ก.ต่างประเทศ 11 ต.ค.- กต.เผยแรงงานไทยในอิสราเอล ลงทะเบียนขอกลับ 5,174 คน โดย 15 คน มาลอตแรกถึงพรุ่งนี้ และ 16 ต.ค. เครื่อง ทอ.พากลับอีกกว่า 120 คน ด้าน ก.แรงงาน เตรียมชดเชย 15,000 บาท ยืนยันตามทวงค่าจ้างค้างจ่ายให้ด้วย
นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยผลการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินร่วมกับเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ที่มีนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุม ว่า เอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้รายงานสถานการณ์ต่อที่ประชุม และแลกเปลี่ยนเรื่องของการดูแลคนไทย ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ล่าสุดมีผู้แสดงความจำนงขอเดินทางกลับประเทศไทย 5,174คน และมีผู้แสดงความจำนงยังไม่กลับ 64 คน
โดยในล็อตแรกคนไทยทั้ง 15 คน จะออกเดินทางคืนนี้ 21.15 น. ด้วยสายการบินอิสราเอลและถึงเมืองไทยเวลา 10.35 น. ในวันพรุ่งนี้ (12 ต.ค.) ซึ่งโดยรวมทุกคนสุขภาพร่างกายดี มี 2 คนที่ขอรถเข็น เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนไหว ส่วนเครื่องกองทัพอากาศ จะไปรับคนไทยกลับมาถึงเวลา 04.00 น. ของวันที่ 16 ต.ค. โดยรองรับได้ 140คน แต่จำนวนที่มาอาจจะประมาณ 120 คน และในวันที่ 19 ต.ค. จะมาถึงในเวลา11.00 น.จำนวน 80 คน
สำหรับกรณีที่มีหลายคนยังไม่สามารถติดต่อได้นั้น มีคนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยจำนวนมาก รวมทั้งที่ถูกจับเป็นตัวประกัน แต่เท่าที่รับฟังทราบว่าแรงงานต่างชาติไม่ได้อยู่ในเป้าหมาย เชื่อว่าน่าจะปลอดภัย
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวด้วยว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน และสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ได้เปิดเผยว่า ได้รับการติดต่อจากคนไทยในอิสราเอล เพื่อขอวามช่วยเหลือในกรณีที่สามารถข้ามแดนได้ ซึ่งทั้ง 2 สถานเอกอัครราชทูต และสถานเอกอัคราราชทูตอื่นๆ ยืนยันพร้อมให้ความช่วยเหลือแรงงานไทย แต่ขอให้แรงงานไทยพิจารณาถึงความปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายตนเองด้วย
ส่วนการเคลื่อนย้ายแรงงานในพื้นที่ฉนวนกาซา หลังทางการอิสราเอลเตรียมยกระดับปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ฉนวนกาซานั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า จำนวนคนไทยและแรงงานไทย อยู่ในฉนวนกาซา มีประมาณ 5,000 คนและทางการอิสราเอลกำลังเคลื่อนย้ายพลเมืองออกจากบริเวณดังกล่าวให้มากที่สุดบางส่วนแล้ว เพื่อไม่ให้กระทบต่อยุทธการณ์ทางทหาร แต่ยอมรับว่า สถานเอกอัครราชทูตฯ เคลื่อนย้ายแรงงานได้เองลำบาก เนื่องจากเป็นภาวะสงคราม แต่ทางการอิสราเอล ก็ได้พยายามเคลื่อนย้ายคนออกจากฉนวนกาซาให้ได้มากที่สุด
นายนฤชัย นินนาท รองอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยขั้นตอนภายหลังที่แรงงานไทยในอิสราเอลเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้วว่า จะมีการอำนวยความสะดวกที่สนามบินในขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง และส่งต่อสถาบันบำราษฎร์นราดูร เพื่อตรวจเช็คสุขภาพ ขณะที่กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะช่วยติดตามเงินชดเชยต่างๆ ให้ โดยจะดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อแรงงานสามารถเดินทางสู่ภูมิลำเนาได้อย่างรวดเร็ว
ด้านนายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงเงินสงเคราะห์ที่จะได้เมื่อเดินทางกลับ จะจ่ายสำหรับผู้เดินทางจากประเทศภาวะสงคราม โดยจะไปจ่ายที่โรงพยาบาล 15,000 บาท ส่วนที่ได้รับบาดเจ็บหรือพิการ ก็จะรับเรื่องไว้และรอใบรับรองแพทย์เพื่อตรวจสอบต่อไป และในวันพรุ่งนี้(12 ต.ค.) ได้ประสานกับญาติของแรงงานและจัดรถประสานนำญาติมารับแรงงานที่สุวรรณภูมิและจะนำไปส่งภูมิลำเนาพร้อมแรงงาน ส่วนลูกจ้างที่อพยพออกมาแล้วยังไม่ได้ค่าจ้างนั้น เป็นเรื่องที่กระทรวงแรงงานจะติดตามและยืนยันไม่ปล่อยให้ผ่านไป แต่คงต้องให้เวลานายจ้าง เนื่องจากอยู่ในภาวะสงคราม
สำหรับรายชื่อผู้ที่จะเดินทางกลับประเทศไทยด้วยเครื่องบินของสายการบิน El Al เที่ยวบิน LY083 ในวันพรุ่งนี้(12ต.ค.) 1. นายสมมา แซ่จ๊ะ 2. นายจิรายุ สุกใส 3. นายวิมาน วงศ์จำปา 4. นายกรัชกร พุทธสอน 5. นายอนุชา บุญญะสาร 6. นายกิตติพงษ์ ไชยโก 7. นายสมบูรณ์ แซ่ว่าง 8. นายจันทร์ดี แซ่ลี 9. นายสุพิพัฒน์ กงแก้ว 10 นายสมพร คาระบุตร 11. นายธนศักดิ์ จันทร์ดำ 12. นายสถิตย์ พรมอนารถ 13. นายไกรสร บัวฝาย 14. นายณรงค์ชัย ลีละครจันทร์ 15. นายวิชัย คำศรี.-สำนักข่าวไทย