“หมออ๋อง” แจงงบฯ ดูงานสิงคโปร์

รัฐสภา 20 ก.ย.- “หมออ๋อง ปดิพัทธ์” แจงงบฯ ดูงานสิงคโปร์ เบิกจริง ไม่ถึง 1.3 ล้านบาท ยืนยัน พร้อมแจงรายละเอียดหลังกลับมา เงินเหลือคืนคลังทุกบาททุกสตางค์  


นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ชี้แจงถึงการใช้งบประมาณการเดินทางไปดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่  21-24 กันยายน ว่าได้มีการประชุมกับคณะกรรมการหลายชุด และเจอโจทย์ที่จะต้องให้พัฒนาสภาผู้แทนราษฎรเป็นสากลให้ได้ แต่การเดินทางไปดูงานประเทศที่ไกลเกินไปไม่มีความจำเป็น จึงเริ่มต้นศึกษาจากประเทศที่เป็นพันธมิตรในระดับอาเซียน ซึ่งงบประมาณที่ตั้งไว้เป็นไปตามระเบียบของกระทรวงการคลังในส่วนของรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่วนข้อกังวลว่างบประมาณที่ตั้งไว้สูงเกินไปนั้น ขอชี้แจงว่า เป็นการตั้งงบฯ แต่ยังไม่ได้ใช้จริง ทั้งในส่วนของค่าโรงแรมและค่าตั๋วเครื่องบินโดยสาร ยังไม่สามารถลงลึกรายละเอียดในการเดินทางได้  เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่จึงตั้งงบประมาณโครงการตามสิทธิที่อยู่ในระเบียบไว้ก่อน และสามารถเปิดเผยค่าใช้จ่ายได้ในวันนี้  รวมถึงหลังเดินทางกลับก็สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ส่วนคณะเดินทางได้แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 คือกรรมการ โดยมีตนเอง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายวรภพ วิริยะโรจน์ ซึ่งเป็น สส.ที่ตนตั้งใจอยากให้ไปดูระบบสารสนเทศระบบฐานข้อมูลโปร่งใส   เพราะจะได้ไปดู government technology ของสิงคโปร์ ซึ่งงานด้านเทคนิคจำเป็นต้องนำคนที่เหมาะสมกับงานไปเท่านั้น 


ส่วนที่ 2 คือโควตาประธานกรรมการกิจการสภาผู้แทนราษฎร แต่เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการตั้ง จึงได้มีการแบ่งโควตา ในฝั่งฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลเปิดให้ สส. ได้ลงชื่อแสดงเจตจำนงร่วมเดินทางไปดูงาน 3 คน และในฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย 2 คน ส่วนอีก 2 คนจากพรรคภูมิใจไทย ได้มีการเทียบเชิญ แต่ยังไม่ได้มีการส่งรายชื่อกลับมา ทั้งนี้ คิดว่าการเลือกสรรบุคลากรในการเดินทางไปครั้งนี้จะได้องค์ความรู้ และภาคปฏิบัติที่จะนำกลับมาพัฒนาสภา 

และส่วนที่ 3 เจ้าหน้าที่สภาอีก 4 คน เป็นฝ่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และสำนักงานเลขาธิการรองประธานสภา   รวมผู้เดินทางทั้งสิ้น 12 คน    

ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตอนนี้ ในส่วนค่าตั๋วเครื่องบินตามสิทธิ 52,000 บาทต่อคน ใช้จริง 28,000 บาท ที่เหลือจะส่งคืนคลังทั้งหมด ค่าโรงแรม ตามสิทธิเบิกได้ 12,500 บาท จองจริงประมาณ 9,000 บาท โดยพยายามจะประหยัดให้ได้มากที่สุด อีกทั้งตนเองจะทำหน้าที่เป็นทูตของสภาผู้แทนราษฎรการเยี่ยมคารวะการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการเลี้ยงรับรองบุคคลต่างๆ จะต้องให้เกิดความสมเกียรติกับประเทศไทย 


ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตงบฯรับรองที่สูงเกินไปนั้น เนื่องจากการตั้งงบประมาณครั้งแรก ยังไม่ทราบรายละเอียดของการเดินทาง หากทราบรายละเอียดก็จะมีการหักทอนค่าใช้จ่ายออก เช่น หากสถานทูตเลี้ยงรับรองก็จะหักเบี้ยเลี้ยงออก โดยเงินส่วนที่เหลือก็จะส่งคืนคลัง และพร้อมแสดงใบเสร็จค่าใช้จ่าย

นายปดิพัทธ์ ยังชี้แจงถึงการเดินทางที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าไปในช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ว่าเนื่องจากการทำงานของตัวเองต้องทำงานเต็มเวลาวันจันทร์ถึงศุกร์ ซึ่งในวันพุธและวันพฤหัสบดี ตนอาจจะต้องทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม จึงเลือกเดินทางในเย็นวันพฤหัสบดี และพร้อมสำหรับการดูงานในวันศุกร์ เพราะฉะนั้นการดูงานในหน่วยงานราชการและเยี่ยมคารวะที่ประเทศสิงคโปร์จะเกิดขึ้นในวันศุกร์ ส่วนการดูงานตามสถานที่ต่างๆ ในวันเสาร์ – อาทิตย์ก็จะมีการประสานผ่านสถานทูต เพื่อเข้าดูงานในสถานที่ต่างๆ เช่น การทำพิพิธภัณฑ์กฎหมายและระเบียบระหว่างประเทศ การบริหารจัดการปัญหาฝุ่นละออง โดยจะศึกษาให้รอบด้านก่อนเสนอไปยังรัฐบาล พรรคการเมืองต่างๆ และภาคประชาสังคม ย้ำว่าการที่เปิดเผยทำให้ถูกตั้งคำถาม เปรียบเทียบไปสู่หน่วยงานอื่นๆ ซึ่งตนคิดว่าแต่ละหน่วยงานมีภารกิจที่แตกต่างกัน ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกหน่วยงาน แต่สิ่งที่เป็นธรรม คือทุกหน่วยงานจะต้องตรวจสอบได้

เมื่อถามว่าการเดินทางไปดูงานในครั้งนี้เป็นการเดินทางไปกะทันหัน หรือเป็นการใช้งบประมาณแบบล้างท่อหรือไม่  นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า การเดินทางใช้งบประมาณ 1 ล้านบาทเศษ ถ้าเทียบกับงบฯ ค้างจ่ายมีมากกว่า  หากจะล้างท่อจริง  ตนก็น่าจะเดินทางไปประเทศที่ต้องใช้งบประมาณมากกว่านี้  

“การที่ใช้งบประมาณแค่นี้ ไม่ถือเป็นการล้างท่อและการเดินทางครั้งนี้วางแผนตั้งแต่ต้นเทอมในการทำหน้าที่ของตน  โดยเราทำงาน ดูปัญหาก่อน แล้ววางแผนประเทศที่จะเดินทางไปดูงาน ซึ่งก็ตรงกับช่วงนี้พอดี ไม่ได้เป็นการใช้งบประมาณค้างจ่ายแต่อย่างใด” นายปดิพัทธ์  กล่าว

ส่วนเหตุใดจึงไม่รอให้มีความพร้อมและมีคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎรก่อนที่จะเดินทางไปดูงาน นายปดิพัทธ์ กล่าวว่าในการวางแผนไปดูงาน ตนคาดการณ์ว่าน่าจะมีการตั้งกรรมาธิการเสร็จสิ้นแล้ว ขณะที่โครงการศึกษาดูงานต้องเดินหน้าต่อ  หากต้องรอจะต้องยืดโครงการนี้ออกไป เพราะหากจะยึดโยงกับรัฐบาลงานก็ไม่เดินหน้า อีกทั้งทางประเทศสิงคโปร์ก็ได้เตรียมพร้อมรองรับคณะจากไทยแล้วเช่นกัน     

“เมื่อเปิดเผยแบบนี้ก็มีการคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ยืนยันว่าทำถูกต้องตามระเบียบทุกประการ   เพราะฉะนั้นจะไม่กระทบต่อการเดินทางอย่างแน่นอน พร้อมย้ำว่ายังคงยืนยันนโยบายเดิมของพรรคก้าวไกล ที่จะไม่ใช้จ่ายเงินของรัฐเกินความจำเป็น เพราะที่ผ่านมาการเดินทางไปดูงานไม่สามารถตอบกลับเป็นผลสัมฤทธิ์ได้  ดังนั้นต้องตั้งคำถามถึงผลสัมฤทธิ์และนโยบายการเดินทางไปดูงานของแต่ละหน่วยงาน ว่าต้องประหยัดและคุ้มค่า ไม่ใช่วัฒนธรรมการดูงาน แต่เป็นเป้าประสงค์ของการดูงาน ซึ่งพรรคก้าวไกลเห็นตรงกับตนเอง คือดูงานเท่าที่จำเป็นและสามารถตอบสังคมได้ หากสิ่งที่ตนทำแล้วได้รับการตรวจสอบ และสามารถพิสูจน์ได้ถึงผลลัพธ์ของการดูงาน ก็สามารถเปลี่ยนแปลงมาตรฐานของการดูงานต่างประเทศได้” นายปดิพัทธ์  กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจ

มุกดาหาร 27 ก.ค. – แม่ “จ.ส.อ.ธวัชชัย” ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา เปลี่ยนความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายที่ได้รับใช้ชาติ ที่จังหวัดมุกดาหาร ผู้ว่าราชการจังหวัด เชิญสิ่งของพระราชทานมอบให้ครอบครัว จ.ส.อ.ธวัชชัย บุสภา หรือ จ่าโต๋ ซึ่งเสียชีวิตบริเวณฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น (เขาสัตตะโสม) อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากเหตุปะทะและการยิงถล่มของกัมพูชาบริเวณเนิน 333 แม่ของ จ.ส.อ.ธวัชชัย บอกว่าตอนนี้ตนได้เปลี่ยนจากความเสียใจเป็นภาคภูมิใจในตัวลูกชายในการรับใช้ชาติ อีกทั้งครอบครัวได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นบุญของลูกชายและครอบครัว ส่วนน้องชายที่เป็นทหารพรานอยู่ตอนนี้ก็ไม่ถอดใจ ส่วนที่ศาลาประชาคมชาวบ้านห้วยเตย ตำบลศรีสุขสำราญ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาพร้อมใจกันร้องเพลงชาติไทยดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังและส่งกำลังใจให้ทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาชายแดนไทยและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเปิดจุดรับบริจาคสิ่งของเพื่อนำส่งความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และผู้ประสบภัย.-สำนักข่าวไทย

ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก แม้ “ทรัมป์” เสนอเจรจาหยุดยิง

สุรินทร์ 27 ก.ค.-ชายแดนสุรินทร์ยังปะทะหนัก กัมพูชาเปิดฉากยิงใส่แต่เช้ามืด กระสุนบางส่วนตกใส่หมู่บ้านฝั่งไทย ขยายรัศมีไกลขึ้นเรื่อยๆ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เสนอเจรจาหยุดยิง แม้จะมีการเจรจาหยุดยิงผ่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา แต่ขณะที่ยังไม่มีการเจรจาทวิภาคี ระหว่างไทย-กัมพูชา เช้ามืดวันนี้ ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ ก็ยังมีการปะทะกันอย่างหนัก จนกระสุนมาตกสร้างความเสียหายให้ราษฎรไทยอย่างที่เห็น“ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทตาควายและตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เริ่มเปิดฉากปะทะกันตั้งแต่ช่วงตี 4 กระสุนจากการประทะบางส่วนเข้ามาตกในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งปรากฏกระสุนรุกล้ำดินแดนไทยลึกเข้ามาเรื่อยๆ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง และมีไฟลุกไหม้ เศษสังกะสี ซีเมนต์ วัสดุโครงสร้างบ้านปลิวกระจัดกระจาย เคราะห์ยังดี ที่เจ้าของบ้านอพยพออกนอกพื้นที่หมดแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ขอร้องให้อพยพออกไปเมื่อวานนี้ จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต บางจุดลงฟาร์มวัววากิว ทำให้วัวตายไป 6 ตัว เจ้าของวัวเล่าว่า ตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงลูกปืนใหญ่ของ 2 ฝ่าย และสังเกตเห็นจรวด BM-21 พุ่งเข้ามาที่คอกวัว จึงได้หลบหาที่กำบัง พอเสียงเงียบ ตนก็รีบออกมาดู ก็พบว่า วัวของตนถูกกระสุนตายไป […]

บุรีรัมย์สั่งอพยพชาวบ้านเพิ่ม 3 อำเภอ

บุรีรัมย์ 27 ก.ค.-บุรีรัมย์ ประกาศให้ชาวบ้านอพยพเพิ่มอีก 3 อำเภอ หลังพื้นที่ปะทะและรัศมีอาวุธขยายไปไกลขึ้น ทั้งวัด โรงเรียน ศูนย์พักพิงชั่วคราว และ รพ.อีก 2 แห่ง ต้องอพยพผู้ป่วยด่วน เหลือเพียงหน่วยรับผู้ป่วยฉุกเฉิน ช่วงเวลาบ่าย 2-3 โมง เมื่อวานนี้ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีเสียงปืน เสียงระเบิดดังเป็นระยะ และมีกระสุนปืนใหญ่ ตกในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ จึงประกาศให้ชาวบ้านในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.ละหานทราย อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.โนนดินแดง อพยพไปอยู่ตามบ้านญาติ หรือศูนย์พักพิงที่ห่างไกลจากรัศมีวิถีกระสุนปืนใหญ่ และอาวุธหนัก บางครัวเรือนก็มีลูกหลานมารับออกไปแล้ว ส่วนชาวบ้านที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ทางเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ก็ได้จัดรถไปช่วยอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ด้วย ด้าน โรงพยาบาลในพื้นที่ 2 แห่ง คือ รพ.ละหานทราย และ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ก็มีการอพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลเช่นกัน รวมถึงให้แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ เหลือไว้แค่หน่วยที่จะรับผู้ป่วยฉุกเฉิน […]

Trump says he is seeking a ceasefire between Thailand, Cambodia

“ทรัมป์” โยงเรื่องการค้ากับหยุดยิงไทย-กัมพูชา

เอดินบะระ 27 ก.ค.-  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ พูดคุยกับผู้นำของทางการไทยและกัมพูชา โดยโยงเรื่องการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐกับเรื่องหยุดยิงของทั้ง 2 ประเทศ ด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ในระหว่างการเยือนสกอตแลนด์เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ในทรูธโซเชียลที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ไทยและกัมพูชา 3 โพสต์ติดต่อกัน โพสต์แรกระบุว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรี มาเนตกัมพูชาและนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษานายกรัฐมนตรีของไทย เรื่องการหยุดยิงและยุติสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ สหรัฐซึ่งกำลังหารือทางการค้ากับทั้ง 2 ประเทศอยู่ในขณะนี้ไม่ต้องการทำข้อตกลงกับประเทศใดประเทศหนึ่งหากยังมีการสู้รบกันอยู่ กัมพูชาจะแสดงท่าทีเรื่องหยุดยิงหลังจากที่เขาได้คำตอบจากไทยในเรื่องนี้ นายทรัมป์ระบุด้วยว่า สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาทำให้เขานึกถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างปากีสถานกับอินเดียที่ได้รับการยับยั้งเป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นราว 1 ชั่วโมง ประธานาธิบดีทรัมได้โพสต์ข้อความใหม่ว่า ได้สนทนากับรักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ฝ่ายไทยต้องการหยุดยิงและสันติภาพเช่นเดียวกับกัมพูชา และหลังจากนั้นไม่นานผู้นำสหรัฐโพสต์ข้อความที่ 3 ว่า เพิ่งเสร็จสิ้นการสนทนากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและแจ้งเรื่องที่ได้หารือกับทางการไทย ทั้ง 2 ฝ่ายต้องการหยุดยิงและสันติภาพ และต้องการกลับมาเจรจาทางการค้ากับสหรัฐ โดยตกลงจะพบหารือและหาทางหยุดยิงโดยทันที ด้านนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย เปิดเผยกับสื่อที่เมืองปุตราจายาเมื่อวานนี้ว่า จะเดินหน้าผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งยังคงมีการยิงปะทะกันอยู่ เขาได้ขอให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซียประสานงานกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและกัมพูชา และหากเป็นไปได้ เขาจะเข้าไปประสานงานด้วยตัวเองเพื่อหยุดยั้งการสู้รบ รอยเตอร์รายงานว่า กัมพูชาสนับสนุนข้อเสนอของนายอันวาร์ ส่วนไทยระบุว่า เห็นชอบในหลักการ.-820(814).-สำนักข่าวไทย