ท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 / 28 ก.ย.- นายกฯ แจงเป็นความประสงค์ส่วนตัวบริจาคเงินเดือน-เงินประจำตำแหน่งหลังหักภาษี พร้อมเปลี่ยนมูลนิธิไปเรื่อยๆ ขออย่ากดดันรัฐมนตรีคนอื่น ยืนยันประชุม ก.ตร. เปิดโอกาสให้ทุกคนได้พูด ให้ความเป็นธรรมกับแคนดิเดต
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว ถึงกรณีที่ประกาศบริจาคเงินเดือนนายกรัฐมนตรีและเงินประจำตำแหน่ง ว่า เมื่อรับมาจ่ายภาษีและก็บริจาค ซึ่งจะเปลี่ยนมูลนิธิไปเรื่อยๆ โดยเป็นความประสงค์ของตนเอง
เมื่อถามว่าจะเป็นตัวอย่างให้กับบรรดารัฐมนตรีหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ไม่ใช่ เป็นความประสงค์ส่วนตัว อย่าไปกดดันท่านอื่น ความจำเป็นส่วนตัวก็มีทุกคน
มีการศึกษากฎหมายแล้วใช่หรือไม่ ในการนำเงินให้มูลนิธิต่างๆ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ ซึ่งจะบริจาคไปตามมูลนิธิต่างๆ ที่มีการตรวจสอบแล้ว ช่วยเหลือภาคส่วนที่มีความต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งเป็นเจตนารมย์ ส่วนตัวไม่ได้คิดอะไรมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นสิ่งที่ทำมาก่อนเป็นนายกรัฐมนตรี ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนก็พยายามที่จะทำต่อไป ซึ่งก็ไม่อยากจะพูดเยอะ เดี๋ยวจะหาว่าอย่างนั้น อย่างนี้ ก็เงียบๆ ไปดีกว่า
ส่วนในแง่ของข้อกฎหมายได้มีการปรึกษาฝ้ายกฎหมายหรือไม่ ในกรณีที่บริจาคเงินเกิน 3,000 บาท นายกรัฐมนตรี ระบุว่าให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ ซึ่งทุกอันก็บริจาคตามมูลนิธิต่างๆที่ได้มีการตรวจสอบแล้ว และช่วยเหลือภาคส่วนที่มีความต้องการ ถือเป็นเจตนารมเท่านั้น
เมื่อถามว่า หลังการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)สบายใจหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้โปรดเกล้าฯลงมาก่อน ภารกิจทุกอย่างเมื่อเสร็จสิ้นลงไปก็มีความสบายใจ
ส่วนเหตุใดถึงไม่รอคณะการตรวจสอบ นายเศรษฐา ย้ำว่า ขอให้มีการโปรดเกล้าฯลงมาก่อน ถ้าเกิดจบแล้วมีคณะกรรมการและโฆษกสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติจะแถลง
เมื่อถามถึงหนึ่งเสียงไม่เห็นชอบต่อตำแหน่ง ผบ.ตร. พลตำรวจเอกเอกอังสนานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคิดว่าคงไม่เหมาะสมที่จะเอาเรื่องในที่ประชุมมาพูด การงดออกเสียงกังวลเรื่องข้อกฎหมายหรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่าไม่มีความกังวล ทำด้วยเจตนารมย์อันบริสุทธิ์ และไม่ลุด้วยอำนาจและมีการอภิปรายอย่างกว้างขวางในที่ประชุมให้โอกาสทุกท่านได้พูด ให้ความเป็นธรรมกับแคนดิเดตทุกคน.- สำนักข่าวไทย