ไม่อยากให้ รธน. สร้างความขัดแย้งรอบใหม่

ทำเนียบ 10 ต.ค.- “ภูมิธรรม” นั่งหัวโต๊ะหารือ คกก.ศึกษาแนวทางทำประชามติแก้ รธน.นัดแรก วางแนวทางการทำงาน ลั่นไม่อยากให้ รธน.ฉบับนี้ สร้างขัดแย้งรอบใหม่ เชื่อทุกคนมีเกียรติยศ เห็นแก่ประโยชน์ประเทศชาติ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ 2560 กล่าวเปิดการประชุมนัดแรกตอนหนึ่ง ว่า  ถือเป็นการประชุมครั้งแรก อยากให้เร่งและดำเนินการให้เต็มที่ อีกทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายฝ่ายมีความเป็นห่วงและสื่อมวลชนให้ความสนใจ ดังนั้นการประชุมในครั้งแรก อาจจะมีคณะกรรมการบางคน  ไม่ได้เข้าร่วมประชุมเนื่องจากติดภารกิจทั้งในและต่างประเทศ  ซึ่งวันเดียวกันนี้ก็มีการประชุมทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ด้วย


นายภูมิธรรม กล่าวขออนุญาตที่ประชุมว่า ขอให้น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และน.ส.จิราพร สินธุไพร  สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็น สส.เข้าร่วมรับฟังด้วย เพื่อที่จะตามประสานงานกับคณะกรรมการทุกท่าน แต่ยืนยันว่าทั้ง 2 คน ไม่ได้เป็นกรรมการ อย่างไรก็ตามการประชุมในวันนี้(10 ต.ค.) เป็นไปตามกรอบที่วางการทำงานไว้ ซึ่งจะหารือถึงกรอบระยะเวลาและทิศทางการทำงาน ซึ่งต้องขอบคุณกรรมการทุกคนที่ได้มีการพบและพูดคุยกัน ซึ่งรัฐบาลกำหนดให้เรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายของรัฐบาลให้เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนมาเป็นประธาน และได้เชิญทุกคน โดยเฉพาะผู้แทนจากพรรคการเมืองที่ไม่ได้เป็นสส. เพื่อไม่ให้มีปัญหาข้อถกเถียงว่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า จะเริ่มต้นการทำรัฐธรรมนูญฉบับนี้  โดยการขอประชามติ ตามแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญที่ได้วินิจฉัยมา โดยจะยึดถือเป็นหลัก สิ่งที่สำคัญคือรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ข้อแรกคือ เราจะไม่ไปแตะพระราชอำนาจหมวด1 และหมวด 2 และพระราชอำนาจที่อยู่ในมาตราต่างๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องหลัก และเราตั้งใจจะให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จบภายใน 4 ปี ที่เป็นรัฐบาลอยู่ หมายความว่าเราตั้งใจจะให้เสร็จสิ้นพร้อมมีกฎหมายลูกประกอบ เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่สามารถทำได้เลย และตั้งมั่นที่จะให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่าน เพื่อนำมาใช้ให้ได้ ซึ่งก็ต้องพยายามรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ตามคำที่ว่าเราจะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นประชาธิปไตยให้ได้มากที่สุด และไม่ให้มีข้อถูกเถียงที่แตกต่างกัน เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ และคิดว่าการทำรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย จำเป็นต้องมีวิวัฒนาการและเป็นจุดเริ่มต้นของการเลือกตั้งที่ดี ถือเป็นกรอบใหญ่ที่ครม. ได้พูดคุยกัน


“วันนี้ในการประชุมเราจะกำหนดกรอบการทำงานและดูถึงวิธีการทำงานว่าจะทำอย่างไรให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามามีส่วนร่วม เพราะทุกคนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ทุกสาขาวิชาชีพ มั่นใจในเกียรติยศของทุกคน ที่เข้ามาและหวังว่าจะเห็นแก่ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ และเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น สามารถที่จะลดความขัดแย้ง ไม่อยากให้การสร้างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นการสร้างความขัดแย้งใหม่ให้เกิดขึ้น” นายภูมิธรรม กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

ฮอกกี้ไทย

นายกฯ ชวนคนไทยเชียร์ทีม “ฮอกกี้ชายไทย” เจอเจ้าภาพจีน

นายกฯ ชวนคนไทยเชียร์ทีม “ฮอกกี้ชายไทย” เจอเจ้าภาพ “จีน” เย็นนี้ หลังเดินทางถึงนครฮาร์บิน ร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9

ระเบิดปัตตานี

ลอบบึ้มริมถนนสาย 43 จ.ปัตตานี ตำรวจเจ็บ 4 นาย

ลอบบึ้มริมถนนสาย 43 อ.หนองจิก จ.ปัตตานี แรงระเบิดทำให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ชาวบ้านเผยเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวมาปฏิบัติหน้าที่เป็นปกติทุกวัน คาดคนร้ายเฝ้าสังเกตพฤติกรรมต่อเนื่อง

เข้าสู่คืนที่ 2 ตัดไฟฟ้าชายแดนเมียนมา ทำลายวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เข้าสู่คืนที่ 2 สำหรับการตัดกระแสไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต และระงับการส่งน้ำมัน จากฝั่ง อ.แม่สอด จ.ตาก ไปเมืองเมียวดีของเมียนมา เพื่อตัดวงจรกลุ่มจีนเทา พบมีการใช้ไฟฟ้าน้อยลง