แรงงานไทยจากอิสราเอล ถึงไทยแล้ว 41 คน

สนามบินสุวรรณภูมิ 12 ต.ค.-แรงงานไทยลอตแรกจากอิสราเอลมาถึงแล้ว 41 คน ยืนยันหาทางอพยพคนไทยกลับโดยเร็วและปลอดภัยที่สุด เล็งประเทศที่ 3 เป็นที่รวมพล นายกฯ ถึงไทยเย็นนี้ ประชุมวางแผนทันที ขณะที่แรงงานเล่า คิดว่าวันนั้นไม่น่ารอด เพราะรุนแรงมาก

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมารับแรงงานไทยลอตแรกที่เดินทางกลับมาจากอิสราเอล


นายปานปรีย์ กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเป็นห่วงแรงงานไทยเป็นอย่างยิ่งและได้มอบหมายให้ตน พร้อมรัฐมนตรีมาต้อนรับผู้ที่เดินทางกลับมาในวันนี้(12 ต.ค.) รวมทั้งหมด 41 คน โดยได้รับการช่วยเหลือจากสถานทูตไทยในอิสราเอล 15 คน และอีก 26 คน ซื้อตั๋วเดินทางกลับมาเอง 

พร้อมยืนยันทางการไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ ในการช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในอิสราเอลและแสดงความจำนง ให้เดินทางกลับมาประเทศไทยเร็ว และปลอดภัยที่สุด


“ยอมรับว่าขณะนี้การเดินทางเป็นไปค่อนข้างลำบาก ซึ่งเจ้าหน้าที่โดยรัฐบาลไทยได้ประสานงานกับหลายประเทศ  ขณะนี้ได้รับแจ้งว่า มีคนลงทะเบียนแล้ว 5,990 คน ทราบว่าคนไทยกระจัดกระจายหลายพื้นที่ แต่ได้รับแจ้งจากแรงงานไทยวันนี้ว่าขณะนี้สถานการณ์ภายใน เจ้าหน้าที่ทางการอิสราเอลสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เชื่อว่าประชาชนจะได้รับการคุ้มครองดูแล พร้อมกันนี้เราได้ประสานงานกับการบินพาณิชย์หลายสาย ซึ่งทุกสายของประเทศไทยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หากติดต่ออิสราเอลและประเทศข้างเคียงได้ ก็จะสามารถนำคนไทยกลับมาอีกจำนวนมาก นอกจากนี้กองทัพอากาศ ได้ให้ความร่วมมืออย่างดี และกำลังคิดว่านำคนไทยกลับมาเพิ่มขึ้นและรวดเร็ว” นายปานปรีย์ กล่าว

นายปานปรีย์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังดูช่องทาง หาวิธีที่จะต้องทำคือพยายามดึงคนไทยที่ต้องการกลับ ให้ไปรวมตัวอยู่ในที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด ซึ่งต้องไปประเทศที่ 3 โดยวันนี้จะมีการประชุมกันว่าจะสามารถนำแรงงานไทยในอิสราเอลไปอยู่ในประเทศไหนได้บ้าง และจากประเทศที่ 3 เมื่อปลอดภัยแล้ว จะนำทั้งหมดกลับประเทศไทยต่อไป และช่วงบ่ายนี้นายกรัฐมนตรีกลับมาจากต่างประเทศ ก็จะเรียกประชุมหามาตรการต่อไป

นายปานปรีย์ กล่าวว่า ส่วนตัวประกันชาวไทยมีตัวเลขเพิ่มขึ้น เข้าใจว่าล่าสุดเมื่อเช้า ถูกควบคุมตัว 16 คนกำลังประสานกับประเทศข้างเคียงและรัฐบาลอิสราเอล เพื่อช่วยเหลือตัวประกันออกมาในที่ปลอดภัยให้เร็วที่สุด ซึ่งน่าจะอยู่กระจัดกระจาย แต่เชื่อว่าน่าจะมีความปลอดภัย เพราะเราไม่ใช่ประเทศคู่ขัดแย้ง


นายกรัชกร พุทธสอน แรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บจากอิสราเอล เล่าว่า ตอนนี้ดีใจมากที่ทุกหน่วยงานช่วยคนบาดเจ็บได้กลับมาประเทศไทยในชุดแรก ซึ่งตนโดนยิงที่หัวเข่า ตอนเช้าที่เกิดเหตุสู้รบกัน ตนและนายจ้างไปหลบภัยที่บ้าน และเมื่อถึงเวลาเที่ยง นายจ้างบอกว่าสงบแล้ว จะพาไปทานข้าว ระหว่างทางกลับเข้าที่พัก มีเสียงลูกปืนยิงมาจากทางถนนซึ่งตนอยู่ท้ายรถ ในตอนแรกไม่ทราบ ว่าเป็นเสียงอะไร

“มีโดนเข้าหัวเข่าคิดว่าโดนก้อนหิน แต่ทะลุเข้าไป จึงบอกให้เพื่อนหมอบลง และขอให้นายจ้างขับพาพวกตนหนี แต่มีไล่ยิงตาม และคนที่ 2 หมอบอยู่ตัวถังรถก็โดนยิงทะลุตัวถังรถเข้ามาโดนขา วันนั้นโดนกัน 4 คน ไปกัน 7-8 คน และโดนยิงทะลุกระจกเข้ามา มีเพื่อนโดนยิงตรงแก้ม ตนยังคิดว่า วันนั้นไม่น่าจะมีชีวิตรอดเพราะรุนแรงมาก คือยิงกันรัวๆ ไม่ได้ยิงทีละเม็ด ยิงมาเป็นชุด และญาติของนายจ้างก็ช่วยเข้าไปในที่หลบภัย และให้โทรหารถกู้ชีพมารับไปโรงพยาบาล” นายกรัชกร กล่าว

ด้านแรงงานไทยอีกคน กล่าวว่า ร่างผู้เสียชีวิต หากเป็นชาวอิสราเอล พิสูจน์ตัวตนได้ จะทำพิธีทางศาสนา ส่วนของชาติอื่นจะใส่ถุงและมัดรวมกันไว้ในห้องเย็น ยังไม่มีการเคลื่อนย้ายรอการพิสูจน์ตัวตน DNA เพราะวันที่เสียชีวิตไม่มีใครพกเอกสารติดตัว อันนี้คือเรื่องจริง

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผู้ทำไปทำงานในอิสราเอล ทางรัฐบาลไทยเราถือว่าผู้ที่ได้สร้างประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กระทรวงสาธารณสุขให้การดูแลทั้งด้านสุขภาพจิตและด้านร่างกาย และหากผู้ใดเจ็บป่วย เราได้เตรียมทั้งโรงพยาบาลที่อยู่ในเครือของกระทรวงสาธารณสุข และบําราศนราดูรไว้ดูแล พร้อมรับเป็นคนไข้ของกระทรวง เรามีความตั้งใจจะดูแลผู้ที่กลับมาอย่างเต็มที่ เสมือนเป็นบุคคลพิเศษ เพราะฉะนั้นสบายใจได้ ในขณะเดียวกัน ทางรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีก็มีความตั้งใจที่จะส่งเครื่องบินทั้งหมดที่มี ระดมกันไปเท่าที่น่านฟ้าของอิสราเอลจะเปิด เพื่อรับผู้ที่มีความประสงค์จะกลับบ้านอย่างเร็วที่สุด

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า กล่าวว่า กระทรวงกลาโหม ได้หารือกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ซึ่งมีข้อกังวลว่าจำนวนผู้ประสงค์จะกลับประเทศมากขึ้น ทำให้เครื่องบินของกองทัพอากาศอาจจะไม่สามารถบินได้ทันตามความต้องการ

“ได้ข้อสรุปว่า เราควรมีแผนสอง คือใช้เครื่องบินกองทัพอากาศลำเลียงคนไทยออกจากจุดที่เสี่ยงมาไว้ที่ประเทศข้างเคียงก่อน  โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนื่องจากการทำวิธีนี้น่าจะเร็วกว่า เมื่อพ้นอันตรายแล้ว ค่อยลำเลียงกลับบ้าน นี่คือแนวทางปฏิบัติใหม่ที่เราสามารถเริ่มดำเนินการได้เลย”นายสุทิน กล่าว

นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ได้ให้การดูแลผู้ที่มาถึง 15,000 บาท สำหรับผู้ที่เสียชีวิตดูแล 40,000 บาท และค่าทำศพ 40,000 บาท

ในส่วนที่ทางการอิสราเอลจะดูแลสำหรับผู้บาดเจ็บ 10-19% จะได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลอิสราเอล 1,440,000 บาทโดยประมาณ สำหรับผู้ที่บาดเจ็บเกินกว่า 20% ก็จะต้องดูเป็นรายกรณี ซึ่งจะดูแลเป็นรายเดือนจนกว่าจะเสียชีวิต แต่จะได้รับเดือนละเท่าไหร่ทางกระทรวงแรงงานเราจะเป็นผู้เจรจาให้

“สำหรับผู้ที่เสียชีวิตภรรยาจะได้รับ 35,000 บาทต่อเดือน จนกระทั่งมีสามีใหม่ หรือมีการสมรสใหม่แล้ว ในกรณีของบุตรธิดาก็จะดูแลเยียวยาต่อคนต่อเดือน ประมาณเดือนละ 12,000 บาท จนกระทั่งอายุครบ 18 ปี จึงหยุดการดูแล หากเป็นบุคคลที่ไม่มีบุตรและไม่ได้แต่งงานสิทธิตรงนี้ จะถูกนำไปให้พ่อแม่ ซึ่งดูแลพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตไปจนกระทั่งพ่อแม่เสียชีวิต” นายพิพัฒน์ กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในข้อกังวลต่างๆ ทางกระทรวงแรงงานได้ประสานกับทางรัฐมนตรีแรงงานอิสราเอล ถึงกรณีที่หากกลับประเทศไทยแล้ว จะมีโอกาสกลับไปทำงานในอิสราเอลได้หรือไม่ ถ้าคนที่กลับมาก่อนหมดสัญญา 5 ปี เราจะพยายามประสานกับทางนายจ้างผ่านทางเอเจนซี่ และเราได้ดูแลค่าใช้จ่ายที่จะไปทำงานต่อให้แล้วในครั้งแรก แต่ในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป เราจะมีการหารือว่าเราจะหาเงินกองทุนจากตรงไหน แต่ถ้าสุดท้ายเราไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ทั้งหมด ก็คงจะต้องหันหน้าไปพึ่งนายกรัฐมนตรี ในการขอให้รัฐบาลช่วยเยียวยา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยิงสส.กัมพูชา

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” ดับกลางกรุงเทพฯ

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ดับใกล้วัดดังกลางกรุง พบเหยื่อมีบทบาทในการตรวจสอบรัฐบาลฮุนเซน

ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงเพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม

ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา เพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม พร้อมกำหนดบทลงโทษหากพบเข้าไปข้องเกี่ยว

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา-วอศ.สระบุรี ชนะเลิศแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา และ วอศ.สระบุรี ชนะเลิศในการแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025 ณ เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน

ข่าวแนะนำ

ปล่อยตัว “แซม ยุรนันท์” สวมกอดครอบครัว ขอกลับบ้านก่อน

“แซม ยุรนันท์” ได้รับการปล่อยตัวแล้ว สวมกอดครอบครัวด้วยสีหน้ามีความสุข พร้อมขอบคุณสื่อมวลชนที่มาต้อนรับ ขอกลับบ้านก่อน ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม

จับแล้วมือยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ย่านบางลำพู

“ผู้การจ๋อ” ส่ง “สารวัตรแจ๊ะ” นำทัพสืบ บช.น. ร่วมตำรวจกัมพูชา แกะรอยบุกจับ “จ่าเอ็ม” มือยิง “ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ถึงพระตะบอง ประเทศกัมพูชา

ปล่อยตัว “มิน พีชญา” หลังอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีดิไอคอน ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม

ปล่อยตัว “มิน พีชญา” หลังอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี “ดิไอคอน” เปิดใจขอบคุณกระบวนการยุติธรรมและทัณฑสถานหญิง ดูแลเป็นอย่างดี ยืนยันบริสุทธิ์ใจตั้งแต่แรก พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งวันนี้ได้พิสูจน์ตนเองแล้ว

พบ จยย.มือยิงอดีตนักการเมืองกัมพูชาจอดทิ้งปั๊ม คาดได้ตัวเร็วๆ นี้

ตำรวจตรวจพบรถจักรยานยนต์มือยิงอดีตนักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชาแล้ว จอดทิ้งไว้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง บริเวณเลียบด่วนมอเตอร์เวย์ คาดได้ตัวคนร้ายเร็วๆ นี้