แรงงานไทยจากอิสราเอล ถึงไทยแล้ว 41 คน

สนามบินสุวรรณภูมิ 12 ต.ค.-แรงงานไทยลอตแรกจากอิสราเอลมาถึงแล้ว 41 คน ยืนยันหาทางอพยพคนไทยกลับโดยเร็วและปลอดภัยที่สุด เล็งประเทศที่ 3 เป็นที่รวมพล นายกฯ ถึงไทยเย็นนี้ ประชุมวางแผนทันที ขณะที่แรงงานเล่า คิดว่าวันนั้นไม่น่ารอด เพราะรุนแรงมาก

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมารับแรงงานไทยลอตแรกที่เดินทางกลับมาจากอิสราเอล


นายปานปรีย์ กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเป็นห่วงแรงงานไทยเป็นอย่างยิ่งและได้มอบหมายให้ตน พร้อมรัฐมนตรีมาต้อนรับผู้ที่เดินทางกลับมาในวันนี้(12 ต.ค.) รวมทั้งหมด 41 คน โดยได้รับการช่วยเหลือจากสถานทูตไทยในอิสราเอล 15 คน และอีก 26 คน ซื้อตั๋วเดินทางกลับมาเอง 

พร้อมยืนยันทางการไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ ในการช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในอิสราเอลและแสดงความจำนง ให้เดินทางกลับมาประเทศไทยเร็ว และปลอดภัยที่สุด


“ยอมรับว่าขณะนี้การเดินทางเป็นไปค่อนข้างลำบาก ซึ่งเจ้าหน้าที่โดยรัฐบาลไทยได้ประสานงานกับหลายประเทศ  ขณะนี้ได้รับแจ้งว่า มีคนลงทะเบียนแล้ว 5,990 คน ทราบว่าคนไทยกระจัดกระจายหลายพื้นที่ แต่ได้รับแจ้งจากแรงงานไทยวันนี้ว่าขณะนี้สถานการณ์ภายใน เจ้าหน้าที่ทางการอิสราเอลสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เชื่อว่าประชาชนจะได้รับการคุ้มครองดูแล พร้อมกันนี้เราได้ประสานงานกับการบินพาณิชย์หลายสาย ซึ่งทุกสายของประเทศไทยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หากติดต่ออิสราเอลและประเทศข้างเคียงได้ ก็จะสามารถนำคนไทยกลับมาอีกจำนวนมาก นอกจากนี้กองทัพอากาศ ได้ให้ความร่วมมืออย่างดี และกำลังคิดว่านำคนไทยกลับมาเพิ่มขึ้นและรวดเร็ว” นายปานปรีย์ กล่าว

นายปานปรีย์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังดูช่องทาง หาวิธีที่จะต้องทำคือพยายามดึงคนไทยที่ต้องการกลับ ให้ไปรวมตัวอยู่ในที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด ซึ่งต้องไปประเทศที่ 3 โดยวันนี้จะมีการประชุมกันว่าจะสามารถนำแรงงานไทยในอิสราเอลไปอยู่ในประเทศไหนได้บ้าง และจากประเทศที่ 3 เมื่อปลอดภัยแล้ว จะนำทั้งหมดกลับประเทศไทยต่อไป และช่วงบ่ายนี้นายกรัฐมนตรีกลับมาจากต่างประเทศ ก็จะเรียกประชุมหามาตรการต่อไป

นายปานปรีย์ กล่าวว่า ส่วนตัวประกันชาวไทยมีตัวเลขเพิ่มขึ้น เข้าใจว่าล่าสุดเมื่อเช้า ถูกควบคุมตัว 16 คนกำลังประสานกับประเทศข้างเคียงและรัฐบาลอิสราเอล เพื่อช่วยเหลือตัวประกันออกมาในที่ปลอดภัยให้เร็วที่สุด ซึ่งน่าจะอยู่กระจัดกระจาย แต่เชื่อว่าน่าจะมีความปลอดภัย เพราะเราไม่ใช่ประเทศคู่ขัดแย้ง


นายกรัชกร พุทธสอน แรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บจากอิสราเอล เล่าว่า ตอนนี้ดีใจมากที่ทุกหน่วยงานช่วยคนบาดเจ็บได้กลับมาประเทศไทยในชุดแรก ซึ่งตนโดนยิงที่หัวเข่า ตอนเช้าที่เกิดเหตุสู้รบกัน ตนและนายจ้างไปหลบภัยที่บ้าน และเมื่อถึงเวลาเที่ยง นายจ้างบอกว่าสงบแล้ว จะพาไปทานข้าว ระหว่างทางกลับเข้าที่พัก มีเสียงลูกปืนยิงมาจากทางถนนซึ่งตนอยู่ท้ายรถ ในตอนแรกไม่ทราบ ว่าเป็นเสียงอะไร

“มีโดนเข้าหัวเข่าคิดว่าโดนก้อนหิน แต่ทะลุเข้าไป จึงบอกให้เพื่อนหมอบลง และขอให้นายจ้างขับพาพวกตนหนี แต่มีไล่ยิงตาม และคนที่ 2 หมอบอยู่ตัวถังรถก็โดนยิงทะลุตัวถังรถเข้ามาโดนขา วันนั้นโดนกัน 4 คน ไปกัน 7-8 คน และโดนยิงทะลุกระจกเข้ามา มีเพื่อนโดนยิงตรงแก้ม ตนยังคิดว่า วันนั้นไม่น่าจะมีชีวิตรอดเพราะรุนแรงมาก คือยิงกันรัวๆ ไม่ได้ยิงทีละเม็ด ยิงมาเป็นชุด และญาติของนายจ้างก็ช่วยเข้าไปในที่หลบภัย และให้โทรหารถกู้ชีพมารับไปโรงพยาบาล” นายกรัชกร กล่าว

ด้านแรงงานไทยอีกคน กล่าวว่า ร่างผู้เสียชีวิต หากเป็นชาวอิสราเอล พิสูจน์ตัวตนได้ จะทำพิธีทางศาสนา ส่วนของชาติอื่นจะใส่ถุงและมัดรวมกันไว้ในห้องเย็น ยังไม่มีการเคลื่อนย้ายรอการพิสูจน์ตัวตน DNA เพราะวันที่เสียชีวิตไม่มีใครพกเอกสารติดตัว อันนี้คือเรื่องจริง

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผู้ทำไปทำงานในอิสราเอล ทางรัฐบาลไทยเราถือว่าผู้ที่ได้สร้างประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กระทรวงสาธารณสุขให้การดูแลทั้งด้านสุขภาพจิตและด้านร่างกาย และหากผู้ใดเจ็บป่วย เราได้เตรียมทั้งโรงพยาบาลที่อยู่ในเครือของกระทรวงสาธารณสุข และบําราศนราดูรไว้ดูแล พร้อมรับเป็นคนไข้ของกระทรวง เรามีความตั้งใจจะดูแลผู้ที่กลับมาอย่างเต็มที่ เสมือนเป็นบุคคลพิเศษ เพราะฉะนั้นสบายใจได้ ในขณะเดียวกัน ทางรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีก็มีความตั้งใจที่จะส่งเครื่องบินทั้งหมดที่มี ระดมกันไปเท่าที่น่านฟ้าของอิสราเอลจะเปิด เพื่อรับผู้ที่มีความประสงค์จะกลับบ้านอย่างเร็วที่สุด

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า กล่าวว่า กระทรวงกลาโหม ได้หารือกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ซึ่งมีข้อกังวลว่าจำนวนผู้ประสงค์จะกลับประเทศมากขึ้น ทำให้เครื่องบินของกองทัพอากาศอาจจะไม่สามารถบินได้ทันตามความต้องการ

“ได้ข้อสรุปว่า เราควรมีแผนสอง คือใช้เครื่องบินกองทัพอากาศลำเลียงคนไทยออกจากจุดที่เสี่ยงมาไว้ที่ประเทศข้างเคียงก่อน  โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนื่องจากการทำวิธีนี้น่าจะเร็วกว่า เมื่อพ้นอันตรายแล้ว ค่อยลำเลียงกลับบ้าน นี่คือแนวทางปฏิบัติใหม่ที่เราสามารถเริ่มดำเนินการได้เลย”นายสุทิน กล่าว

นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ได้ให้การดูแลผู้ที่มาถึง 15,000 บาท สำหรับผู้ที่เสียชีวิตดูแล 40,000 บาท และค่าทำศพ 40,000 บาท

ในส่วนที่ทางการอิสราเอลจะดูแลสำหรับผู้บาดเจ็บ 10-19% จะได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลอิสราเอล 1,440,000 บาทโดยประมาณ สำหรับผู้ที่บาดเจ็บเกินกว่า 20% ก็จะต้องดูเป็นรายกรณี ซึ่งจะดูแลเป็นรายเดือนจนกว่าจะเสียชีวิต แต่จะได้รับเดือนละเท่าไหร่ทางกระทรวงแรงงานเราจะเป็นผู้เจรจาให้

“สำหรับผู้ที่เสียชีวิตภรรยาจะได้รับ 35,000 บาทต่อเดือน จนกระทั่งมีสามีใหม่ หรือมีการสมรสใหม่แล้ว ในกรณีของบุตรธิดาก็จะดูแลเยียวยาต่อคนต่อเดือน ประมาณเดือนละ 12,000 บาท จนกระทั่งอายุครบ 18 ปี จึงหยุดการดูแล หากเป็นบุคคลที่ไม่มีบุตรและไม่ได้แต่งงานสิทธิตรงนี้ จะถูกนำไปให้พ่อแม่ ซึ่งดูแลพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตไปจนกระทั่งพ่อแม่เสียชีวิต” นายพิพัฒน์ กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในข้อกังวลต่างๆ ทางกระทรวงแรงงานได้ประสานกับทางรัฐมนตรีแรงงานอิสราเอล ถึงกรณีที่หากกลับประเทศไทยแล้ว จะมีโอกาสกลับไปทำงานในอิสราเอลได้หรือไม่ ถ้าคนที่กลับมาก่อนหมดสัญญา 5 ปี เราจะพยายามประสานกับทางนายจ้างผ่านทางเอเจนซี่ และเราได้ดูแลค่าใช้จ่ายที่จะไปทำงานต่อให้แล้วในครั้งแรก แต่ในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป เราจะมีการหารือว่าเราจะหาเงินกองทุนจากตรงไหน แต่ถ้าสุดท้ายเราไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ทั้งหมด ก็คงจะต้องหันหน้าไปพึ่งนายกรัฐมนตรี ในการขอให้รัฐบาลช่วยเยียวยา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จภายในเที่ยงคืนนี้

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค. – รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จสิ้นภายในเที่ยงคืนนี้ ด้าน พฐ.ร่วมตรวจหาสาเหตุตกรางกับนายช่างรถไฟ สันนิษฐานเบื้องต้นนอตล็อกประแจสับรางหลุด ส่วนผู้บาดเจ็บ 10 ราย ออกจาก รพ.แล้ว ความคืบหน้าเหตุรถไฟขบวนด่วนพิเศษ สุไหงโก-ลก ปาดังเบซาร์ ปลายทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ประสบอุบัติเหตุตกราง ก่อนถึงสถานีรถไฟกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 100 เมตร เหตุเกิดเมื่อช่วงตี 5 วันนี้ โดยตู้โดยสารที่เกิดเหตุคือ 3 ตู้สุดท้าย 10-12 ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 10 คน นำส่งโรงพยาบาลกุยบุรี ผู้โดยสารตู้ที่ตกราง เจ้าหน้าที่จัดรถบัสนำส่งต่อไปยังจุดหมายปลายทาง ส่วนตู้โดยสารที่ไม่ตกราง เดินทางต่อจนถึงสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ ล่าสุดตำรวจ สภ.กุยบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจหาสาเหตุรถไฟตกราง ร่วมกับนายช่างวิศวกรของการรถไฟฯ อีกครั้ง จากการตรวจสอบสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากนอตยึดอุปกรณ์ประแจตัวสับรางหลุด ขณะที่ขบวนรถไฟวิ่งผ่านไปแล้ว 9 ตู้ เหลือ 3 ตู้สุดท้าย ทำให้ไม่สามารถบังคับให้วิ่งตามไปด้วยกันได้ จึงถูกกระชากหลุดด้วยแรงเฉื่อยของความเร็วรถไฟแล้วตกจากราง หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ […]

“บุ๋ม” รับผ้ายันต์-เหรียญครุฑ หลวงพ่อวราห์ แจกทหารชายแดน

9 ส.ค. – “บุ๋ม ปนัดดา” เริ่มภารกิจโฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. วันแรก เข้ารับผ้ายันต์-เหรียญครุฑ จากหลวงพ่อวราห์ นำไปมอบให้ทหารชายแดนไทย-กัมพูชา สร้างขวัญกำลังใจแนวหน้า บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี โฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. ที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือบิ๊กเล็ก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่งตั้ง เข้าพบหลวงพ่อวราห์ พระเทพวชิระวิทยานุสิฐ วราห์ ปุญฺญวโร ตำนานผู้สร้างพญาครุฑ เพื่อรับผ้ายันต์และเหรียญครุฑ ไปแจกให้ทหารตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจทหารแนวหน้า บุ๋ม ปนัดดา กล่าวว่า ได้รับการประสานจากหลวงพ่อวราห์ ให้เข้ามารับผ้ายันต์และเหรียญครุฑ นำไปมอบให้กับทหารชายแดน เพราะทหารต้องการขวัญและกำลังใจ ดังนั้น อะไรที่ทำให้ทหารอุ่นใจและมีกำลังใจก็จะทำให้ สำหรับผ้ายันต์หลวงพ่อวราห์ แห่งวัดโพธิ์ทอง บางมด กรุงเทพฯ ผ้ายันต์รุ่นบูชาครู จำนวน 2,000 ผืน และเหรียญครุฑ รุ่นเฉพาะกิจ จำนวน 2,000 เหรียญ ที่บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี […]

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]