กทม. 24 ก.ย.-“วิษณุ” ไม่รับร่วมคณะแก้รัฐธรรมนูญชุดภูมิธรรม แต่พร้อมให้คำปรึกษาเป็นกรณี บอก วันนี้สบายใจ พ้นออกมาแล้ว ไม่อยากกลับไปเป็นบุุคคลสาธารณะ ชี้แก้ไขรัฐธรรมนูญทีละรายมาตราดีกว่า พร้อมแนะแก้มาตรา 256 ลดขั้นตอนทำประชามติเหลือ 2 ครั้ง หวังลดงบประมาณ
นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ เตรียมที่จะเทียบเชิญบุคคลสำคัญ เป็นคณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ขอบคุณที่ยังนึกถึง โดยเข้าใจว่าเป็นการถามนำของผู้สื่อข่าว แต่ทั้งนี้ต้องขอบคุณที่ยังนึกถึง แต่งานที่ทำถือว่าเป็นงานใหญ่ ซึ่งต้องใช้เวลาและยุ่งยาก ที่สำคัญอยู่ที่ความเห็นที่แตกต่าง ซึ่งอาจเกิดความขัดแย้ง แต่เมื่อพ้นตำแหน่งแล้วก็ไม่ควรที่จะหวนกลับไปเป็นบุคคลสาธารณะอีก เพราะการไปทำงานเช่นนี้ถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะ และทุกวันนี้ก็มีความสบายอกสบายใจดีอยู่แล้ว แต่หากจะมาขอคำปรึกษาบางครั้งบางคราวตนเองก็ยินดี ซึ่งที่ผ่านมาก็มีอยู่บ้าง โดยเฉพาะรัฐมนตรีหน้าเก่าที่เคยอยู่ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งหลายคนมีความคุ้นเคยกัน จึงมีการโทรมาสอบถามในบางประเด็นที่สงสัย เช่น มติ ครม. เก่าๆ
ส่วนเรื่องโครงสร้างรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไรนั้น อยากให้รัฐบาลชุดนี้ไปคิดกันเอง ซึ่งตนเองมองว่ามีความยุ่งยากซับซ้อน แต่จะด้วยวิธีไหนก็ตามควรหลบหลีกการทำประชามติหลายครั้ง ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา แม้จะแก้ทีละหลายมาตราก็ได้ หากเวลานี้อยากแก้หมวด3 ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพ ซึ่งประชาชนต้องการและหมวด4 หน้าที่ของรัฐ หมวด 5 หน้าที่ปวงชนชาวไทย หมวด6 แนวนโยบายแห่งรัฐ หมวด7 รัฐสภา ในเรื่องการเลือกตั้งรวมเขตแบ่งเขต สามารถแก้ไขได้ตามใจชอบ โดยไม่ต้องทำประชามติ
ส่วนหมวด 8 เป็นเรื่องของคณะรัฐมนตรีหมวด9เรื่องผลประโยชน์ความขัดแย้งกันหมวด 10 เรื่องของศาลหมวด 11 องค์กรอิสระ เรื่องเหล่านี้แก้ได้หมด แต่เมื่อเป็นหมวดองค์กรอิสระ หากการแก้ไขอำนาจหน้าที่ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม จะต้องไปเจอกับการทำประชามติ ดังนั้นตั้งแต่หมวด3-ถึงหมวด9 สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้หมด โดยเหตุผลที่ต้องทำประชามติเพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ได้บัญญัติว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อแก้ไขมาตรา 256 เสร็จก็จะไม่เจอกับการทำประชามติ แต่ถ้าไม่ใช้วิธีแก้แบบนี้ จะต้องไปทำประชามติว่าจะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับเห็นด้วยหรือไม่ และต้องไปเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. เมื่อ ส.ส.ร.ร่างรัฐธรรมนูญเสร็จก็จะต้องทำประชามติทั้งประเทศ ซึ่งการทำประชามติแต่ละครั้งใช้เงินประมาณ 3,000 ล้านบาท ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเริ่มที่การแก้ไขมาตรา 256 หากพูดคุยกันไม่ได้ก็จะไม่ผ่าน เพราะตอนนี้ยังมีสมาชิกวุฒิสภาอยู่ อย่างน้อยการจัดทำประชามติควรมี2ครั้ง
นายวิษณุ กล่าวว่า หากต้องการแก้ไของค์กรอิสระ จะกระทบต่อคุณสมบัติและอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระตรงนี้ต้องทำประชามติ ส่วนตัวเห็นว่าควรจะเอาไว้แก้ไขทีหลังได้หรือไม่.-สำนักข่าวไทย