สาธารณรัฐสิงคโปร์ 12 ต.ค.- นายกฯ เยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ พร้อมหารือทวิภาคี ต่อยอดความร่วมมือหลายมิติให้เท่าทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลก พร้อมเพิ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
เมื่อเวลา 11.00 น. (เวลาท้องถิ่นประเทศสิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ชม.) ณ ทำเนียบประธานาธิบดี (Istana) สาธารณรัฐสิงคโปร์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์จัดขึ้น เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีไทย ในโอกาสเดินทางเยือนหลังเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ จากนั้น นายกรัฐมนตรีเข้าเยี่ยมคารวะ นายทาร์มัน ชันมูการัตนัม (H.E. Mr. Tharman Shanmugaratnam) ประธานาธิบดีสิงคโปร์ และพบหารือทวิภาคีกับนายลี เซียนลุง (H.E. Mr. Lee Hsien Loong) นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์
โดยนายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีสิงคโปร์ หารือถึงความร่วมมือในมิติที่ทั้งสองประเทศมีศักยภาพ อาทิ พลังงาน อาหารและสินค้าเกษตร การเงิน การลงทุน โดยไทยหวังที่จะเชิญชวนและดึงดูดนักลงทุนด้าน Data Center ซึ่งจะมีส่วนช่วยต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อีกทั้งสิงคโปร์ถือเป็นเพื่อนที่ดีและเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิด ซึ่งไทยจะทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อกระชับมิตรภาพและความร่วมมือในทุกด้านที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน พร้อมเห็นควรใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่อย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาความร่วมมือ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้หารือกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ โดยนายกรัฐมนตรี หวังจะขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนทวิภาคี ตลอดจนด้านเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะเศรษฐกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมสีเขียว พันธบัตรสีเขียว และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง และยินดีที่เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศดีขึ้นหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตอนนี้ไทยและสิงคโปร์พร้อมเดินหน้าทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว ซึ่งไทยและสิงคโปร์จะได้ร่วมกันยกระดับการเติบโต และการพัฒนาทางเศรษฐกิจร่วมกัน
ด้านนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวยินดีถึงการเชื่อมโยงระบบ PromptPay – PayNow ของทั้งสองประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญและพร้อมกระชับความร่วมมือด้านพลังงาน การเงิน รวมถึงด้านความมั่นคงทางอาหารไทย พร้อมที่จะสนับสนุนความมั่นคงด้านอาหารให้สิงคโปร์ โดยนายกรัฐมนตรี ยินดีที่จะอำนวยความสะดวกและส่งเสริมการส่งออกอาหารและสินค้าเกษตรจากไทย
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกับความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจ จากแบบเดิมให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น เศรษฐกิจสีเขียว การค้า โดยในภูมิภาคอาเซียนมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมสำหรับการพัฒนา ทั้งนี้ ภาคเอกชนของไทยมีความตื่นตัวและพร้อมที่จะร่วมลงทุนในสาขาใหม่ๆ และพัฒนาต่อยอดธุรกิจเดิม อย่างไรก็ดี ความร่วมมือแบบเดิม (traditional cooperation) ก็ยังมีความสำคัญ มีความใกล้ชิด และมีบทบาทสำคัญต่อไทยและสิงคโปร์
นายกรัฐมนตรี ยังเห็นว่า ควรต้องเดินหน้าร่วมมือกันในการประชุม ASEAN-GCC เพราะมีหลายประเด็นที่ต้องพูดคุย ทั้งด้านความมั่นคง และเศรษฐกิจ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เยือนไทยในโอกาสแรกที่ทั้งสองฝ่ายสะดวก.-สำนักข่าวไทย