“โรม” ชี้ปม “บิ๊กโจ๊ก” เชื่อเอี่ยว “กำนันนก-ทุนสีเทา”

กทม. 26 ก.ย.-“โรม” มององค์กรตำรวจเละเทะ ทำทุกวิถีทางเพื่อเข้าสู่อำนาจ ปม “บิ๊กโจ๊ก” เชื่อเอี่ยว “กำนันนก-ทุนสีเทา” แนะนายกฯ อย่ายึดคำว่า “เกียรติ” มากเกินไป เสนอ 3 ข้อเรียกร้องติดกระดุมเม็ดแรก ผบ.ตร.

26 ก.ย.2566 ที่พรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร ถูกบุกค้นบ้าน เนื่องจากมีความเกี่ยวโยงกับเว็บพนันออนไลน์ ว่า เรื่องนี้มีผลเชื่อมโยงกับกรณีของกำนันนกแน่นอน เพราะช่วงเวลาเกิดขึ้นใกล้เคียงกับการเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตนเองก็ค่อนข้างปักใจไปกับเรื่องการแย่งชิงอำนาจใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ซึ่งเรื่องนี้สืบเนื่องมาจากกระบวนการภายในของตำรวจ ที่ปะปนไปกับทุนสีเทา ซึ่งเว็บการพนันที่ได้มีการพูดถึง นี่ก่อนหน้านี้ที่มีการจับกุมเจ้าแม่พนันออนไลน์”มินนี่”และคดีกำนัลนกที่ยังไม่ได้คลี่คลาย


“มันต้องยอมรับว่าองค์กรตำรวจเละเทะพอสมควร เมื่อประกอบกันกับการต้องแย่งชิงผบ.ตร. ผมก็คิดว่าการแข่งขันภายในค่อนข้างสูง ไม่ใช่การแข่งขันกันด้วยผลงานหรือไม่ สึดท้ายอาจจะเป็นการเตะตัดขาหรืออาจจะการทำทุกวิถีทางเพื่อจะแย่งชิงตำแหน่งผบ.ตร. ซึ่งกระบวนการแบบนี้ผมคิดว่าจะทำให้ตำรวจอ่อนแอลง”นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเห็นการให้สัมภาษณ์ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การสังคายนา เพราะเป็นการไม่ให้เกียรติตำรวจ ตนคิดว่าเป็นคนละเรื่อง ตนคิดว่า นายเศรษฐาติดคำว่าเกียรติมากเกินไป จนบางครั้งอาจจะนึกลืมนึกไปว่าถ้าทำเป็นแบบนี้ตำรวจดีๆจะมีที่ยืนอย่างไร วันนี้เราควรยกระดับวาระตำรวจให้เป็นวาระ สำคัญของประเทศชาติเราต้องการตำรวจที่เป็นตำรวจของประชาชน ต้องการ ตำรวจที่ไม่ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทุน สีเทาทุนสีดำ หรือสิ่งผิดกฎหมายใดๆ สิ่งที่เราต้องการวันนี้คือการติดกระดุมเม็ดแรก


“ผมเข้าใจดีว่าการปฏิรูปตำรวจไม่ใช่เรื่องง่ายเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แต่เราต้องการกระดุมเม็ดแรกที่ถูกต้อง ซึ่งวันนี้อำนาจของนายกรัฐมนตรีที่มีโดยตรงคือการเลือกผบ.ตร.และส่งชื่อไปให้ทาง คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร)รับรอง ซึ่งนายกรัฐมนตรีสามารถเริ่มกระบวนการตรงนี้ก็ได้ แต่เข้าใจว่าการเลือกผบ. ตรตรงนี้อาจจะล่าช้าไปได้ อาจจะไม่ทันการ แต่คาดหวังว่ากระบวนการครั้งหน้า นายกรัฐมนตรีจะมีการชัดเจนในเรื่องการปฏิรูปตำรวจซึ่งสามารถทำได้ทันที ที่เป็นข้อเสนอของตน 3 ข้อ คือ 1.รอง ผบ.ตร. ที่ประสงค์จะเป็น ผบ.ตร. ให้ยื่นความจำนงต่อกรรมการที่นายกตั้งขึ้น พร้อม Porfolio ผลงานต่างๆ

2.ให้มีการแสดงวิสัยทัศน์สาธารณะ ให้ประชาชนได้เห็นว่าคุณมีวิสัยทัศน์อะไร ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ที่จะเป็น ผบ.ตร. มีแผนพัฒนาตำรวจยังไง โดยเฉพาะภายใต้กรอบระยะเวลาที่ตนเองเหลืออยู่

3.ให้ทำแพลตฟอร์มออนไลน์ให้พี่น้องตำรวจสามารถลงทะเบียนเพื่อโหวตเลือก ผบ.ตร. ได้ เพื่อนายกทราบว่าตำรวจส่วนใหญ่อยากให้ใครเป็น ผบ.ตร. ทั้งนี้แพลตฟอร์มนั้นจะไม่สามารถระบุตัวตนตำรวจที่โหวตดังกล่าวได้ รู้แค่ว่าเป็นตำรวจ ซึ่งสามารถทำได้ในปัจจุบัน


ดังนั้น ตนคิดว่า 3 กระบวนการดังกล่าวที่เป็นข้อเสนอจะนำไปสู่การยกระดับเพื่อติดกระดุมเม็ดแรกให้สำเร็จแล้วที่เหลือค่อยๆทำ ค่อยๆแก้ ส่วนเรื่องตั๋ว เรื่องสวย ถ้าไม่มีตั๋วก็ไม่มีสวย ถ้าไม่มีตั๋วก็ไม่มีธุรกิจกฎหมาย สิ่งเหล่านี้จะค่อยๆหายไป ตำรวจน้ำดีก็จะมีที่อยู่ที่ยืน แต่เราต้องไม่ลืมว่าอะไรที่ยังค้างคาอยู่ในสังคม คนที่นายกรัฐมนตรีต้องรีบจัดการ วันนี้ตนสนับสนุนให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนหรือสืบค้นข้อเท็จจริงการตรวจค้นบ้านพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และจับกุมตํารวจที่เกี่ยวข้อง แต่วิธีการแบบนี้ก็ควรจะใช้กับกรณีกำนันนกด้วยขยายผล ว่าใครเป็นลมใต้ปีกของกำนันนก กำนันนก อายุ 35 ปีมาถึงขนาดนี้ได้อย่างไร ขยายผลว่าให้เห็นว่ามีตำรวจที่ทุจริตเข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องนี้มีใครบ้างขยายผลให้หมดใช้โอกาสนี้เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสเอาตำรวจน้ำไม่ดีออกจากระบบ แล้วเราจะมีตำรวจที่มีคุณภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาสำคัญก็คือ จะต้องมีการอัพเดทกับพี่น้องประชาชนเป็นระยะเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบว่าตกลงแล้วมีความคืบหน้าอย่างไร และต้องกำหนดระยะเวลา ว่าสังคมไทยต้องรอถึงเมื่อไหร่ จนไม่อยากให้สักพักเรื่องก็เงียบ อยากให้มีความชัดเจนเรื่องของ ไทม์ไลน์ กระบวนการสื่อสารกับสังคมเป็นระยะตนคิดว่าเราจะเห็นกระบวนการที่โปร่งใสมากขึ้น

ซึ่งในการประชุมสส.วันนี้ตนได้ยื่นความจำนงที่จะตั้งกระทู้สดต่อนายกรัฐมนตรีในเรื่องของตำรวจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังนั้นในวันพฤหัสบดีนี้น่าจะมีการตั้งกระทู้สดในสภาและหวังว่านายกรัฐมนตรีจะมาตอบในสภา ซึ่งที่ผ่านมากับ การตั้งกระทู้สดในสภานายกรัฐมนตรีอย่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มาตอบเลยและตนหวังว่ายุคนี้ที่เป็นยุคใหม่มีนายกรัฐมนตรีที่เป็นพลเรือนหวังว่านายเศรษฐาจะมาตอบคำถามนี้และดูจากอากัปกิริยาแล้วนายเศรษฐาก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ก็ช่วยมาตอบคำถามของตนด้วย ตนบอกล่วงหน้าไว้แล้ว 2 วัน และคิดว่านายเศรษฐาจะมีเวลาการเตรียมข้อมูลเพื่อจะตอบคำถามในสภา ของรังสิมันต์ โรมคนนี้

นายรังสิมันต์ ยังย้ำข้อเสนอ 3 ข้อ ว่ายังไม่จบยังมีอะไรมากกว่านั้น ตนเข้าใจว่าต้องมีเวลาทำงาน และเชื่อว่าการทลายคนทำงานของรอบนี้คงจะเขย่าถึงอนาคตพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในระยะยาวแน่นอนคือการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว ประเด็นคือในเรื่องของการทำงานต้องแยกกับผลงานกับการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งข้อเรียกร้องของตนเป็นการเรียกร้องเฉพาะหน้า ที่ให้มีการติดกระดุมเม็ดแรกของผบ.ตร. ที่ต้องเน้นย้ำเรื่องนี้เพราะเป็นอำนาจโดยตรงของนายกรัฐมนตรี ไม่เกี่ยวกับเรื่องขั้นตอนของกฎหมายแต่เป็นขั้นตอนที่นายกรัฐมนตรีสามารถทำได้ ทั้งนี้ ก็จะไม่เป็นที่ครหาต่อสังคม เพราะมีคำอธิบายที่ชัดเจน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย