ตอบคนไทยได้อะไรจากดิจิทัลวอลเล็ต

กรุงเทพฯ 25 ก.ย.-“มาดามเดียร์” ห่วงรัฐบาลใช้งบ 5.6 แสนล้านบาท กระทบเสถียรภาพทางการคลังหรือไม่ ประโยชน์เกิดกับผู้ประกอบการหรือเจ้าสัว จี้ตอบ 6 คำถามให้ชัด คนไทยได้อะไรจากดิจิทัลวอลเล็ต


น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘เดียร์ วทันยา บุนนาค‘ และทวิตเตอร์ ‘Watanya Bunnag’ ตั้งคำถามถึงรัฐบาลและคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่คาดว่าจะเสนอแต่งตั้งในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พรุ่งนี้(26 ก.ย.) ถึงความคุ้มค่าการใช้งบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท ความชัดเจนในการให้เงิน การใช้จ่าย การดำเนินการตรวจสอบ รวมไปถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในด้านอื่นๆ จำนวน 6 คำถาม โดยมีเนื้อหาดังนี้ คนไทยจะได้อะไรจากงบประมาณกว่า 5.6 แสนล้านบาทที่จะใช้กับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต??

เราน่าจะได้เห็นทิศทางของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เร็วๆ นี้ ผ่านการประชุม ครม. และตั้งคณะกรรมการเพื่อวางกรอบนโยบาย การทำงาน การตรวจสอบ และการประเมินผล ในวันอังคารนี้ ในฐานะประชาชนที่เสียภาษี ขอฝากคำถามและความเป็นห่วงต่อการใช้งบประมาณแผ่นดินไปยังรัฐบาลและคณะกรรมการ 6 ข้อดังนี้ 1.เงินกว่า 5.6 แสนล้านบาทที่จะใช้ในการจัดทำนโยบายจะมาจากไหน? และรูปแบบของเงินพร้อมทั้งการใช้จ่ายจะเป็นระบบ Blockchain หรือจะ E-Money? จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงไม่มีความชัดเจนจากรัฐบาล นอกจากการให้สัมภาษณ์ของรมต.


2.ไม่ว่ารูปแบบเงินจะใช้เทคโนโลยีแบบไหน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะต้องนำเงินงบประมาณมาเป็นทุนใช้จ่ายในโครงการ ดังนั้นนโยบายนี้จะส่งผลเสียต่อเสถียรภาพทางการคลังในระยะยาวหรือไม่? จะเป็นการเพิ่มภาระให้งบประมาณด้วยการเอาเงินอนาคตมาใช้ก่อน แล้วคนไทยต้องเผชิญกับความลำบากทีหลังหรือไม่? 3.นักวิชาการต่างดาหน้าออกมายืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่โครงการดังกล่าวจะเกิดการหมุนของเงินในระบบผ่านตัวทวีคูณของเงิน (Multiplier Effects) ถึง 6 รอบตามที่รัฐบาลคาดหวัง ดังนั้นรัฐบาลควรทบทวนว่าหากเงินในระบบไม่สามารถหมุนได้ครบ 6 รอบตามที่ตั้งเป้าไว้ การใช้เงินงบประมาณจำนวนมหาศาลยังคงคุ้มค่าที่จะดำเนินโครงการต่อหรือไม่? 

“ที่สำคัญคือจะทำอย่างไรให้เงินนั้นกระจายตัวไปยังผู้ประกอบการรายย่อยให้ได้มากกว่า #เจ้าสัว? และใครจะเป็นผู้เก็บรวบรวมข้อมูล? นั่นยังไม่นับรวมถึงกรณีประชาชนนำเงินไปใช้ใน Application ของสัญชาติต่างประเทศที่อาจทำให้สุดท้ายแล้วเงินงบประมาณที่มาจากภาษีคนไทยบางส่วนรั่วไหลออกไปภายนอก เงินที่อัดฉีดเข้าสู่ระบบเพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจไม่สามารถหมุนเวียนภายในประเทศอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย” น.ส.วทันยา ระบุ

4.รัฐบาลต้องไม่ลืมว่านอกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วนแล้ว สิ่งที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่คือปัญหาหนี้สินและค่าครองชีพที่พุ่งสูง แม้ว่าวันนี้รัฐบาลจะเร่งหาทางลดค่าครองชีพและแก้หนี้สินตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ แต่สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลต้องไม่ลืมคือ ประชาชนคาดหวังอยากเห็นรัฐบาลแก้ปัญหาต้นทุนค่าครองชีพที่ต้นตอ ยกตัวอย่าง ปัญหาค่าไฟฟ้า ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูก ลดค่าครองชีพของประชาชนในวันนี้ด้วยการนำเงินของอนาคตมาใช้ สุดท้ายประชาชนก็ยังคงเป็นคนที่ต้องแบกรับภาระเหมือนเดิมในขณะที่นายทุนพลังงานยังคงล่ำซำ รวยขึ้นทุกวัน?


5.รายละเอียดวิธีการใช้เงินไม่ว่าจะใช้ได้ครั้งละไม่เกินจำนวนเท่าไหร่? และอยู่ในรัศมี 4 กม. นับจากไหน? ตามที่อยู่ในทะเบียนบ้านหรืออย่างไร? ในกรณีแรงงานพลัดถิ่นที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ การกลับไปใช้เงินในพื้นที่คงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก อาจเปิดโอกาสให้เกิดการคอร์รัปชัน? 6.การตรวจสอบความโปร่งใสของโครงการนี้จะเป็นอย่างไร? หากมีการทุจริตเกิดขึ้น เช่น แลกเงินสด แลกสิทธิ์ ขายสิทธิ์ เป็นต้น

“ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่อยากถามแทนคนไทยทุกคน เพราะในช่วงที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยช้ากว่าหลายประเทศ แถมยังมีงบประมาณจำกัด หนี้สาธารณะสูงขึ้นจนจะชนเพดานเงินกู้ แต่คนไทยยังมีหนี้ครัวเรือนพุ่งสูงขึ้น พร้อมกับความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่นับวันยิ่งขยายห่างขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราใช้งบประมาณก้อนยักษ์ไปผิดทางหรือได้ผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม ความหวังในการพัฒนาเศรษฐกิจคงริบหรี่” น.ส.วทันยา ระบุ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย