทางเรื่องการช่วยเหลือแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน และหน่วยงานด้านความมั่นคงพยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือแรงงานไทย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

car blocked hydrant delaying Thai temple fire control in New York

เปิดภาพรถจอดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงในเหตุไฟไหม้วัดไทย

นิวยอร์ก 13 ก.พ. – หน่วยงานดับเพลิงในนครนิวยอร์กโพสต์ภาพรถยนต์ที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิง เป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าในการดับไฟไหม้วัดไทยในเขตบรองซ์ของนครนิวยอร์ก ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมกับเปิดเผยสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้ นายโรเบิร์ต เอส. ทักเกอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานดับเพลิงนิวยอร์กหรือเอฟดีเอ็นวาย (FDNY) โพสต์ในแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) แสดงความเสียใจกับเหตุไฟไหม้ในเขตบรองซ์ และขอบคุณสภากาชาดและหน่วยงานฉุกเฉินที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมกับโพสต์ภาพรถยนต์ที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิง โดยระบุว่า นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 วันที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงประสบปัญหาหัวจ่ายน้ำดับเพลิงถูกกีดขวาง และครั้งนี้เป็นหัวจ่ายน้ำดับเพลิงที่อยู่ตรงข้ามกับอาคารที่เกิดไฟไหม้ วินาทีที่มีค่าต้องสูญเปล่าเพราะยวดยานที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงอย่างผิดกฎหมาย เรื่องนี้เป็นยิ่งกว่าการทำผิดกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องของความเป็นความตาย ด้านเอฟดีเอ็นวายโพสต์เอ็กซ์ว่า เหตุไฟไหม้วัดอุษาพุฒยาราม เมื่อราว 06.00 น. วานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทวีความรุนแรงจากการเตือนภัยระดับ 2 เป็นระดับ 3 เจ้าหน้าที่มากกว่า 40 หน่วย รวม 150 นาย พยายามควบคุมไฟที่ไหม้ 2 อาคาร แต่น่าเสียใจที่มีผู้เสียชีวิต 2 คน มีรถยนต์คันหนึ่งจอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงไม่นานมานี้ เอฟดีเอ็นวายโพสต์ในเวลาต่อมาว่า เหตุไฟไหม้ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากเครื่องทำความร้อนแบบพกพาสัมผัสกับวัสดุที่ติดไฟง่าย พร้อมกับย้ำว่า […]

ปลอดภัยแล้ว นร.ถูกเก๋งฝ่าไฟแดงพุ่งชนขณะข้ามทางม้าลาย

รถเก๋งฝ่าไฟแดงชนนักเรียนขณะข้ามทางม้าลายหน้าโรงเรียนดัง คนขับอ้างไม่ใช่คนพื้นที่ มัวมองดู GPS ส่วนน้องนักเรียนปลอดภัยแล้ว

ภูมิใจไทยวอล์กเอาต์

ประชุมร่วมรัฐสภา วุ่นตั้งแต่เริ่ม “ภท.” วอล์กเอาต์ยกพรรค

“ภูมิใจไทย” วอล์กเอาต์ยกพรรคตั้งแต่เริ่มถกแก้ รธน. “ไชยชนก” บอกขัดต่อคำวินิจฉัยศาล ด้าน “หมอเปรม” โร่เสนอญัตติด่วนขอให้ศาล รธน.ตีความก่อน ลั่น เป็นคนมีวุฒิภาวะ-ทำอะไรรอบคอบ บรรจงเขียนอย่างสุดยอดในชีวิต ทำ “ณัฐวุฒิ” โวยยังไม่เห็นเอกสาร สุดท้ายประธาน “วันนอร์” สั่งพักประชุม 15 นาที

ข่าวแนะนำ

ฆ่าอำพราง 3 ศพ พ่อแม่ลูก ยัดใส่รถกระบะ

สะเทือนขวัญ! ฆ่าอำพราง 3 ศพ พ่อแม่ลูก ยัดใส่รถกระบะทิ้งบ้านร้างริมถนน พื้นที่ อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ญาติเผยหายตัวไปตั้งแต่ 12 ม.ค.68

“ไทด์ เอกพันธ์” ให้ข้อมูล DSI คดีแตงโม มั่นใจจำได้ทุกบาดแผล

“ไทด์ เอกพันธ์” เข้าให้ข้อมูล DSI คดีแตงโม ยืนยันจำได้ทุกบาดแผล มั่นใจ รอยกรีดลึกยาวโคนขาขวาด้านในไม่ใช่สาเหตุจากใบพัดเรือ ขณะที่ศาลนัดฟังคำพิพากษา 23 พ.ค.นี้

สภาล่ม

สภาฯ ล่ม​ องค์ประชุมไม่ครบ วอล์กเอาต์ 2 รอบ

ล่ม​จนได้​ องค์ประชุมไม่ครบ​ หลัง​มีวอล์กเอาต์ 2 รอบ และมีมติไม่เลื่อนญัตติด่วน “หมอเปรม” ขอให้ส่งศาลตีความก่อนถกร่างแก้ไข รธน.