“ทวี” ย้ำกลางวงสัมมนาต้องปฏิรูปกฎหมายให้เป็นธรรม

รัฐสภา 29 ก.ย.- กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา จัดเวทีเสวนา “บ้านเมืองไม่สงบ เมื่อไม่เคารพกฎหมาย” รมว.ยุติธรรม ชี้บังคับใช้กฎหมายบางเรื่องต้องมองตามหลักความเป็นจริง ต้องปฏิรูปกฎหมายให้มีความเป็นธรรม


คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา จัดสัมมนาในหัวข้อ “บ้านเมืองไม่สงบ เมื่อไม่เคารพกฎหมาย” โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1 นายน้ำแท้ มีบุญสล้าง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาการสอบสวนและการดำเนินคดี สำนักงานอัยการสูงสุด และ พ.ต.อ.รชตโชค ลีวาณิชคุณ ผกก.(สอบสวน) กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) ร่วมการสัมมนา

พ.ต.อ.ทวี กล่าวถึงการวางหลักการเรื่องกฎหมายกระบวนการยุติธรรม ว่า รัฐบาลได้จัดทำนโยบายว่าจะบริหารบ้านเมืองโดยยึดหลักนิติธรรม ซึ่งคำว่าหลักนิติธรรมถูกเขียนเอาไว้ครั้งแรกในปี 2550 และปี 2560 ซึ่งหมายถึง รัฐบาล รัฐสภา ศาลและองค์กรอิสระ ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรม การที่รัฐบาลนำหลักนิติธรรมมาเขียนไว้ในนโยบาย โดยคำนึงถึงการบริหารงานต่างๆ ที่ใช้งบประมาณที่น้อยที่สุดเป็นการสร้างรากฐานให้กับประเทศ


พ.ต.อ.ทวี ยังกล่าวว่า ตนทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับคำว่า บ้านเมืองไม่สงบ เมื่อไม่เคารพกฎหมาย เพราะบางเรื่องไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป หากมองว่ากฎหมายสั่งอะไรต้องทำ หากคิดเช่นนั้นสำหรับประเทศไทยเป็นอันตราย เพราะระบบของกฎหมายไทยมีจำนวนมาก โดยในรัฐธรรมนูญ มาตรา 53 เขียนไว้ว่า รัฐต้องปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดนั้น มองว่าหากรัฐบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด บ้านเมืองอาจจะอยู่ไม่ได้

เช่น กลุ่มกฎหมายป่าไม้ มีทั้งกฎหมายอุทยานฯ อนุรักษ์ป่า สงวนป่าไม้ ซึ่งเรามีพื้นที่ประกาศเป็นแนวป่าไม้ 135 ล้านไร่ แม้แต่คำนิยามว่าป่าในกรมป่าไม้ยังมี 4 นิยาม และคนที่เข้าไปอยู่ในป่ามีถึง 15-17 ล้านคน อีกทั้งเมื่อถามว่ามีป่าเป็นจริงเท่าไหร่ กรมป่าไม้ยังละทิ้งไม่ใช้นิยามคำว่าป่าไม้ของตัวเอง และให้คณะวนศาสตร์ไปใช้นิยามสากล คือ ป่าจากความเป็นจริง ต้นไม้ต้องสูง 3 เมตรเชื่อมต่อกัน ป่าจึงมี 102 ล้านไร่ เหลืออีก 33 ล้านไร่ คือที่คนอยู่ทุกวันนี้ อีกทั้งยังมีทั้งป่าเสื่อมโทรม และป่าทิพย์ที่ไม่มีป่าอยู่จริง ถ้าเราให้เขาเคารพกฎหมาย คนจะไม่มีแผ่นดินอยู่ 10 กว่าล้านคน แล้วคนที่อยู่ ถ้าเราบังคับใช้กฏหมาย 100% คนเหล่านี้ก็จะติดคุกเมื่อไปถึงศาล เพราะเขาสู้รัฐไม่ได้ พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่มีการไปจับชาวประมงที่ตะรุเตา ในข้อหาอุทยานฯ ซึ่งปกติในทะเลทั่วไป ถ้าประกาศเขตอุทยานฯ จะไม่เกิน แต่ที่ตะรุเตา ปรากฏว่าอุทยานฯ ไปเอาที่ของราชทัณฑ์ที่ประกาศตั้งคุกไว้ พอเพิ่มเขตอุทยานฯ ก็ยาวไปถึงประเทศมาเลเซีย ทำให้ประมงพื้นบ้านที่จับปลาทุกวันนี้ออกนอกเขตอุทยานฯ แต่พอไปที่ จ.สตูล เขาเหล่านี้กลับเป็นผู้ที่กระทำผิด

“เราต้องเคารพกฎหมายก็มีความสำคัญ แต่ตนขอฝากสภาฯ ว่า เราจะบัญญัติกฎหมายอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ที่สำคัญประชาชนทุกคนต้องใช้ประโยชน์จากกฎหมาย ประชาชนทุกคนต้องได้รับความยุติธรรมจากกฎหมาย และการปฏิบัติตามกฎหมายก็คงทำไม่ได้ทุกเรื่อง ทำให้อาจถูกมองว่ามีการละเมิดกฎหมาย แต่การละเมิดกฏหมายในเรื่องข้อเท็จจริง ตนคิดว่าต้องเปลี่ยนนิยามมาใช้เรื่องความยุติธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งความยุติธรรมตามความเป็นจริง บ้านเมืองต้องอยู่ได้ วันนี้ถึงเวลาที่เราต้องมาปฏิรูปกฎหมายให้มีความเป็นธรรม ซึ่งก็ต้องดูในเงื่อนไขว่า กฎหรือกฎหมายเป็นธรรมหรือไม่” พ.ต.อ.ทวี ระบุ


พ.ต.อ.ทวี ยังกล่าวว่า ในเรือนจำมีคนประมาณ 60,000 คน เป็นผู้ถูกขังที่อยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งในทางปฏิบัติ กลุ่มคนเหล่านี้ต้องอยู่เหมือนนักโทษเด็ดขาด แบบนี้กรมราชทัณฑ์หรือกระทรวงยุติธรรมเองก็ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนตั้งคำถามถึงเรื่องนี้ว่าจะทำอย่างไร ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติต้องมาดูกันว่าจะทำอย่างไรในคดีระหว่างสอบสวน หรือระหว่างที่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ยังไม่ตัดสิน ไม่ควรให้เขาอยู่เหมือนนักโทษเด็ดขาด เพราะเมื่อวัดหลักนิติธรรม ตามมาตรฐานเราอยู่ลำดับท้ายของโลก ดังนั้น เราต้องกลับมาพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย

ด้านนายน้ำแท้ กล่าวว่า หากพูดถึงเรื่องกฎหมายแบบใดควรจะเชื่อฟังและเคารพ ไม่ใช่คำถามที่เพิ่งเกิดขึ้นในยุคนี้ แต่เป็นคำถามที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยยุคกรีกโรมัน โดยกรีกโรมันมีความเป็นประชาธิปไตย การจำกัดสิทธิเสรีภาพคนต้องมีกฎหมายมาจำกัด ดังนั้น วิธีตั้งต้นไม่ได้ทำให้เราเชื่อกฎหมาย แต่ทำให้เราคิดว่าเราอิสระ เรามีเสรีภาพ ซึ่งกฎหมายของประเทศไทยมีการพัฒนาและปฏิรูปในสมัยรัชกาลที่ 5

สำหรับกฎหมายถูกใช้เป็นเครื่องมือของการปกครอง และจะตอบสนองเพื่อผลประโยชน์ของการปกครองนั้นๆ เช่น ระบบการปกครองแบบเผด็จการ หรือระบอบกษัตริย์ กฎหมายก็จะมีรูปแบบที่ต้องการการบังคับใช้ที่เด็ดขาด เข้มงวดเชื่อฟัง แต่ถ้าเป็นกฎหมายในระบอบประชาธิปไตย ก็จะมองหาประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมเป็นหลัก ดังนั้น การใช้กฎหมายแบบใดจะดีก็ต้องดูว่าเราอยู่ในรูปแบบการปกครองระบอบใด และทัศนคติของผู้บังคับใช้มีทัศนคติต่อคนที่ต้องเชื่อฟังแบบใด

นายน้ำแท้ กล่าวอีกว่า หลักนิติธรรม หัวใจคือความเสมอภาคของการใช้กฎหมาย และคนเราจะไม่เสมอภาคกันเลย ถ้ามีการแทรกแซง หรือให้ผลประโยชน์กับคนบางกลุ่มมากกว่า จึงเกิดคำถามต่อความชอบธรรม เช่น การให้แหล่งก๊าซธรรมชาติหรือแหล่งน้ำมันกับนายทุน และประชาชนต้องจ่ายการใช้ทรัพยากรเหล่านั้นในราคาแพง ทั้งที่เป็นทรัพยากรของชาติ เป็นต้น และเมื่อเกิดคำถามต่อความไม่ชอบธรรม จึงเกิดการประท้วงขึ้น หากเป็นแบบนี้ เราจะบอกว่าคนเหล่านี้ไม่เคารพกฎหมาย และสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองอย่างนั้นหรือ

“เพราะฉะนั้น การไม่เคารพกฎหมายหรือการต่อต้านกฎหมาย เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของการมีส่วนร่วมของประชาชนที่รู้สึกว่า เขาเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายที่ต้องตอบสนองต่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพวกเขาเหล่านั้น“ นายน้ำแท้ กล่าว

ขณะที่การจะละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ต้องมีกฎหมายที่ให้อำนาจในการกระทำนั้น เช่น การค้นบ้าน การขังใคร แต่นักกฏหมายบ้านเราแปลคำนี้ผิด เพราะเราไม่เข้าใจตรรกะของมันที่ว่า ไม่มีกฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐ กลายเป็นว่าถ้าไม่มีระเบียบเขียน เราไม่ทำอะไรเลย นี่คือนิติวิธีที่ผิดอย่างรุนแรง ทั้งที่จริงแล้วเราเป็นเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม ท่านสามารถทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้เกิดความยุติธรรม มีอำนาจตามกฎหมาย ยกเว้นละเมิดกฏหมาย หรือการละเมิดสิทธิเสรีภาพ และต่อมาเรื่องของกฎเลยก็มีการพัฒนาตามยุคตามสมัย โดยเฉพาะเรื่องการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล จึงมีการปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารญาณเลือกตั้ง

ปิดตำนาน “อาฉี เสียงหล่อ” นักแสดงตลกดัง เสียชีวิตในวัย 57

ปิดตำนาน “อาฉี เสียงหล่อ” หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เสียชีวิตในวัย 57 ปี ญาติและทีมงานทำใจไม่ได้ เผยเตรียมกลับมาในแพลตฟอร์มต่างๆ อีกครั้ง แต่มาเสียชีวิตก่อน

ศาลให้ประกัน “เอกราช ช่างเหลา” คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย ฐานยักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น กว่า 1,200 ล้านบาท ก่อนได้รับการประกันตัวเพื่อสู้คดีต่อในชั้นศาลอุทธรณ์

สอบปากคำแล้ว 117 ปาก เร่งสางคดีตึก สตง.ถล่ม

รองผบช.น. เผย สอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง คดีอาคาร สตง.ถล่มแล้ว 117 ปาก ยังรอสอบบริษัทควบคุมงาน-ออกแบบก่อสร้าง พร้อมนัดสอบ ‘ปฏิวัติ’ CEO กิจการร่วมค้า PKW 21 เม.ย. เร่งรวบรวมหลักฐานเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง