“ทวี” ย้ำกลางวงสัมมนาต้องปฏิรูปกฎหมายให้เป็นธรรม

รัฐสภา 29 ก.ย.- กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา จัดเวทีเสวนา “บ้านเมืองไม่สงบ เมื่อไม่เคารพกฎหมาย” รมว.ยุติธรรม ชี้บังคับใช้กฎหมายบางเรื่องต้องมองตามหลักความเป็นจริง ต้องปฏิรูปกฎหมายให้มีความเป็นธรรม


คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา จัดสัมมนาในหัวข้อ “บ้านเมืองไม่สงบ เมื่อไม่เคารพกฎหมาย” โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1 นายน้ำแท้ มีบุญสล้าง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาการสอบสวนและการดำเนินคดี สำนักงานอัยการสูงสุด และ พ.ต.อ.รชตโชค ลีวาณิชคุณ ผกก.(สอบสวน) กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) ร่วมการสัมมนา

พ.ต.อ.ทวี กล่าวถึงการวางหลักการเรื่องกฎหมายกระบวนการยุติธรรม ว่า รัฐบาลได้จัดทำนโยบายว่าจะบริหารบ้านเมืองโดยยึดหลักนิติธรรม ซึ่งคำว่าหลักนิติธรรมถูกเขียนเอาไว้ครั้งแรกในปี 2550 และปี 2560 ซึ่งหมายถึง รัฐบาล รัฐสภา ศาลและองค์กรอิสระ ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรม การที่รัฐบาลนำหลักนิติธรรมมาเขียนไว้ในนโยบาย โดยคำนึงถึงการบริหารงานต่างๆ ที่ใช้งบประมาณที่น้อยที่สุดเป็นการสร้างรากฐานให้กับประเทศ


พ.ต.อ.ทวี ยังกล่าวว่า ตนทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับคำว่า บ้านเมืองไม่สงบ เมื่อไม่เคารพกฎหมาย เพราะบางเรื่องไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป หากมองว่ากฎหมายสั่งอะไรต้องทำ หากคิดเช่นนั้นสำหรับประเทศไทยเป็นอันตราย เพราะระบบของกฎหมายไทยมีจำนวนมาก โดยในรัฐธรรมนูญ มาตรา 53 เขียนไว้ว่า รัฐต้องปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดนั้น มองว่าหากรัฐบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด บ้านเมืองอาจจะอยู่ไม่ได้

เช่น กลุ่มกฎหมายป่าไม้ มีทั้งกฎหมายอุทยานฯ อนุรักษ์ป่า สงวนป่าไม้ ซึ่งเรามีพื้นที่ประกาศเป็นแนวป่าไม้ 135 ล้านไร่ แม้แต่คำนิยามว่าป่าในกรมป่าไม้ยังมี 4 นิยาม และคนที่เข้าไปอยู่ในป่ามีถึง 15-17 ล้านคน อีกทั้งเมื่อถามว่ามีป่าเป็นจริงเท่าไหร่ กรมป่าไม้ยังละทิ้งไม่ใช้นิยามคำว่าป่าไม้ของตัวเอง และให้คณะวนศาสตร์ไปใช้นิยามสากล คือ ป่าจากความเป็นจริง ต้นไม้ต้องสูง 3 เมตรเชื่อมต่อกัน ป่าจึงมี 102 ล้านไร่ เหลืออีก 33 ล้านไร่ คือที่คนอยู่ทุกวันนี้ อีกทั้งยังมีทั้งป่าเสื่อมโทรม และป่าทิพย์ที่ไม่มีป่าอยู่จริง ถ้าเราให้เขาเคารพกฎหมาย คนจะไม่มีแผ่นดินอยู่ 10 กว่าล้านคน แล้วคนที่อยู่ ถ้าเราบังคับใช้กฏหมาย 100% คนเหล่านี้ก็จะติดคุกเมื่อไปถึงศาล เพราะเขาสู้รัฐไม่ได้ พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่มีการไปจับชาวประมงที่ตะรุเตา ในข้อหาอุทยานฯ ซึ่งปกติในทะเลทั่วไป ถ้าประกาศเขตอุทยานฯ จะไม่เกิน แต่ที่ตะรุเตา ปรากฏว่าอุทยานฯ ไปเอาที่ของราชทัณฑ์ที่ประกาศตั้งคุกไว้ พอเพิ่มเขตอุทยานฯ ก็ยาวไปถึงประเทศมาเลเซีย ทำให้ประมงพื้นบ้านที่จับปลาทุกวันนี้ออกนอกเขตอุทยานฯ แต่พอไปที่ จ.สตูล เขาเหล่านี้กลับเป็นผู้ที่กระทำผิด

“เราต้องเคารพกฎหมายก็มีความสำคัญ แต่ตนขอฝากสภาฯ ว่า เราจะบัญญัติกฎหมายอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ที่สำคัญประชาชนทุกคนต้องใช้ประโยชน์จากกฎหมาย ประชาชนทุกคนต้องได้รับความยุติธรรมจากกฎหมาย และการปฏิบัติตามกฎหมายก็คงทำไม่ได้ทุกเรื่อง ทำให้อาจถูกมองว่ามีการละเมิดกฎหมาย แต่การละเมิดกฏหมายในเรื่องข้อเท็จจริง ตนคิดว่าต้องเปลี่ยนนิยามมาใช้เรื่องความยุติธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งความยุติธรรมตามความเป็นจริง บ้านเมืองต้องอยู่ได้ วันนี้ถึงเวลาที่เราต้องมาปฏิรูปกฎหมายให้มีความเป็นธรรม ซึ่งก็ต้องดูในเงื่อนไขว่า กฎหรือกฎหมายเป็นธรรมหรือไม่” พ.ต.อ.ทวี ระบุ


พ.ต.อ.ทวี ยังกล่าวว่า ในเรือนจำมีคนประมาณ 60,000 คน เป็นผู้ถูกขังที่อยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งในทางปฏิบัติ กลุ่มคนเหล่านี้ต้องอยู่เหมือนนักโทษเด็ดขาด แบบนี้กรมราชทัณฑ์หรือกระทรวงยุติธรรมเองก็ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนตั้งคำถามถึงเรื่องนี้ว่าจะทำอย่างไร ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติต้องมาดูกันว่าจะทำอย่างไรในคดีระหว่างสอบสวน หรือระหว่างที่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ยังไม่ตัดสิน ไม่ควรให้เขาอยู่เหมือนนักโทษเด็ดขาด เพราะเมื่อวัดหลักนิติธรรม ตามมาตรฐานเราอยู่ลำดับท้ายของโลก ดังนั้น เราต้องกลับมาพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย

ด้านนายน้ำแท้ กล่าวว่า หากพูดถึงเรื่องกฎหมายแบบใดควรจะเชื่อฟังและเคารพ ไม่ใช่คำถามที่เพิ่งเกิดขึ้นในยุคนี้ แต่เป็นคำถามที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยยุคกรีกโรมัน โดยกรีกโรมันมีความเป็นประชาธิปไตย การจำกัดสิทธิเสรีภาพคนต้องมีกฎหมายมาจำกัด ดังนั้น วิธีตั้งต้นไม่ได้ทำให้เราเชื่อกฎหมาย แต่ทำให้เราคิดว่าเราอิสระ เรามีเสรีภาพ ซึ่งกฎหมายของประเทศไทยมีการพัฒนาและปฏิรูปในสมัยรัชกาลที่ 5

สำหรับกฎหมายถูกใช้เป็นเครื่องมือของการปกครอง และจะตอบสนองเพื่อผลประโยชน์ของการปกครองนั้นๆ เช่น ระบบการปกครองแบบเผด็จการ หรือระบอบกษัตริย์ กฎหมายก็จะมีรูปแบบที่ต้องการการบังคับใช้ที่เด็ดขาด เข้มงวดเชื่อฟัง แต่ถ้าเป็นกฎหมายในระบอบประชาธิปไตย ก็จะมองหาประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมเป็นหลัก ดังนั้น การใช้กฎหมายแบบใดจะดีก็ต้องดูว่าเราอยู่ในรูปแบบการปกครองระบอบใด และทัศนคติของผู้บังคับใช้มีทัศนคติต่อคนที่ต้องเชื่อฟังแบบใด

นายน้ำแท้ กล่าวอีกว่า หลักนิติธรรม หัวใจคือความเสมอภาคของการใช้กฎหมาย และคนเราจะไม่เสมอภาคกันเลย ถ้ามีการแทรกแซง หรือให้ผลประโยชน์กับคนบางกลุ่มมากกว่า จึงเกิดคำถามต่อความชอบธรรม เช่น การให้แหล่งก๊าซธรรมชาติหรือแหล่งน้ำมันกับนายทุน และประชาชนต้องจ่ายการใช้ทรัพยากรเหล่านั้นในราคาแพง ทั้งที่เป็นทรัพยากรของชาติ เป็นต้น และเมื่อเกิดคำถามต่อความไม่ชอบธรรม จึงเกิดการประท้วงขึ้น หากเป็นแบบนี้ เราจะบอกว่าคนเหล่านี้ไม่เคารพกฎหมาย และสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองอย่างนั้นหรือ

“เพราะฉะนั้น การไม่เคารพกฎหมายหรือการต่อต้านกฎหมาย เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของการมีส่วนร่วมของประชาชนที่รู้สึกว่า เขาเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายที่ต้องตอบสนองต่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพวกเขาเหล่านั้น“ นายน้ำแท้ กล่าว

ขณะที่การจะละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ต้องมีกฎหมายที่ให้อำนาจในการกระทำนั้น เช่น การค้นบ้าน การขังใคร แต่นักกฏหมายบ้านเราแปลคำนี้ผิด เพราะเราไม่เข้าใจตรรกะของมันที่ว่า ไม่มีกฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐ กลายเป็นว่าถ้าไม่มีระเบียบเขียน เราไม่ทำอะไรเลย นี่คือนิติวิธีที่ผิดอย่างรุนแรง ทั้งที่จริงแล้วเราเป็นเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม ท่านสามารถทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้เกิดความยุติธรรม มีอำนาจตามกฎหมาย ยกเว้นละเมิดกฏหมาย หรือการละเมิดสิทธิเสรีภาพ และต่อมาเรื่องของกฎเลยก็มีการพัฒนาตามยุคตามสมัย โดยเฉพาะเรื่องการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล จึงมีการปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]