เสนอชื่อตั้ง คกก.ศึกษาแก้ รธน. ภายใน 2 สัปดาห์

ทำเนียบรัฐบาล 20 ก.ย.-“ภูมิธรรม” เผยคืบหน้าตั้งคณะกรรมการศึกษาแก้รัฐธรรมนูญ ไม่เกิน 2 สัปดาห์ เสนอเข้า ครม. อยู่ระหว่างติดต่อบุคคล ชี้ใช้เวลา 4 เดือนในการวางกรอบ ย้ำไม่ยื้อ จบในรัฐบาลนี้


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะผู้รับผิดชอบคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ได้พยายามติดต่อคนที่จะมาเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ โดยได้คุยถึงหลักการที่จะแก้ไขให้สำเร็จและเสร็จภายใน 4 ปี ที่เป็นรัฐบาล หรือ 3 ปี ถึง 3 ปีครึ่งก็แล้วแต่ ยืนยันว่า จะทำให้เร็วที่สุด โดยการเรียนเชิญผู้ที่เป็นคณะกรรมการ เราได้แจ้งว่าอยากให้ปมการขัดแย้งเดิมๆสลายไป และไม่อยากสร้างปมขัดแย้งใหม่ขึ้นมา ซึ่งนี่เป็นหลักการ โดยจะใช้วิธีการให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเพื่อดำเนินการทำประชามติ

นายภูมิธรรม ระบุ คาดว่าภายใน 3-4 เดือน หรืออาจจะเร็วกว่านั้น ในการที่จะทำให้เกิดประชามติ เพราะการทำประชามติ ถ้า ครม.มีมติชัดเจนก็จะทำให้กระบวนการรองรับและดำเนินการไปได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องหารือส่วนที่เกี่ยวข้องให้ทราบเหตุและผล เพราะไม่อยากให้มีประชามติและร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ผ่าน


ส่วนการทำประชามติจะทำทั้งฉบับหรือรายมาตรา นายภูมิธรรม ระบุว่า ตามนโยบายรัฐบาลประกาศไว้ชัดเจนแล้วว่าจะยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยคงมาตราหมวด 1-2 ไว้ และไม่แตะในเรื่องพระราชอำนาจที่อยู่ในมาตราต่างๆ แต่นอกนั้นทำได้หมด เพื่อทำอย่างไรให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะไปดูเรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติ หรือหลายๆ อย่างที่เขียนมาแล้วจะเป็นอุปสรรต่อความเป็นประชาธิปไตยและการบริหารราชการแผ่นดิน

“คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะมีตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ ตัวแทนวิชาชีพ iLaw รวมถึงภาคประชาสังคมมาร่วมด้วย และก็อยากจะเรียนเชิญสมาคมนักข่าว สมาคมทนายความ นักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิหลายๆ ด้าน ซึ่งบางคนได้ติดต่อไปและตอบรับเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ถ้าจะให้ชัดเจนและเร็วที่สุด วันอังคารที่ 26 กันยายนนี้ ก็จะสามารถนำเสนอ ครม. เพื่อให้นายกรัฐมนตรีลงนามแต่งตั้งได้ หรือถ้าช้าอีกหน่อยก็อาจจะเป็นสัปดาห์ถัดไป แต่ตอนนี้ต้องรวบรวมรายชื่อและทุกฝ่ายให้เข้าใจและเห็นตรงกันก่อน โดยรายชื่อในคณะกรรมการต่างๆ เท่าที่ดูประมาณเกือบ 20-30 คน เพราะตนไม่อยากให้เป็นคณะที่ใหญ่เกินไป เพื่อให้การทำงานมีความคล่องตัว” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ผู้ที่จะทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการดังกล่าวก็คือตน ตามมติของคณะรัฐมนตรี ส่วนรายชื่อเลขาธิการนั้น ขอพิจารณาจากรายชื่อทั้งหมดก่อน ส่วนกรอบระยะเวลาการทำงาน คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 เดือน โดยไม่ได้คิดที่จะยืดเวลา แต่ถึงอย่างไรขอพูดคุยในการประชุมครั้งแรกก่อน ถึงจะเห็นกรอบที่ชัดเจน จากนั้นก็จะวางไทม์ไลน์ เพราะต้องมีหลายขั้นตอน ทั้งยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รวมถึงแก้กฎหมายในสภาฯ ซึ่งก็จะดำเนินการทันที แต่ยืนยันว่า หลังจากแก้รัฐธรรมนูญและมีกฎหมายลูก ภายในไม่เกิน 3-4 ปี ถ้าได้ก็จะจบ เพื่อให้ทันการเลือกตั้งสมัยหน้าที่จะมีขึ้น


ทั้งนี้ หากแก้รัฐธรรมนูญจบ รัฐบาลจะยุบสภา หรืออยู่จนครบวาระ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอดูรายละเอียดก่อน แต่คิดว่าเราจะทำให้เข้าสู่กระบวนการปกติให้เร็วที่สุด พร้อมย้ำว่า ขอคุยกับคณะกรรมการชุดดังกล่าวที่กำลังจะเกิดขึ้นก่อน เพราะหากตอบในตอนนี้ ก็จะเป็นความเห็นของตนเพียงคนเดียว เนื่องจากตนอยากให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมให้มากที่สุด การคุยและวางไทม์ไลน์ให้ชัดและโปร่งใส

เมื่อถามย้ำว่า การแก้รัฐธรรมนูญถูกมองว่าอาจจะเป็นการประวิงเวลาหรือไม่ นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ไม่มีการประวิงเวลา เพราะการที่เราให้ ครม.ทำประชามติ สะท้อนชัดเจนแล้วว่าเรารีบ แต่ถ้าเราอยากจะประวิงเวลา ก็โยนเข้ารัฐสภาและไปถกกันอีกยาวนานก็จะมีปัญหา หรือให้ประชาชนส่งข้อเสนอเข้ามาก็อาจจะใช้เวลานานอีก ฉะนั้นเราแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนแล้วว่า สิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้นในรัฐบาลเราอย่างแน่นอน เพื่อให้ประชาชนที่ตัดสินใจเลือกรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เอกอัครราชทูตชี้แจงข้อเท็จจริงยูเอ็น ปมกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

31 ก.ค. – เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ขึ้นเวทียูเอ็น ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ระหว่างการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศว่าด้วยการระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีและการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ระหว่างการกล่าวถ้อยแถลง เนื่องจากกัมพูชากล่าวพาดพิงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเวทีดังกล่าว ไทยเข้าร่วมการประชุมโดยมีเป้าหมายร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศในการผลักดันการแก้ปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีผ่านแนวทางสองรัฐ.-สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เผยประเทศไทยฝนลดลง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 31 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณ จ.น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดน่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง […]

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย