สหรัฐฯ 22 ก.ย.-นายกฯ ย้ำเดินหน้าต่อยอด นำบริษัทธุรกิจชั้นนำเข้ามาลงทุนในประเทศ ติดตามงานต่อเนื่องคาดต้องมีความคืบหน้า ในการประชุม APEC ที่สหรัฐอเมริกา 3 พฤศจิกายน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังพบกับ กับผู้บริหารสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกาและอาเซียน (US-ASEAN Business Council:USABC ว่า ได้มีการสอบถามเข้ามาในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการท่องเที่ยว การกระจายรายได้ และได้มีการชี้แจงที่ได้รับการตอบรับที่ดี และจากที่ได้มีเพื่อนจากสถาบันการเงินระดับโลกได้มาเยี่ยมเยียน และมารับประทานอาหารเช้าด้วยกัน ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่ และมีอดีตผู้บริหารระดับสูง เข้าไปอยู่ในวงการการเมืองเป็นจำนวนมาก และเป็นบริษัทการเงินขนาดใหญ่ที่มีฐานลูกค้าทั่วโลก ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง และประเทศสิงคโปร์ และในช่วงที่ประเทศไทยเปิดประเทศ จึงอยากเชิญชวนนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาให้มากที่สุด และต้องการให้มีสถาบันการเงินเข้ามาภายในประเทศ เข้ามาช่วยเชื่อมต่อในทุกมิติ โดยตนจะพิจารณาจัดตั้งสำนักงานฯ ที่เมืองไทย มีความเป็นไปได้มากแค่ไหน
จากนั้นก็ได้เดินทางไปพบกับประธานบริษัทเอสเต้ ลอเดอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำเครื่องสำอางที่เก่าแก่ และใหญ่ที่สุดในโลก ได้มีการพูดถึงความสัมพันธ์อันยาวนานสำหรับประเทศไทย อีกทั้งบริษัทเอสเต้ ลอเดอร์ ก็รู้จักกับบริษัทเอกชนชั้นนำของเมืองไทย ซึ่งก็ได้เชื้อเชิญให้มาลงทุนในประเทศไทย เพราะอยากให้เกิดการจ้างงานและการลงทุน จากการตั้งโรงงานผลิต ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีโรงงานที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นที่จะลงทุนในประเทศไทยในอนาคต ซึ่งประธานบริษัทก็ได้สอบถามถึงเรื่องสาหร่าย ที่เป็นส่วนผสมที่สำคัญในการทำเครื่องสำอางที่มีคุณค่า จึงได้สั่งการให้ทีมงานไปทำการบ้านเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นวัตถุดิบสำคัญที่จะทำให้บริษัทมาตั้งฐานการผลิต
นอกจากนี้ก็ได้พบกับผู้บริหาร Microsoft ที่สนใจมาลงทุนในประเทศไทยในหลายๆ เรื่อง และจะเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ ซึ่งจะมีทีมงานเข้ามา อย่างเป็นกิจจะลักษณะ เหลืออีกประมาณ 7 สัปดาห์ ทีมไทยแลนด์ก็ไปที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกาในการประชุมเอเปก วันที่ 3 พฤศจิกายน เพื่อพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้เกิดการลงทุนอยากจริงจัง
นอกจากนี้ยังพบกับบริษัท Google ที่รู้จักกันดี ที่ได้พูดคุยและเชื้อเชิญให้มาลงทุนด้วยเช่นกัน ซึ่งบริษัท Google ก็มีแผนงานอยู่แล้วที่จะมาลงทุนในประเทศไทย โดยการประชุมเอเปกจะเป็นการพูดคุยและสานงานต่อ
เมื่อถามว่า การรองรับนักธุรกิจในหลายบริษัทจะมีการให้สิทธิพิเศษเพิ่มเติมกับบริษัทเหล่านั้นหรือไม่ นายเศรษฐา ยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการตามกฏหมาย เนื่องจากเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ก็ได้เข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งตนไม่ใช่คนที่ทำมาแล้วทั้งหมด แต่แค่มาต่อยอด เพราะจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมาก็ได้มีโอกาสคุยกับกับบางบริษัทไปแล้ว ซึ่งตนจะผลักดันไทม์ไลน์จากนี้ให้ชัดว่า อะไรที่ทำได้หรือทำไม่ได้ต้องให้ชัดเจน ซึ่งสิ่งไหนที่ทำไม่ได้ก็ต้องพูดคุยกันให้จบโดยเร็ว โดยจะเห็นรูปธรรมที่ชัดเจนครั้งแรกในวันที่ 3 พฤศจิกายนในการประชุมเอเปก ต้องมีอะไรที่คืบหน้าบ้าง
ส่วนเรื่องของยานยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV นายเศรษฐา กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ในระดับแนวหน้าอยู่แล้ว และเป็นเบอร์หนึ่ง ซึ่งบริษัท Tesla ก็มีความมั่นใจที่จะไปดำเนินการ เพราะประเทศไทยมีพลังงานสะอาดอยู่แล้ว ที่จะสามารถให้ใช้ได้อย่างเพียงพอ ซึ่งเรื่องที่มาพูดในสหประชาชาติในครั้งนี้ ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ กับเป้าหมายการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยเราต้องมั่นใจว่าเรามีทรัพยากรอย่างเพียงพอที่จะสามารถให้บริษัทดังกล่าวใช้งานได้ ซึ่ง 17 เป้าหมายที่มาพูด ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก รวมไปถึงหุ้นกู้สีเขียวที่ทางสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ สปน. กำลังทำเรื่องดังกล่าวที่ทำให้รัฐบาลสามารถไปกู้เงินได้ ถ้าสำเร็จก็จะซื้อหมดอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีหุ้นกู้สีเขียวที่ได้มาพูดในครั้งนี้ มีกว่า 150 กว่าประเทศที่เข้ามาเสนอ แต่มี 34 ประเทศ รวมทั้งไทยที่ได้กล่าวถ้อยแถลง ซึ่งก็ต้องให้เครดิตกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยให้ได้รับเลือกในการนำเสนอในเวทีสำคัญครั้งนี้ จึงเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ.-สำนักข่าวไทย