กต.ประสานปาเลสไตน์ขอปล่อยตัวประกันไทย

รัฐสภา 12 ต.ค. – รมช.กต. ตอบกระทู้ ยันรัฐบาลพยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล พร้อมประสานปาเลสไตน์ขอปล่อยตัวประกัน ขณะที่อิสราเอลพร้อมรับแรงงานกลับไปทำงานใหม่


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (12 ต.ค.) นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย บาดเจ็บ และผู้สูญหาย รวมถึงผู้ที่รอการช่วยเหลือซึ่งเป็นแรงงานไทยในอิสราเอล และได้รับการร้องเรียนช่วยเหลือจากกลุ่มแรงงานตั้งแต่วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยตั้งกระทู้ถามสดรัฐบาลด้วยน้ำตาคลอ เสียงสะอื้น อภิปรายบรรยากาศการเข้าไปพบญาติของกลุ่มแรงงานไทยที่จังหวัดอุดรธานี พร้อมถามถึงข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศในปัจจุบัน เกี่ยวกับเหตุการณ์สงครามและการรับมือ หากเหตุการณ์ขยายวงกว้าง

นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบกระทู้ว่า ในนามรัฐบาลไทยขอแสดงความเสียใจต่อญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ พร้อมเป็นกำลังใจกับทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ส่วนสถานการณ์ปัจจุบันกลุ่มฮามาสยังโจมตีต่อเนื่อง ยิงจรวดลงพื้นที่อิสราเอล ส่งผลกระทบต่อสถานที่ทั้งสนามบินและไฟฟ้า ขณะที่กองทัพอิสราเอลสามารถกำจัดกลุ่มฮามาสได้บางส่วน


“ผลกระทบต่อคนไทยในเขตฉนวนกาซาประมาณ 5,000 คน จาก 30,000 คน ที่เป็นแรงงาน ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิต 21 คน ขณะนี้ท่ามกลางสถานการณ์สู้รบทางการอิสราเอลยังไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ โดยจะใช้เวลา 2 สัปดาห์ ส่วนผู้บาดเจ็บ 14 คน สถานทูตได้เข้าเยี่ยมที่โรงพยาบาล และจัดส่งผู้บาดเจ็บเล็กน้อยกลับบ้าน โดยเที่ยวบินพาณิชย์เดินทางมาเมื่อวานนี้ (11ต.ค.)” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว

นายจักรพงษ์ กล่าวว่า การดำเนินการของรัฐบาลได้ช่วยเหลือโดยตั้งศูนย์ประสานงานฉุกเฉิน เป็นกลไกหลักในการพิจารณาการช่วยเหลือคนไทยเร่งด่วนไปจนถึงการอพยพ และการเสนอนายกรัฐมนตรีตัดสินใจ ซึ่งศูนย์ประสานงานทำงานแข่งกับเวลาทุกวินาทีด้วยเข้าใจพี่น้องประชาชน กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมทุกวัน การช่วยเหลือแบ่งออกเป็นผู้เสียชีวิต-ผู้รับบาดเจ็บ-ตัวประกัน และเมื่อวานนี้ (11 ต.ค.) นายกรัฐมนตรีหารือกับผู้นำมาเลเซีย โดยหยิบยกประเด็นการช่วยเหลือคนไทยจากเหตุการณ์รุนแรงในอิสราเอลที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ซึ่งมาเลเซียมีสำนักงานตั้งอยู่ในปาเลสไตน์ จึงขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลทำทุกวิถีทางเพื่อดูแลชาวไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้

“รัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสื่อสารไปยังปาเลสไตน์ โดยเฉพาะกลุ่มฮามาสที่จับตัวประกันกลุ่มคนไทยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งนี้ เพื่อให้ปล่อยตัวคนไทยทั้ง 16 คน เนื่องจากในปาเลสไตน์ไม่มีสถานทูตไทยประจำอยู่ จึงประสานผ่านสถานทูตต่างประทเศที่มีความสัมพันธ์ปาเลสไตน์ ประสานให้มีการปล่อยตัวคนไทยในโอกาสแรก รวมถึงการประสานงานองค์กรระหว่างประเทศหรือหน่วยบรรเทาทุกข์และปฏิบัติงานเพื่อผู้ลี้ภัยชาวตะวันออก หรือ EUNRWA สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ UNOCHA และคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ ICRC” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว


นายวัชระพล ถามต่อว่ารัฐบาลหรือกระทรวงการต่างประเทศมีมาตรการช่วยเหลือคนที่ได้รับผลกระทบอย่างไรหรือมีศูนย์อพยพที่ไหนบ้าง ซึ่งนายจักรพงษ์ ตอบกระทู้ว่า ประชาชนสามารถติดต่อสถานทูตและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง กรมการกงสุลกระทรวงการต่างประเทศได้ตลอด 24  ชั่วโมง ที่เบอร์ 0 2572 8442 และเบอร์ 06 4019 8530 กรมคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ ส่วนกระทรวงแรงงานเปิดสายด่วนฉุกเฉิน 1964 และเปิดช่องทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งขณะนี้ทราบว่ามีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมากติดต่อเข้ามา ทางกระทรวงการต่างประเทศ จะประสานงานไปยังผู้ที่ได้รับผลกระทบหรือแรงงานที่อิสราเอล ด้วยสถานการณ์ฉุกเฉินในอิสราเอลขณะนี้ สถานทูตไม่สามารถทำงานได้ปกติ เพราะยังมีระเบิดตลอดเวลา

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า แนวทางการเยียวยาคนไทยที่ไปทำงานในอิสราเอล เป็นไปตามสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานได้ทำงานในต่างประเทศ โดยคนที่จะเดินทางกลับ เนื่องจากภาวะสงครามจะได้รับเงินสงเคราะห์ 15,000 บาท กรณีพิการ 15,000 บาท กรณีทุพพลภาพ 30,000 บาท เสียชีวิต 40,000 บาท และค่าใช้จ่ายการจัดงานศพไปต่างประเทศเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 40,000 บาท ส่วนการให้ความช่วยเหลือผู้อพยพกลับไทยให้ไปทำงานได้ใหม่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงแรงงาน โดยกระทรวงการต่างประเทศพร้อมสนับสนุนการหารือทางอิสราเอล ที่จะส่งรายงานกลับไปอีกครั้งหลังสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ

สำหรับการอพยพขณะนี้มีรอบแรกในเช้าวันนี้ และวันที่ 15 ตุลาคม จะมีเครื่องบินของกองทัพอากาศไปรับผู้อพยพอีก 120 คน ในช่วงเช้า และอีก 100 คน ช่วงเย็น จากนั้นวันที่ 18 ตุลาคม จะมีอีกครั้งหนึ่ง โดยทางรัฐบาลยังพยามหาช่องทางอื่นๆ ที่จะพูดออกมาโดยเร็วที่สุด

“เมื่อคืนนี้นายกรัฐมนตรีได้มีการสั่งการไปยังกระทรวงการต่างประเทศแต่ว่าต้องเพิ่มเที่ยวบินให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะไปรับคนไทยออกมา อาจใช้หลายวิธี ทั้งทางบก อากาศ ทางน้ำ ตอนนี้อิสราเอลอยู่ในภาวะสงคราม การเดินทางทางน้ำและทางบกเป็นไปได้ยาก แม้กระทั่งทางอากาศตอนนี้ในบางช่วงเวลาในการปิดน่านฟ้าแล้วด้วย” นายจักรพงษ์ กล่าว  

นายวัชระพล ถามต่อว่า รัฐบาลมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างไร เช่น ครอบครัว นายจักรพงษ์ ชี้แจงว่า การเยียวยาทางจิตใจทางกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปพบครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ สำหรับการเยียวยาที่เป็นจำนวนเงินจะได้รับเงินสงเคราะห์ตามที่ได้แจ้งไป

ด้านนายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล ได้สอบถามถึงโอกาสในการเข้าไปขนคนไทยกลับประเทศ รวมทั้งอยากให้วอร์รูมของรัฐบาลรวมเพียงจุดเดียว เพื่อง่ายต่อการประสาน ซึ่งนายจักรพงษ์ ยืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศได้ตั้งศูนย์ที่มีกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ มาทำงานร่วมกัน รับเรื่องร้องเรียน 24 ชั่วโมง รัฐบาลเป็นห่วงคนไทยทุกคน แต่มีข้อจำกัดเรื่องการลำเลียงแรงงาน แม้จะพยายามเจรจาเรื่องการเดินทางทางบก ทางน้ำ แต่ก็มีการปิดพรมแดนเป็นระยะ การขนย้ายคนออกต้องขออนุญาตกับทางการอิสราเอล

“การที่แรงงานกระจายกันอยู่ประกอบกับบางคนที่ได้รับการช่วยเหลือจากทางการไปอยู่ที่ปลอดภัย ไม่สามารถบอกได้ว่าอยู่ที่ไหน สถานทูตใช้ทุกวิถีทางในการช่วยเหลือ โดยระดมเจ้าหน้าที่จากประเทศรอบๆ เข้าไปช่วย รวมถึงตั้งศูนย์อพยพช่วยคนไทยในอิสราเอล ส่วนเรื่องหนี้สินของแรงงานที่กู้ยืมเพื่อนำเงินมาใช้ในการเดินทางไปทำงานที่อิสราเอลนั้น กำลังพิจารณาช่วยเหลือ และทางกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลระบุว่าพร้อมที่จะพิจารณากรณีแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการสู้รบครั้งนี้เข้าไปทำงานได้อีก” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย