“บิ๊กทิน” ตรวจเยี่ยม ทบ. พอใจบทบาททหารต่อการเมือง

กรุงเทพฯ 12 ต.ค. – ทบ. จัดเต็มส่งรถม้า-หมู่ม้า นำขบวนรับ “บิ๊กทิน” ตรวจเยี่ยม มอบเข็มกิตติมศักดิ์ 5 หน่วย วอนคุยรัฐบาล หนุนงบกลาง รับบริหารงบปี 67 ไม่ทัน ส่วน “สุทิน” พอใจบทบาททหารต่อการเมือง ขออดทนอดกลั้น ส่วนการเมืองไม่สร้างเงื่อนไขนำไปสู่ปัญหา


12 ต.ค. 2566 เวลา 14.00 น. นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทัพบก อย่างเป็นทางการ หลังจากรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมีพลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก ให้การต้อนรับ

โดยกองทัพบกได้จัดรถม้าและหมู่ม้า 47 ม้า นำขบวนมารอรับด้านหน้าประตูกองทัพบก ถนนราชดำเนิน เมื่อ นายสุทินมาถึงได้ขึ้นรถม้าเข้าไปยังลานประกอบการตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ


จากนั้นนายสุทินได้ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกองทัพบก ก่อนฟังบรรยายสรุปภารกิจของกองบัญชาการกองบก รับชมวีดิทัศน์การพร้อมมอบนโยบายในการปฏิบัติงานให้แก่กองบัญชาการกองทัพบก

ทั้งนี้ กองทัพบกได้มอบเครื่องหมายแสดงความสามารถพิเศษนักกระโดดร่มชั้นกิตติมศักดิ์ เครื่องหมายจู่โจมกิตติมศักดิ์ โดยศูนย์การทหารราบ เครื่องหมาย EOD โดยกรมสรรพาวุธทหารบก เครื่องหมายสงครามทุ่นระเบิด โดยกรมการทหารช่าง และเครื่องหมายนักบิน โดยศูนย์การบินทหารบก

ต่อมานายสุทิน แถลงข่าวว่า วันนี้จะมีประชุมกับนายกรัฐมนตรีที่กระทรวงการต่างประเทศ จึงใช้เวลาไม่นาน วันนี้ถือเป็นการมาตรวจเยี่ยมกองทัพบก ตามแผนการปฏิบัติงานและตามธรรมเนียม


“ได้มานั่งรถม้าก็รู้สึกตื่นเต้น ตอนเด็กเคยนั่งอยู่ที่บ้าน แต่ไม่ใช่รถม้าเกียรติยศ แล้วรู้สึกประทับใจกับการต้อนรับของกองทัพบก ได้รับเกียรติและได้รับความร่วมมือ เป็นที่พึงพอใจ

วันนี้ได้เห็นความเข้มแข็งของกองทัพ และสิ่งสำคัญที่สุดได้เห็นการตอบสนองด้านนโยบาย จากการรายงาน การชมนิทรรศการได้ทราบว่านโยบายรัฐบาลที่มอบให้ได้ทำล่วงหน้าไปมากแล้ว ส่วนที่เหลือเชื่อมั่นจะราบรื่น เพราะนโยบายของรัฐบาลก็สอดคล้องกับนโยบายของกองทัพ นอกจากนี้ได้รับทราบปัญหาและความต้องการของกองทัพหลายอย่าง พร้อมที่จะนำไปแก้ไข สนับสนุนให้กองทัพทันสมัยเป็นที่พึ่งของประชาชน

ส่วนนโยบายเรื่องที่ดินที่อยู่ในความครอบครองของทหารนั้น กองทัพพยายามคัดแยกอยู่หลายพื้นที่ ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะพื้นที่ จ.อุดรธานี ที่ดินตรงไหนที่ใช้จริง ตรงไหนไม่ได้ใช้ก็คัดออกมาในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุ
ของกรมธนารักษ์ ที่มีประชาชนอยู่ บางพื้นที่อยู่ในข้อพิพาทกับประชาชน หากจะคืนกองทัพต้องแก้ปัญหาข้อพิพาทก่อน ส่งมอบกรมธนารักษ์”

นายสุทิน ระบุต่อว่า ส่วนความต้องการของกองทัพบกนั้น ไม่ได้ขออะไร แต่ขอในเรื่องของงบประมาณปี 67 ที่จะเข้าสภาฯ เนื่องจากมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง เกรงว่าจะบริหารงบประมาณไม่ทัน รัฐบาล รมว.กลาโหม อาจต้องช่วย ทั้งงบกลางหรืองบอะไรก็แล้วแต่ช่วยเติมให้ลื่นไหลไปได้ ส่วนในปีต่อไปเรื่องงบประมาณก็ให้ฝ่ายการเมืองได้ช่วยพิจารณา บนเหตุและผลซึ่งตนก็รับไปที่จะชี้แจงให้กับกองทัพในทุกๆ ด้าน รวมถึงด้านยุทโธปกรณ์ก็ให้ซื้อเท่าที่จำเป็น และเป็นงบที่ใช้คุ้มค่าโปร่งใส ตรวจสอบได้ ถือเป็นหลักการที่เราทำร่วมกัน ในขณะที่การช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัยประชาชนนั้น หากเหล่าทัพมีงบประมาณไม่เพียงพอรัฐบาลก็จะใช้งบกลางในการสนับสนุนให้

นายสุทิน ยอมรับว่า วันนี้ไม่ได้หารือถึงแผนพัฒนากำลังรบของกองทัพบก ในเรื่องการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ รถถัง ทดแทนของเก่า ไม่ได้ลงรายละเอียด ซึ่งจะคุยกันรายละเอียดในครั้งต่อไป

ทั้งนี้ ตอนได้ฝากกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ใช้ทหารเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นการจะลดหรือปรับเข้าสู่การสมัครใจโดยสมบูรณ์ กองทัพบกจะเป็นกำลังหลักก็ฝาก ผบ.ทบ. ให้ช่วยคิดและช่วยทำ และนำเหล่าทัพอื่นให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ส่วนพอใจกับบทบาทและจุดยืนของกองทัพทางด้านการเมืองหรือไม่นั้น นายสุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะตนที่พอใจ เท่านี้ตนสัมผัสดูประชาชนก็พอใจ และเชื่อเข้าใจกันว่าบางภารกิจ วันนี้นโยบายสำคัญคือให้กองทัพทันสมัยสู้กับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ บางภารกิจที่ประชาชนเขาตำหนิ กองทัพก็รู้ดีอยู่แล้ว และก็ไม่อยากทำ ก็ฝากให้ท่านอดกลั้น และอุดกั้นให้มากๆ ก็เท่านั้นเอง

เมื่อถามว่ารัฐบาลนี้จะไม่สร้างเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ปัญหาอดีตใช่หรือไม่ นายสุทิน ระบุว่า ฝ่ายประชาชนและฝ่ายเรา ก็ต้องทำอย่างนั้น ตบมือข้างเดียวคงไม่ดัง ต้องช่วยกันทั้งสองฝ่าย

เมื่อถามว่าต้องอดกลั้นกันทั้งสองฝ่ายใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่การอดกลั้น ไม่ให้ภารกิจไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]