ทำเนียบ 12 ต.ค.- โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำที่พิษณุโลก 14 ต.ค.นี้ หารือประเด็นปัญหาน้ำประปา-การระบายน้ำ พัฒนาพื้นที่ต้นแบบวางแผนเพิ่มสถานีสูบน้ำ
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะลงพื้นที่จ.พิษณุโลกวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคมนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ หลังรับมวลน้ำจากสถานการณ์วิกฤติฝนตกหนักทางภาคเหนือและจังหวัดสุโขทัยที่ไหลเข้าสู่พื้นที่จ.พิษณุโลก ท่วมแม่น้ำยมสายเก่า-ทุ่งบางระกำโมเดล ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำเหนือในพื้นที่อ.พรหมพิราม อ.บางระกำ และ อ.เมืองพิษณุโลก โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ร่วมคณะเดินทางตรวจราชการ ซึ่งมีกำหนดการ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับกำหนดการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี วันที่ 14 ต.ค. เวลาประมาณ 09.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ไปยังท่าอากาศยานทหารกองบิน 46 ต.อรัญญิก อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก โดยเมื่อเดินทางถึง จ.พิษณุโลก นายกรัฐมนตรีจะไปสักการะพระพุทธชินราช ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือ “วัดใหญ่” ตั้งอยู่ที่ถนนพุทธบูชาริมฝั่งแม่น้ำน่านด้านทิศตะวันออก ตรงข้ามกับศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เป็นพระอารามหลวง ชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปในฐานะสถานที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช พระพุทธรูปที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นวัดที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่กรุงสุโขทัย มีสถาปัตยกรรม ศิลปกรรมและประติมากรรมที่งดงามยิ่ง ถือได้ว่าเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเมืองพิษณุโลก
นายชัย กล่าวว่า เวลา 10.30 น. นายกรัฐมนตรีจะไปตรวจเยี่ยมโรงผลิตน้ำประปา เทศบาลนครพิษณุโลก อ.เมืองพิษณุโลก เพื่อพูดคุยปัญหาน้ำประปา แล้วจะเดินทางต่อไปยังบึงตะเครง อ.บางระกำ เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำ พูดคุยประเด็นปัญหา ข้อจำกัด และวิธีการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ ต่อจากนั้นในช่วงบ่าย เวลาประมาณ 14.45 น. นายกรัฐมนตรีจะไปตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหอกลอง อ.พรหมพิราม เพื่อพูดคุยปัญหาการระบายน้ำ และการวางแผนเพิ่มสถานีสูบน้ำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน แล้วเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร
“จากสถานการณ์ฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของประเทศรวมถึงพื้นที่ภาคเหนือ นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยประชาชน ได้กำชับและสั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะได้กำชับให้ กรมชลประทานเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำ กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในระยะนี้ยังคงมีฝนตกหนักในหลายจังหวัด ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเร่งให้ความช่วยเหลือ และให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบความมั่นคงของพนังกั้นน้ำ อาคารชลประทาน ให้มีความพร้อมใช้งานได้ตลอดช่วงฤดูน้ำหลากนี้ รวมถึงให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่รับทราบสถานการณ์น้ำล่วงหน้า เพื่อให้ประชาชนเตรียมความพร้อมรับมือได้ทันกับสถานการณ์ ตลอดจนให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันเข้าไปช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในขณะนี้ให้ได้มากที่สุด จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย