รัฐสภา 20 ก.ย.- “หมออ๋อง ปดิพัทธ์” แจงงบฯ ดูงานสิงคโปร์ เบิกจริง ไม่ถึง 1.3 ล้านบาท ยืนยัน พร้อมแจงรายละเอียดหลังกลับมา เงินเหลือคืนคลังทุกบาททุกสตางค์
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ชี้แจงถึงการใช้งบประมาณการเดินทางไปดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 21-24 กันยายน ว่าได้มีการประชุมกับคณะกรรมการหลายชุด และเจอโจทย์ที่จะต้องให้พัฒนาสภาผู้แทนราษฎรเป็นสากลให้ได้ แต่การเดินทางไปดูงานประเทศที่ไกลเกินไปไม่มีความจำเป็น จึงเริ่มต้นศึกษาจากประเทศที่เป็นพันธมิตรในระดับอาเซียน ซึ่งงบประมาณที่ตั้งไว้เป็นไปตามระเบียบของกระทรวงการคลังในส่วนของรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่วนข้อกังวลว่างบประมาณที่ตั้งไว้สูงเกินไปนั้น ขอชี้แจงว่า เป็นการตั้งงบฯ แต่ยังไม่ได้ใช้จริง ทั้งในส่วนของค่าโรงแรมและค่าตั๋วเครื่องบินโดยสาร ยังไม่สามารถลงลึกรายละเอียดในการเดินทางได้ เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่จึงตั้งงบประมาณโครงการตามสิทธิที่อยู่ในระเบียบไว้ก่อน และสามารถเปิดเผยค่าใช้จ่ายได้ในวันนี้ รวมถึงหลังเดินทางกลับก็สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ส่วนคณะเดินทางได้แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 คือกรรมการ โดยมีตนเอง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายวรภพ วิริยะโรจน์ ซึ่งเป็น สส.ที่ตนตั้งใจอยากให้ไปดูระบบสารสนเทศระบบฐานข้อมูลโปร่งใส เพราะจะได้ไปดู government technology ของสิงคโปร์ ซึ่งงานด้านเทคนิคจำเป็นต้องนำคนที่เหมาะสมกับงานไปเท่านั้น
ส่วนที่ 2 คือโควตาประธานกรรมการกิจการสภาผู้แทนราษฎร แต่เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการตั้ง จึงได้มีการแบ่งโควตา ในฝั่งฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลเปิดให้ สส. ได้ลงชื่อแสดงเจตจำนงร่วมเดินทางไปดูงาน 3 คน และในฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย 2 คน ส่วนอีก 2 คนจากพรรคภูมิใจไทย ได้มีการเทียบเชิญ แต่ยังไม่ได้มีการส่งรายชื่อกลับมา ทั้งนี้ คิดว่าการเลือกสรรบุคลากรในการเดินทางไปครั้งนี้จะได้องค์ความรู้ และภาคปฏิบัติที่จะนำกลับมาพัฒนาสภา
และส่วนที่ 3 เจ้าหน้าที่สภาอีก 4 คน เป็นฝ่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และสำนักงานเลขาธิการรองประธานสภา รวมผู้เดินทางทั้งสิ้น 12 คน
ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตอนนี้ ในส่วนค่าตั๋วเครื่องบินตามสิทธิ 52,000 บาทต่อคน ใช้จริง 28,000 บาท ที่เหลือจะส่งคืนคลังทั้งหมด ค่าโรงแรม ตามสิทธิเบิกได้ 12,500 บาท จองจริงประมาณ 9,000 บาท โดยพยายามจะประหยัดให้ได้มากที่สุด อีกทั้งตนเองจะทำหน้าที่เป็นทูตของสภาผู้แทนราษฎรการเยี่ยมคารวะการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการเลี้ยงรับรองบุคคลต่างๆ จะต้องให้เกิดความสมเกียรติกับประเทศไทย
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตงบฯรับรองที่สูงเกินไปนั้น เนื่องจากการตั้งงบประมาณครั้งแรก ยังไม่ทราบรายละเอียดของการเดินทาง หากทราบรายละเอียดก็จะมีการหักทอนค่าใช้จ่ายออก เช่น หากสถานทูตเลี้ยงรับรองก็จะหักเบี้ยเลี้ยงออก โดยเงินส่วนที่เหลือก็จะส่งคืนคลัง และพร้อมแสดงใบเสร็จค่าใช้จ่าย
นายปดิพัทธ์ ยังชี้แจงถึงการเดินทางที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าไปในช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ว่าเนื่องจากการทำงานของตัวเองต้องทำงานเต็มเวลาวันจันทร์ถึงศุกร์ ซึ่งในวันพุธและวันพฤหัสบดี ตนอาจจะต้องทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม จึงเลือกเดินทางในเย็นวันพฤหัสบดี และพร้อมสำหรับการดูงานในวันศุกร์ เพราะฉะนั้นการดูงานในหน่วยงานราชการและเยี่ยมคารวะที่ประเทศสิงคโปร์จะเกิดขึ้นในวันศุกร์ ส่วนการดูงานตามสถานที่ต่างๆ ในวันเสาร์ – อาทิตย์ก็จะมีการประสานผ่านสถานทูต เพื่อเข้าดูงานในสถานที่ต่างๆ เช่น การทำพิพิธภัณฑ์กฎหมายและระเบียบระหว่างประเทศ การบริหารจัดการปัญหาฝุ่นละออง โดยจะศึกษาให้รอบด้านก่อนเสนอไปยังรัฐบาล พรรคการเมืองต่างๆ และภาคประชาสังคม ย้ำว่าการที่เปิดเผยทำให้ถูกตั้งคำถาม เปรียบเทียบไปสู่หน่วยงานอื่นๆ ซึ่งตนคิดว่าแต่ละหน่วยงานมีภารกิจที่แตกต่างกัน ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกหน่วยงาน แต่สิ่งที่เป็นธรรม คือทุกหน่วยงานจะต้องตรวจสอบได้
เมื่อถามว่าการเดินทางไปดูงานในครั้งนี้เป็นการเดินทางไปกะทันหัน หรือเป็นการใช้งบประมาณแบบล้างท่อหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า การเดินทางใช้งบประมาณ 1 ล้านบาทเศษ ถ้าเทียบกับงบฯ ค้างจ่ายมีมากกว่า หากจะล้างท่อจริง ตนก็น่าจะเดินทางไปประเทศที่ต้องใช้งบประมาณมากกว่านี้
“การที่ใช้งบประมาณแค่นี้ ไม่ถือเป็นการล้างท่อและการเดินทางครั้งนี้วางแผนตั้งแต่ต้นเทอมในการทำหน้าที่ของตน โดยเราทำงาน ดูปัญหาก่อน แล้ววางแผนประเทศที่จะเดินทางไปดูงาน ซึ่งก็ตรงกับช่วงนี้พอดี ไม่ได้เป็นการใช้งบประมาณค้างจ่ายแต่อย่างใด” นายปดิพัทธ์ กล่าว
ส่วนเหตุใดจึงไม่รอให้มีความพร้อมและมีคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎรก่อนที่จะเดินทางไปดูงาน นายปดิพัทธ์ กล่าวว่าในการวางแผนไปดูงาน ตนคาดการณ์ว่าน่าจะมีการตั้งกรรมาธิการเสร็จสิ้นแล้ว ขณะที่โครงการศึกษาดูงานต้องเดินหน้าต่อ หากต้องรอจะต้องยืดโครงการนี้ออกไป เพราะหากจะยึดโยงกับรัฐบาลงานก็ไม่เดินหน้า อีกทั้งทางประเทศสิงคโปร์ก็ได้เตรียมพร้อมรองรับคณะจากไทยแล้วเช่นกัน
“เมื่อเปิดเผยแบบนี้ก็มีการคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ยืนยันว่าทำถูกต้องตามระเบียบทุกประการ เพราะฉะนั้นจะไม่กระทบต่อการเดินทางอย่างแน่นอน พร้อมย้ำว่ายังคงยืนยันนโยบายเดิมของพรรคก้าวไกล ที่จะไม่ใช้จ่ายเงินของรัฐเกินความจำเป็น เพราะที่ผ่านมาการเดินทางไปดูงานไม่สามารถตอบกลับเป็นผลสัมฤทธิ์ได้ ดังนั้นต้องตั้งคำถามถึงผลสัมฤทธิ์และนโยบายการเดินทางไปดูงานของแต่ละหน่วยงาน ว่าต้องประหยัดและคุ้มค่า ไม่ใช่วัฒนธรรมการดูงาน แต่เป็นเป้าประสงค์ของการดูงาน ซึ่งพรรคก้าวไกลเห็นตรงกับตนเอง คือดูงานเท่าที่จำเป็นและสามารถตอบสังคมได้ หากสิ่งที่ตนทำแล้วได้รับการตรวจสอบ และสามารถพิสูจน์ได้ถึงผลลัพธ์ของการดูงาน ก็สามารถเปลี่ยนแปลงมาตรฐานของการดูงานต่างประเทศได้” นายปดิพัทธ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย