แรงงานไทยจากอิสราเอล ถึงไทยแล้ว 41 คน

สนามบินสุวรรณภูมิ 12 ต.ค.-แรงงานไทยลอตแรกจากอิสราเอลมาถึงแล้ว 41 คน ยืนยันหาทางอพยพคนไทยกลับโดยเร็วและปลอดภัยที่สุด เล็งประเทศที่ 3 เป็นที่รวมพล นายกฯ ถึงไทยเย็นนี้ ประชุมวางแผนทันที ขณะที่แรงงานเล่า คิดว่าวันนั้นไม่น่ารอด เพราะรุนแรงมาก

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมารับแรงงานไทยลอตแรกที่เดินทางกลับมาจากอิสราเอล


นายปานปรีย์ กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเป็นห่วงแรงงานไทยเป็นอย่างยิ่งและได้มอบหมายให้ตน พร้อมรัฐมนตรีมาต้อนรับผู้ที่เดินทางกลับมาในวันนี้(12 ต.ค.) รวมทั้งหมด 41 คน โดยได้รับการช่วยเหลือจากสถานทูตไทยในอิสราเอล 15 คน และอีก 26 คน ซื้อตั๋วเดินทางกลับมาเอง 

พร้อมยืนยันทางการไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ ในการช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในอิสราเอลและแสดงความจำนง ให้เดินทางกลับมาประเทศไทยเร็ว และปลอดภัยที่สุด


“ยอมรับว่าขณะนี้การเดินทางเป็นไปค่อนข้างลำบาก ซึ่งเจ้าหน้าที่โดยรัฐบาลไทยได้ประสานงานกับหลายประเทศ  ขณะนี้ได้รับแจ้งว่า มีคนลงทะเบียนแล้ว 5,990 คน ทราบว่าคนไทยกระจัดกระจายหลายพื้นที่ แต่ได้รับแจ้งจากแรงงานไทยวันนี้ว่าขณะนี้สถานการณ์ภายใน เจ้าหน้าที่ทางการอิสราเอลสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เชื่อว่าประชาชนจะได้รับการคุ้มครองดูแล พร้อมกันนี้เราได้ประสานงานกับการบินพาณิชย์หลายสาย ซึ่งทุกสายของประเทศไทยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หากติดต่ออิสราเอลและประเทศข้างเคียงได้ ก็จะสามารถนำคนไทยกลับมาอีกจำนวนมาก นอกจากนี้กองทัพอากาศ ได้ให้ความร่วมมืออย่างดี และกำลังคิดว่านำคนไทยกลับมาเพิ่มขึ้นและรวดเร็ว” นายปานปรีย์ กล่าว

นายปานปรีย์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังดูช่องทาง หาวิธีที่จะต้องทำคือพยายามดึงคนไทยที่ต้องการกลับ ให้ไปรวมตัวอยู่ในที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด ซึ่งต้องไปประเทศที่ 3 โดยวันนี้จะมีการประชุมกันว่าจะสามารถนำแรงงานไทยในอิสราเอลไปอยู่ในประเทศไหนได้บ้าง และจากประเทศที่ 3 เมื่อปลอดภัยแล้ว จะนำทั้งหมดกลับประเทศไทยต่อไป และช่วงบ่ายนี้นายกรัฐมนตรีกลับมาจากต่างประเทศ ก็จะเรียกประชุมหามาตรการต่อไป

นายปานปรีย์ กล่าวว่า ส่วนตัวประกันชาวไทยมีตัวเลขเพิ่มขึ้น เข้าใจว่าล่าสุดเมื่อเช้า ถูกควบคุมตัว 16 คนกำลังประสานกับประเทศข้างเคียงและรัฐบาลอิสราเอล เพื่อช่วยเหลือตัวประกันออกมาในที่ปลอดภัยให้เร็วที่สุด ซึ่งน่าจะอยู่กระจัดกระจาย แต่เชื่อว่าน่าจะมีความปลอดภัย เพราะเราไม่ใช่ประเทศคู่ขัดแย้ง


นายกรัชกร พุทธสอน แรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บจากอิสราเอล เล่าว่า ตอนนี้ดีใจมากที่ทุกหน่วยงานช่วยคนบาดเจ็บได้กลับมาประเทศไทยในชุดแรก ซึ่งตนโดนยิงที่หัวเข่า ตอนเช้าที่เกิดเหตุสู้รบกัน ตนและนายจ้างไปหลบภัยที่บ้าน และเมื่อถึงเวลาเที่ยง นายจ้างบอกว่าสงบแล้ว จะพาไปทานข้าว ระหว่างทางกลับเข้าที่พัก มีเสียงลูกปืนยิงมาจากทางถนนซึ่งตนอยู่ท้ายรถ ในตอนแรกไม่ทราบ ว่าเป็นเสียงอะไร

“มีโดนเข้าหัวเข่าคิดว่าโดนก้อนหิน แต่ทะลุเข้าไป จึงบอกให้เพื่อนหมอบลง และขอให้นายจ้างขับพาพวกตนหนี แต่มีไล่ยิงตาม และคนที่ 2 หมอบอยู่ตัวถังรถก็โดนยิงทะลุตัวถังรถเข้ามาโดนขา วันนั้นโดนกัน 4 คน ไปกัน 7-8 คน และโดนยิงทะลุกระจกเข้ามา มีเพื่อนโดนยิงตรงแก้ม ตนยังคิดว่า วันนั้นไม่น่าจะมีชีวิตรอดเพราะรุนแรงมาก คือยิงกันรัวๆ ไม่ได้ยิงทีละเม็ด ยิงมาเป็นชุด และญาติของนายจ้างก็ช่วยเข้าไปในที่หลบภัย และให้โทรหารถกู้ชีพมารับไปโรงพยาบาล” นายกรัชกร กล่าว

ด้านแรงงานไทยอีกคน กล่าวว่า ร่างผู้เสียชีวิต หากเป็นชาวอิสราเอล พิสูจน์ตัวตนได้ จะทำพิธีทางศาสนา ส่วนของชาติอื่นจะใส่ถุงและมัดรวมกันไว้ในห้องเย็น ยังไม่มีการเคลื่อนย้ายรอการพิสูจน์ตัวตน DNA เพราะวันที่เสียชีวิตไม่มีใครพกเอกสารติดตัว อันนี้คือเรื่องจริง

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผู้ทำไปทำงานในอิสราเอล ทางรัฐบาลไทยเราถือว่าผู้ที่ได้สร้างประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กระทรวงสาธารณสุขให้การดูแลทั้งด้านสุขภาพจิตและด้านร่างกาย และหากผู้ใดเจ็บป่วย เราได้เตรียมทั้งโรงพยาบาลที่อยู่ในเครือของกระทรวงสาธารณสุข และบําราศนราดูรไว้ดูแล พร้อมรับเป็นคนไข้ของกระทรวง เรามีความตั้งใจจะดูแลผู้ที่กลับมาอย่างเต็มที่ เสมือนเป็นบุคคลพิเศษ เพราะฉะนั้นสบายใจได้ ในขณะเดียวกัน ทางรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีก็มีความตั้งใจที่จะส่งเครื่องบินทั้งหมดที่มี ระดมกันไปเท่าที่น่านฟ้าของอิสราเอลจะเปิด เพื่อรับผู้ที่มีความประสงค์จะกลับบ้านอย่างเร็วที่สุด

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า กล่าวว่า กระทรวงกลาโหม ได้หารือกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ซึ่งมีข้อกังวลว่าจำนวนผู้ประสงค์จะกลับประเทศมากขึ้น ทำให้เครื่องบินของกองทัพอากาศอาจจะไม่สามารถบินได้ทันตามความต้องการ

“ได้ข้อสรุปว่า เราควรมีแผนสอง คือใช้เครื่องบินกองทัพอากาศลำเลียงคนไทยออกจากจุดที่เสี่ยงมาไว้ที่ประเทศข้างเคียงก่อน  โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนื่องจากการทำวิธีนี้น่าจะเร็วกว่า เมื่อพ้นอันตรายแล้ว ค่อยลำเลียงกลับบ้าน นี่คือแนวทางปฏิบัติใหม่ที่เราสามารถเริ่มดำเนินการได้เลย”นายสุทิน กล่าว

นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ได้ให้การดูแลผู้ที่มาถึง 15,000 บาท สำหรับผู้ที่เสียชีวิตดูแล 40,000 บาท และค่าทำศพ 40,000 บาท

ในส่วนที่ทางการอิสราเอลจะดูแลสำหรับผู้บาดเจ็บ 10-19% จะได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลอิสราเอล 1,440,000 บาทโดยประมาณ สำหรับผู้ที่บาดเจ็บเกินกว่า 20% ก็จะต้องดูเป็นรายกรณี ซึ่งจะดูแลเป็นรายเดือนจนกว่าจะเสียชีวิต แต่จะได้รับเดือนละเท่าไหร่ทางกระทรวงแรงงานเราจะเป็นผู้เจรจาให้

“สำหรับผู้ที่เสียชีวิตภรรยาจะได้รับ 35,000 บาทต่อเดือน จนกระทั่งมีสามีใหม่ หรือมีการสมรสใหม่แล้ว ในกรณีของบุตรธิดาก็จะดูแลเยียวยาต่อคนต่อเดือน ประมาณเดือนละ 12,000 บาท จนกระทั่งอายุครบ 18 ปี จึงหยุดการดูแล หากเป็นบุคคลที่ไม่มีบุตรและไม่ได้แต่งงานสิทธิตรงนี้ จะถูกนำไปให้พ่อแม่ ซึ่งดูแลพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตไปจนกระทั่งพ่อแม่เสียชีวิต” นายพิพัฒน์ กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในข้อกังวลต่างๆ ทางกระทรวงแรงงานได้ประสานกับทางรัฐมนตรีแรงงานอิสราเอล ถึงกรณีที่หากกลับประเทศไทยแล้ว จะมีโอกาสกลับไปทำงานในอิสราเอลได้หรือไม่ ถ้าคนที่กลับมาก่อนหมดสัญญา 5 ปี เราจะพยายามประสานกับทางนายจ้างผ่านทางเอเจนซี่ และเราได้ดูแลค่าใช้จ่ายที่จะไปทำงานต่อให้แล้วในครั้งแรก แต่ในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป เราจะมีการหารือว่าเราจะหาเงินกองทุนจากตรงไหน แต่ถ้าสุดท้ายเราไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ทั้งหมด ก็คงจะต้องหันหน้าไปพึ่งนายกรัฐมนตรี ในการขอให้รัฐบาลช่วยเยียวยา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]