“หมออ๋อง” แจงงบฯ ดูงานสิงคโปร์

รัฐสภา 20 ก.ย.- “หมออ๋อง ปดิพัทธ์” แจงงบฯ ดูงานสิงคโปร์ เบิกจริง ไม่ถึง 1.3 ล้านบาท ยืนยัน พร้อมแจงรายละเอียดหลังกลับมา เงินเหลือคืนคลังทุกบาททุกสตางค์  


นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ชี้แจงถึงการใช้งบประมาณการเดินทางไปดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่  21-24 กันยายน ว่าได้มีการประชุมกับคณะกรรมการหลายชุด และเจอโจทย์ที่จะต้องให้พัฒนาสภาผู้แทนราษฎรเป็นสากลให้ได้ แต่การเดินทางไปดูงานประเทศที่ไกลเกินไปไม่มีความจำเป็น จึงเริ่มต้นศึกษาจากประเทศที่เป็นพันธมิตรในระดับอาเซียน ซึ่งงบประมาณที่ตั้งไว้เป็นไปตามระเบียบของกระทรวงการคลังในส่วนของรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่วนข้อกังวลว่างบประมาณที่ตั้งไว้สูงเกินไปนั้น ขอชี้แจงว่า เป็นการตั้งงบฯ แต่ยังไม่ได้ใช้จริง ทั้งในส่วนของค่าโรงแรมและค่าตั๋วเครื่องบินโดยสาร ยังไม่สามารถลงลึกรายละเอียดในการเดินทางได้  เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่จึงตั้งงบประมาณโครงการตามสิทธิที่อยู่ในระเบียบไว้ก่อน และสามารถเปิดเผยค่าใช้จ่ายได้ในวันนี้  รวมถึงหลังเดินทางกลับก็สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ส่วนคณะเดินทางได้แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 คือกรรมการ โดยมีตนเอง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายวรภพ วิริยะโรจน์ ซึ่งเป็น สส.ที่ตนตั้งใจอยากให้ไปดูระบบสารสนเทศระบบฐานข้อมูลโปร่งใส   เพราะจะได้ไปดู government technology ของสิงคโปร์ ซึ่งงานด้านเทคนิคจำเป็นต้องนำคนที่เหมาะสมกับงานไปเท่านั้น 


ส่วนที่ 2 คือโควตาประธานกรรมการกิจการสภาผู้แทนราษฎร แต่เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการตั้ง จึงได้มีการแบ่งโควตา ในฝั่งฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลเปิดให้ สส. ได้ลงชื่อแสดงเจตจำนงร่วมเดินทางไปดูงาน 3 คน และในฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย 2 คน ส่วนอีก 2 คนจากพรรคภูมิใจไทย ได้มีการเทียบเชิญ แต่ยังไม่ได้มีการส่งรายชื่อกลับมา ทั้งนี้ คิดว่าการเลือกสรรบุคลากรในการเดินทางไปครั้งนี้จะได้องค์ความรู้ และภาคปฏิบัติที่จะนำกลับมาพัฒนาสภา 

และส่วนที่ 3 เจ้าหน้าที่สภาอีก 4 คน เป็นฝ่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และสำนักงานเลขาธิการรองประธานสภา   รวมผู้เดินทางทั้งสิ้น 12 คน    

ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตอนนี้ ในส่วนค่าตั๋วเครื่องบินตามสิทธิ 52,000 บาทต่อคน ใช้จริง 28,000 บาท ที่เหลือจะส่งคืนคลังทั้งหมด ค่าโรงแรม ตามสิทธิเบิกได้ 12,500 บาท จองจริงประมาณ 9,000 บาท โดยพยายามจะประหยัดให้ได้มากที่สุด อีกทั้งตนเองจะทำหน้าที่เป็นทูตของสภาผู้แทนราษฎรการเยี่ยมคารวะการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการเลี้ยงรับรองบุคคลต่างๆ จะต้องให้เกิดความสมเกียรติกับประเทศไทย 


ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตงบฯรับรองที่สูงเกินไปนั้น เนื่องจากการตั้งงบประมาณครั้งแรก ยังไม่ทราบรายละเอียดของการเดินทาง หากทราบรายละเอียดก็จะมีการหักทอนค่าใช้จ่ายออก เช่น หากสถานทูตเลี้ยงรับรองก็จะหักเบี้ยเลี้ยงออก โดยเงินส่วนที่เหลือก็จะส่งคืนคลัง และพร้อมแสดงใบเสร็จค่าใช้จ่าย

นายปดิพัทธ์ ยังชี้แจงถึงการเดินทางที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าไปในช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ว่าเนื่องจากการทำงานของตัวเองต้องทำงานเต็มเวลาวันจันทร์ถึงศุกร์ ซึ่งในวันพุธและวันพฤหัสบดี ตนอาจจะต้องทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม จึงเลือกเดินทางในเย็นวันพฤหัสบดี และพร้อมสำหรับการดูงานในวันศุกร์ เพราะฉะนั้นการดูงานในหน่วยงานราชการและเยี่ยมคารวะที่ประเทศสิงคโปร์จะเกิดขึ้นในวันศุกร์ ส่วนการดูงานตามสถานที่ต่างๆ ในวันเสาร์ – อาทิตย์ก็จะมีการประสานผ่านสถานทูต เพื่อเข้าดูงานในสถานที่ต่างๆ เช่น การทำพิพิธภัณฑ์กฎหมายและระเบียบระหว่างประเทศ การบริหารจัดการปัญหาฝุ่นละออง โดยจะศึกษาให้รอบด้านก่อนเสนอไปยังรัฐบาล พรรคการเมืองต่างๆ และภาคประชาสังคม ย้ำว่าการที่เปิดเผยทำให้ถูกตั้งคำถาม เปรียบเทียบไปสู่หน่วยงานอื่นๆ ซึ่งตนคิดว่าแต่ละหน่วยงานมีภารกิจที่แตกต่างกัน ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกหน่วยงาน แต่สิ่งที่เป็นธรรม คือทุกหน่วยงานจะต้องตรวจสอบได้

เมื่อถามว่าการเดินทางไปดูงานในครั้งนี้เป็นการเดินทางไปกะทันหัน หรือเป็นการใช้งบประมาณแบบล้างท่อหรือไม่  นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า การเดินทางใช้งบประมาณ 1 ล้านบาทเศษ ถ้าเทียบกับงบฯ ค้างจ่ายมีมากกว่า  หากจะล้างท่อจริง  ตนก็น่าจะเดินทางไปประเทศที่ต้องใช้งบประมาณมากกว่านี้  

“การที่ใช้งบประมาณแค่นี้ ไม่ถือเป็นการล้างท่อและการเดินทางครั้งนี้วางแผนตั้งแต่ต้นเทอมในการทำหน้าที่ของตน  โดยเราทำงาน ดูปัญหาก่อน แล้ววางแผนประเทศที่จะเดินทางไปดูงาน ซึ่งก็ตรงกับช่วงนี้พอดี ไม่ได้เป็นการใช้งบประมาณค้างจ่ายแต่อย่างใด” นายปดิพัทธ์  กล่าว

ส่วนเหตุใดจึงไม่รอให้มีความพร้อมและมีคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎรก่อนที่จะเดินทางไปดูงาน นายปดิพัทธ์ กล่าวว่าในการวางแผนไปดูงาน ตนคาดการณ์ว่าน่าจะมีการตั้งกรรมาธิการเสร็จสิ้นแล้ว ขณะที่โครงการศึกษาดูงานต้องเดินหน้าต่อ  หากต้องรอจะต้องยืดโครงการนี้ออกไป เพราะหากจะยึดโยงกับรัฐบาลงานก็ไม่เดินหน้า อีกทั้งทางประเทศสิงคโปร์ก็ได้เตรียมพร้อมรองรับคณะจากไทยแล้วเช่นกัน     

“เมื่อเปิดเผยแบบนี้ก็มีการคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ยืนยันว่าทำถูกต้องตามระเบียบทุกประการ   เพราะฉะนั้นจะไม่กระทบต่อการเดินทางอย่างแน่นอน พร้อมย้ำว่ายังคงยืนยันนโยบายเดิมของพรรคก้าวไกล ที่จะไม่ใช้จ่ายเงินของรัฐเกินความจำเป็น เพราะที่ผ่านมาการเดินทางไปดูงานไม่สามารถตอบกลับเป็นผลสัมฤทธิ์ได้  ดังนั้นต้องตั้งคำถามถึงผลสัมฤทธิ์และนโยบายการเดินทางไปดูงานของแต่ละหน่วยงาน ว่าต้องประหยัดและคุ้มค่า ไม่ใช่วัฒนธรรมการดูงาน แต่เป็นเป้าประสงค์ของการดูงาน ซึ่งพรรคก้าวไกลเห็นตรงกับตนเอง คือดูงานเท่าที่จำเป็นและสามารถตอบสังคมได้ หากสิ่งที่ตนทำแล้วได้รับการตรวจสอบ และสามารถพิสูจน์ได้ถึงผลลัพธ์ของการดูงาน ก็สามารถเปลี่ยนแปลงมาตรฐานของการดูงานต่างประเทศได้” นายปดิพัทธ์  กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่น้ำท่วมหลายชุมชน ปิดน้ำตก 3 แห่ง

เชียงใหม่ 26 พ.ค.-เชียงใหม่ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง เกรงจะเกิดอันตราย ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ น้ำท่วมหลายชุมชน ระบายน้ำไม่ทัน บางจุดรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ฝนตกหนัก ทั่วทั้งจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงลำห้วย ทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ เชียงใหม่ สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง ทั้งน้ำตกแม่สา น้ำตกตาดหมอก อำเภอแม่ริม และน้ำตกหมอกฟ้า อำเภอแม่แตง เนื่องจากปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นและมีสีแดงขุ่น กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ฝนที่ตกหนักบนดอยสุเทพ และในตัวเมืองเชียงใหม่ ทำให้น้ำป่าบนดอยสุเทพ ไหลหลากลงลำห้วยมาตามทางระบายน้ำและไหลลงลำคลองคูไหว ทำให้เอ่อล้น จนระบายน้ำไม่ทัน เข้าท่วมขังในชุมชนศรีปิงเมือง ชุมชนฟ้าใหม่ ชุมชนกาดก้อม ระดับน้ำท่วมขังสูง 30-50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ทำให้ประชาชนและร้านค้าได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ประกอบกับนักเรียนกำลังเดินทางไปเรียน อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเทสบาลนครเชียงใหม่ กำลังเร่งสูบระบายน้ำอย่างเร่งด่วน.-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม-ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

กทม. 25 พ.ค.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โดยการปรับปรุงระบบทางระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย .-สำนักข่าวไทย

กว่า 130 ชม. ภารกิจสำเร็จ! กู้ร่างคนงานตกหลุมเสาเข็ม

กทม. 25 พ.ค.- ภารกิจสำเร็จ! ทีมกู้ภัยนำร่าง “นายดาว” คนงานพลัดตกหลุมเสาเข็ม ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ขึ้นมาด้านบนสำเร็จ หลังใช้เวลาปฏิบัติการกว่า 130 ชั่วโมง ความคืบหน้ากรณีนายศราวุฒิ หรือ นายดาว อายุ 33 ปี ชาวศรีสะเกษ คนงานที่พลัดตกลงไปในหลุมเสาเข็มความลึก 19 เมตร บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 6 และ 8 แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา เข้าสู่วันที่ 6 แล้ว หลังจากเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้คาดพิกัดที่อาจพบร่างผู้เสียชีวิตที่ระดับความลึก 11.5 เมตร ล่าสุดเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 24 พ.ค. บริเวณซอยหลานหลวง 8 เจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัย USAR และมูลนิธิร่วมกตัญญู ยังคงพยายามเร่งค้นหาเพื่อกู้ร่างนายศราวุฒิ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมี […]

“บังยา บองหลาคิงส์” รุดจับแม่งูจงอาง ไล่ฉกชาวบ้านวิ่งป่าราบ

สงขลา 25 พ.ค.- ชาวสวนยางสงขลา ผวา! แม่งูจงอางหวงไข่ดุมาก ไล่ฉกเจ้าของสวนวิ่งป่าราบ ต้องหยุดกรีดยาง ร้อนถึง “บังยาบองหลาคิงส์” ราชางูจงอางภาคใต้ ต้องมาช่วยจับ บังยา บองหลาคิงส์ ราชางูจงอางของภาคใต้ ตีรถด่วนจาก จ.กระบี่ มาช่วยจับงูจงอางนอนฟักไข่เฝ้ารังอยู่ในป่าสวนยาง พื้นที่บ้านควนยาง หมู่ 9 ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นสวนยางของนายปรีชา อายุ 46 ปี ซึ่งตอนนี้เดือดร้อนมาก ไม่กล้าไปกรีดยางเพราะมีแม่งูจงอางมานอนฟักไข่เฝ้ารังติดกับต้นยาง ครั้งแรกที่ไปเจอตอนไปกรีดยางเมื่อ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา เกือบโดนฉกมาแล้วเพราะเข้าไปใกล้รัง จนต้องวิ่งหนีสุดชีวิต หลังจากนั้นก็ไม่กล้าขึ้นไปกรีดยางอีกเลย จนต้องแจ้งขอความช่วยเหลือไปยัง บังยา บองหลาคิงส์ ให้มาช่วยจับ เมื่อทีมงานบังยา บองหลาคิงส์ มาถึงก็ต้องเดินเท้าขึ้นไปที่ป่าสวนยาง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านพอสมควร เมื่อไปถึงก็พบแม่งูจงอางตัวนี้นอนอยู่บนรังไม่ไปไหน และดุมากชูคอฉกตลอดเวลาหากเข้าใกล้ บังยาต้องหลอกล่ออยู่สักพักก็อาศัยจังหวะความนิ่งใช้มือเปล่าล็อกคอเอาไว้ได้ เป็นแม่งูสาวน่าจะท้องแรกหรือท้องสอง ยาวเกือบ 3 เมตร และเมื่อรื้อรังดูก็มีไข่อยู่ในรัง 28 ฟองและอีกไม่เกิน 10 […]

ข่าวแนะนำ

Emergency crew responds to reports car hit pedestrians during Liverpool title parade

เชื่อเหตุรถพุ่งชนแฟนลิเวอร์พูลไม่ใช่ก่อการร้าย

ลิเวอร์พูล 27 พ.ค.- เกิดเหตุคนขับรถด้วยความเร็วสูงพุ่งชนกลุ่มแฟนบอลทีมลิเวอร์พูล ขณะรวมตัวฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก มีผู้บาดเจ็บเกือบ 50 คน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าระงับเหตุได้อย่างรวดเร็ว จับกุมคนขับรถผู้ก่อเหตุได้แล้ว และเชื่อว่าไม่ใช่การก่อการร้าย ภาพที่มีผู้บันทึกไว้ได้และเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ เผยให้เห็นรถยนต์สีเทาคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าใส่กลุ่มแฟนบอลลิเวอร์พูลที่ตั้งแถวอยู่ตามถนน โดยในช่วงหนึ่งดูเหมือนรถคันดังกล่าวจะเบี่ยงออกไปจากพื้นที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านที่สุด ท่ามกลางความตกตะลึงของแฟนบอบจำนวนมากที่ต่างกรีดร้องและวิ่งหนี หลายคนพยายามวิ่งกรูไปปิดล้อมและทุบรถยนต์เพื่อให้คนขับหยุดรถ ไม่นานหลังจากนั้น ตำรวจที่ประจำการใกล้เคียงก็ได้ล้อมรอบรถคันดังกล่าว เพื่อนำตัวคนขับลงจากรถ ขณะที่กลุ่มแฟนบอลที่โกรธแค้นพยายามที่จะกรูกันเข้าไปหาคนขับ ตำรวจเมืองลิเวอร์พูลเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุการณ์คนขับรถพุ่งชนกลุ่มแฟนบอลลิเวอร์พูลที่ถนนวอเตอร์ สตรีท ไม่ไกลจากย่านใจกลางเมือง ช่วงหลัง 18.00 น. วานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ไม่นานหลังจากรถบัสเปิดประทุนของนักเตะลิเวอร์พูลและเจ้าหน้าทีมแล่นผ่านใจกลางเมือง ซึ่งมีแฟนบอลหลายหมื่นคนมาต้อนรับ ผู้บัญชาการตำรวจเมอร์ซีไซด์แถลงในเวลาต่อมา ว่า เหตุการณ์นี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 47 คน ในจำนวนนี้ 27 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หลายคนอาการสาหัสเพราะถูกรถทับร่าง ส่วนอีก 27 คนบาดเจ็บเล็กน้อยได้รับการดูแลปฐมพยาบาลในที่เกิดเหตุ ผู้ต้องสงสัยที่เป็นคนขับรถเป็นชายผิวขาวชาวอังกฤษวัย 53 ปี และมีถิ่นอาศัยอยู่ในเมืองลิเวอร์พูลถูกจับกุมได้ในที่เกิดเหตุ ตำรวจกำลังสืบสวนเพื่อหาแรงจูงใจของเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่เบื้องต้นเชื่อว่าไม่ใช่การก่อการร้าย ผู้ก่อเหตุลงมือคนเดียวไม่มีผู้สมรู้ร่วมคิด และเป็นเหตุที่เกิดขึ้นเฉพาะจุดนี้จุดเดียว พร้อมกับขอให้สาธารณชนหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และแชร์ภาพเหตุการณ์ที่น่าตกใจผ่านทางสื่อออนไลน์ แต่ขอให้ส่งมอบหลักฐานให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ […]

Macron's face gets pushed away by hand in Vietnam

ผู้นำฝรั่งเศสถูกภริยาปัดหน้าหงาย

ฮานอย 27 พ.ค.- ประธานาธิบดีเอมานูว์แอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ถูกบริจิตต์ มาครง สตรีหมายเลขหนึ่งใช้มือปัดใบหน้าจนหน้าหงาย ขณะที่ประตูเครื่องบินประจำตำแหน่งกำลังเปิดออกในช่วงที่เขาเดินทางถึงกรุงฮานอยของเวียดนามเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์นำภาพเหตุการณ์มานำเสนอแบบชัด ๆ ว่า ในขณะที่ประตูเครื่องบินประจำตำแหน่งผู้นำฝรั่งเศสเปิดออก ประธานาธิบดีมาครงถูกมือลึกลับ เห็นเป็นแขนเสื้อสีแดง ปัดเข้าที่ใบหน้าจนหน้าหงาย ทำให้ต้องเดินหลบไปด้านข้างชั่วขณะหนึ่งเพื่อเก็บอาการ ก่อนที่จะลงจากเครื่องบิน พร้อมกับภริยาซึ่งสวมเสื้อสูทสีแดง โดยไม่ได้จูงมือกันขณะลงจากเครื่องบิน ขณะที่คนภายนอกมองไม่เห็นอากัปกิริยาของทั้งคู่ว่าเกิดอะไรบนเครื่องบิน ด้านโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสแถลงปฏิเสธว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรในกอไผ่ ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งใด ๆ ทั้งสิ้น ภาพที่เห็นเป็นแค่การหยอกล้อกันของผู้นำฝรั่งเศสและสตรีหมายเลขหนึ่ง ซึ่งจบลงด้วยเสียงหัวเราะ สะท้อนถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดของมาครงและภริยาที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันตั้งแต่ปี 2550 ปัจจุบันผู้นำฝรั่งเศสวัย 47 ปี ส่วนสตรีหมายเลขหนึ่งวัย 72 ปี เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างที่ประธานาธิบดีมาครงและคณะเดินทางถึงเวียดนามเมื่อคืนวันอาทิตย์ เพิ่มเริ่มต้นการเยือน 2 วัน โดยหลังเสร็จสิ้นการเยือนเวียดนาม มาครงจะเดินทางไปเยือนอินโดนีเซียและสิงคโปร์ต่ออีกประเทศละ 2 วัน เพื่อแสดงถึงความเป็นหุ้นส่วนทางการค้ากับอาเซียน.-815(814).-สำนักข่าวไทย

เลขาฯ ป.ป.ส.คอนเฟิร์ม “ทักษิณ” มาปาฐกถาแน่

26 พ.ค. – เลขาธิการ ป.ป.ส. คอนเฟิร์ม “ทักษิณ” มาปาฐกถาแน่ พรุ่งนี้ (27 พ.ค.) เชื่อเป็นการโชว์ตัวกลบข่าวลือหนีออกนอกประเทศ ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินงานป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด มีกำหนดจัดการประชุมคณะกรรมการ ครส.ครั้งที่ 3/2568 บ่ายวันพรุ่งนี้ (27 พ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และมีวาระเชิญนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมอง และความท้าทาย ต่อการแก้ไขปัญหา อย่างยั่งยืน” พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ส่วนตัวในฐานะที่เป็นเลขาธิการ ป.ป.ส. มีหน้าที่ในการติดตามและประเมินผล ปรับปรุง แก้ไข พัฒนาอยู่ตลอด เนื่องจากกลไกของรัฐที่เราขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง STOP SEAL SAVE การเอกซเรย์พื้นที่ให้ประชาชนเกิดความปลอดภัย คือกลไกของรัฐที่ขับเคลื่อนขณะนี้ อย่างไรก็ดี เมื่อขับเคลื่อนไปสักระยะหนึ่ง หรือระยะ 6 เดือน มีคำถามว่าเราต้องปรับปรุง […]

เชียงใหม่เฝ้าระวังมวลน้ำไหลท่วมเพิ่ม

เชียงใหม่ 26 พ.ค. – ฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำจากบนดอยไหลหลากเข้าท่วมหลายพื้นที่ของเชียงใหม่ ทั้งในเขตตัวเมืองและอีกหลายอำเภอ โดยเฉพาะริมลำน้ำขานใน อ.สันป่าตอง และดอยหล่อ น้ำทะลักท่วมบ้านเรือนเป็นวงกว้าง ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก แม้ระดับน้ำจะลดลงบ้างแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังฝนตกหนัก ซึ่งจะทำให้มวลน้ำไหลมาท่วมเพิ่มขึ้นอีก.-สำนักข่าวไทย