“กิตติศักดิ์” ท้าให้ฟ้อง ปมวัดบางคลาน

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “กิตติศักดิ์” ย้ำ สว. ไม่ได้อุ้มปมวัดบางคลาน เพราะไม่ได้ทำผิด ไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล ทำหน้าที่ สว.ดูแลประชาชน ชี้เงื่อนงำเจ้าอาวาสปั๊มพระขายไม่ผ่านพิธี ไม่เอาเงินเข้าวัด ท้าถ้าไม่จริงให้ฟ้อง มั่นใจเรื่องจบด้วยกฎหมาย ข้อมูลอยู่ในมือ “บิ๊กโจ๊ก” แล้ว


นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภากล่าวถึงกรณีที่มีเสียงวิจารณ์ ว่า สว.อุ้มนายกิตติศักดิ์ ว่าไม่ผิดจริยธรรมกรณีที่มีความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งที่วัดบางคลานหรือ วัดหิรัญญาราม จ.พิจิตร โดยกล่าวพร้อมหัวเราะไปด้วยว่า ตนน้ำหนักตั้ง 84 กิโล ใครจะอุ้มไหว และยืนยันว่าในการประชุมวุฒิสภาที่มีการลงมติเรื่องร้องเรียน จริยธรรมสมาชิกวุฒิสภา ของคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ซึ่งตนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมประชุมจึงไม่ทราบว่า ผลออกมาเป็นอย่างไร มาทราบจากสื่อเท่านั้น และไม่ทราบบรรยากาศในห้องประชุม

“เห็นว่าคนที่ไปร้องกล่าวหาตนไม่ได้มีข้อมูล ดังนั้นตนจะผิดได้อย่างไร โดย เฉพาะกรณีที่กล่าวหาว่าเป็นผู้มีอิทธิพลไปขัดขวาง การดำเนินการของเจ้าอาวาสคนใหม่ ซึ่งก็มีการสอบแล้ว ไม่เป็นความจริง พร้อมพูดติดตลกว่า”ตนน่ารักจะตาย” นายกิตติศักดิ์ กล่าว


สำหรับกรณีที่มีชาวบ้านออกมาขับไล่ไม่ให้ตนเข้าไปยุ่งเกี่ยว นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามเจ้าอาวาสคนใหม่ เพราะสืบแล้วว่าเจ้าอาวาสคนใหม่ ไปจ้างคนที่อื่นมา ไม่ใช่ชาวบ้านจริงๆที่อยู่ในวัด 400-500 คน และการที่มาชูป้ายขับไล่ตนก็ไม่มีผลอะไร เพราะตอนไปตะโกนขับไล่ตนอยู่ที่สภา แต่มีความพยายามใส่ร้ายตน อย่างไรก็ตาม ตนให้ทนายความเก็บรวบรวมข้อมูลทุกอย่างไว้แล้ว และให้ดำเนินคดีกับทุกคน

“ความจริงแล้วเจ้าอาวาสกับกลุ่มนี้ไม่กี่คนเขามีคนมีปัญหากับชาวบ้านไม่ได้มีปัญหากับสว.จะมาบุกวัดไม่ต่ำกว่า 3 ครั้งแล้ว แต่สว.ไม่เคยอยู่ สว.ก็ติดประชุมก็มีงาน มีวันนั้นแหละไปชี้หน้านั้นแหละไม่ตบเอาก็บุญแล้วพระนั้นนะ เพราะอะไรผมไม่รู้มาก่อนว่าจะไป ไปถึงปุ๊บบอกโยมมาทำไม มาก็ดีแล้ว เปิดประตูให้ด้วย เป็นพระเล็กๆแล้วมาชี้นิ้วใช้ผมให้เปิดประตู มันใช่ไหมละ ในคลิปมีหนิ เปิดประตูเลย เปิดประตูให้หน่อย มันใช่ไหมละ แล้วผมเป็นผู้ใหญ่ เรา ไม่เคยไปพูดไปอะไรกับเจ้าอาวาสเลย แต่กลับเดินปรี่มาหาผมแล้วบอกว่าโยมมาทำไม ผมจึงตอบไปว่า “เอ๊ะ นี่วัดเข้ามาไม่ได้หรืออย่างไร”ดังนั้นเราต้องฟังความจริงนะ และอีกอย่างนึงคือถ้าพระดีทำไมเข้าวัดไม่ได้” นายกิตติศักดิ์ กล่าว

นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องจบแน่นอน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.งานเบาลง แล้วเข้ามาตรวจสอบทรัพย์สินและดำเนินคดีกับกลุ่มเจ้าอาวาสเหล่านี้เพราะมีการทุจริตมีการจำหน่ายพระหลายร้อยล้าน ซึ่งได้ตรวจสอบแล้วไม่นำเงินเข้าวัด ดังนั้นต้องถูกดำเนินคดีหมด พร้อมยืนยีนว่าชาวบ้านและอดีตเจ้าอาวาสที่ได้มรณภาพไปแล้ว ปฏิบัติตามคำสั่งศาลฎีกา และที่อ้างว่าส่งมอบทรัพย์สินไม่หมด ขอยืนยีนว่าส่วนสุดท้ายที่มีงาช้างก็ส่งมอบแล้วโดยเจ้าอาวาสคนใหม่เซ็นรับ จึงถือว่าชุดเก่าได้ส่งมอบทรัพย์สินไปหมดแล้วต่อไปนี้จะเป็นการตรวจสอบ เจ้าอาวาสชุดใหม่และพวก ถึงสินทรัพย์ที่ส่งมอบไปทั้งหมด พร้อมทั้งเปิดเผยได้ว่าที่ไม่พอใจตน เป็นเพราะมีการจัดทำพระที่ไม่ได้เข้าพิธีกรรม โดยมีสายแจ้งมาที่ตนว่าน่าจะมีมูลค่า 100 ล้านบาท ซึ่งทราบว่าขณะนี้พระดังกล่าวกองอยู่จำนวนมาก เจ้าอาวาสและพวกจึงพยายามจะเข้ามาขน พระเครื่องเหล่านี้ซึ่งเก็บไว้เต็ม3-4ห้อง


นายกิตติศักดิ์ ยืนยันที่ออกมาคัดค้านเรื่องนี้เพราะเป็นส.ว.ที่ดูแลประชาชน ซึ่งพระเหล่านี้ใช้เงินบริจาคมาจ้างทนายไว้ 3 คนเตรียมฟ้องร้องชาวบ้าน เพราะไม่อยากให้มาเห็นว่ามีการทำพุทธพาณิชย์ ขายพระแล้วเอาเงินไปแบ่งกัน และในส่วนของคณะกรรมการชุดเก่า และเจ้าอาวาสที่มรณภาพไปแล้วได้ส่งมอบบัญชีเงิน 106 ล้านบาทไม่รวมดอกเบี้ย พร้อมวัตถุมงคลจำนวนมากครบทุกชิ้นแล้ว ดังนั้น อย่า กล่าวหาว่ามีประโยชน์เลย เข้าไปทำบุญยังถูกแจ้งจับ

ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นจะกู้ศรัทธามาได้อย่างไร นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่าความจริงก็คือความจริงซึ่งตนอยู่กับความเป็นจริง และทราบว่าสำนักพระพุทธศาสนาได้ขึ้นบัญชีดำพระเหล่านี้ไว้แล้ว แต่ยังดื้อดึงไม่ยอมทำตามมติของมหาเถรสมาคม “คนเหล่านี้กระด้างกระเดือง ไม่ยอมรับคำตัดสินใดๆ” ดังนั้นสิ่งที่จะจบได้ก็คือกฎหมาย โดยดำเนินคดีกับคนที่ทุจริตเงินวัด จำหน่ายวัตถุมงคลแล้วเงินไม่เข้าบัญชีวัด

“ให้เจ้าอาวาสคนใหม่และคณะฟ้องร้องผมได้ในสิ่งที่ผมนำมาเปิดเผย เพราะมีหลักฐานทั้งหมด จะได้ไปพิสูจน์กันในชั้นศาล รวมถึงมีข้อทูลว่าเจ้าอาวาสซื้อที่ดินข้างวัดโดยไม่จำเป็นราคาไร่ละ 5-6 หมื่นบาท แต่กลับนำเงินบริจาคไปซื้อไร่ละ 1 ล้านบาท และมีเงินทอน ซึ่งหลักฐานเหล่านี้ถึงมือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์แล้ว” นายกิตติศักดิ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ชนกัน 10 คันรวด ทางลอดอุโมงค์แยกดาราสมุทร จ.ภูเก็ต

ภูเก็ต 23 ก.ย.-รถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกเสาเข็ม เบรกแตก พุ่งชนระเนระนาดในอุโมงค์ดาราสมุทร จ.ภูเก็ต รถเสียหาย 10 คัน บาดเจ็บ 4 คน เป็นคนไทย 3 คน และชาวมาเลเซีย 1 คน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ศูนย์วิทยุพิทักษ์วิชิตได้รับแจ้งเหตุรถชนกันหลายคันภายในอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต มีรถได้รับความเสียหายจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิวัฒน์ เลี้ยงบุญจินดา รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถไม่สามารถผ่านอุโมงค์ได้ทั้ง 2 เลน เบื้องต้นตรวจสอบพบรถชนกันเสียหายรวม 10 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อาการแน่นหน้าอก […]

ผลตรวจยืนยัน “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง โครงสร้างผิดปกติตั้งแต่เกิด

สุพรรณบุรี 23 ก.ย. – ทีมสัตวแพทย์สรุปผลตรวจ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดที่พลัดหลงจากแม่ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายตั้งแต่เกิด เร่งวางแผนการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมสัตวแพทย์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรวจสุขภาพ “น้องข้าวต้ม” อย่างละเอียด โดยผลมีดังนี้ สัตวแพทย์สรุปว่า “น้องข้าวต้ม” มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในลูกสัตว์ นอกจากนี้จากภาวะร่างกายที่อ่อนแอ จำเป็นต้องเอาตัวรอด รวมถึงความพยายามช่วยประคับประคองโดยฝูงทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น เบื้องต้นทีมสัตวแพทย์ได้ฉีดยาลดปวดและลดอักเสบให้แล้ว พร้อมวางแผนรักษาตามอาการระยะยาว โดยเน้นการให้อาหารและเสริมโภชนาการควบคู่กับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกช้างป่าสามารถยืนและเคลื่อนไหวได้ในอนาคต หากอาการไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่คาด จะตรวจ X-ray และ Ultrasound ซ้ำอีกครั้ง ลำดับเหตุการณ์การช่วยเหลือลูกช้างป่าตัวนี้ • 21 ก.ย. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบลูกช้างเพศเมียนอนอยู่เพียงลำพังในสภาพอ่อนแรงและบาดเจ็บที่ขาหลัง จึงรีบประสานทีมสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายมาดูแลที่ทำการอุทยานฯ โดยเบื้องต้นได้ป้อนน้ำข้าวต้มเพื่อให้พลังงาน […]

ทหารเขมรเข้าใกล้รั้วภูผี ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า

ศรีสะเกษ 23 ก.ย.-แม่ทัพภาค 2 เผยได้รับรายงานเหตุทหารเขมรเข้าใกล้เขตรั้วลวดหนามพื้นที่ภูผีแล้ว ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า ก่อนถูกตอบโต้จนต้องล่าถอยออกไป ยันติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด จากกรณีมีการเผยแพร่ข่าวเหตุยิงปะทะในพื้นที่ภูผี ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ตนได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยได้ตรวจพบทหารกัมพูชามีลักษณะท่าทางจะเข้ามาในอธิปไตยไทยใกล้กับเขตรั้วลวดหนาม เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงได้แจ้งเตือน ทำให้ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กประจำกายยิงขึ้นฟ้า เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงยิงตอบโต้ไป กระทั่งทหารกัมพูชา ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจำนวน 2-3 นาย ได้ล่าถอยกลับไป ขณะนี้ยืนยันว่า เหตุการณ์ปกติ และกองทัพภาคที่ 2 มีการตรวจเฝ้าระวังทหารกัมพูชาที่รุกล้ำและลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด ซึ่งเรามีมาตรการในการดูแลตรงนี้อยู่แล้วอย่างใกล้ชิด.-313.-สำนักข่าวไทย

ตร.จราจร นำส่งอวัยวะ ถูกรถพุ่งชน

23 ก.ย. – รถแท็กซี่พุ่งชนตำรวจจราจรขณะขี่จยย.นำส่งอวัยวะ บริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ ตำรวจบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา เปิดเผยว่าช่วงเที่ยงวานนี้เกิดเหตุผู้ขับรถแท็กซี่ ไม่ชะลอความเร็วเพื่อหยุดรถเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีแดง ประกอบกับมีขบวนรถของตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริที่เปิดไฟสัญญาณฉุกเฉินขณะปฏิบัติภารกิจนำส่ง “ปอด” จากจังหวัดชลบุรี ไปยังโรงพยาบาลศิริราช ทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนบริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ โชคดีรถแท็กซี่ไม่เฉี่ยวชนกับรถพยาบาลที่บรรทุกอวัยวะ จึงสามารถนำส่ง “ปอด” ให้ถึงมือแพทย์ได้ทันเวลา จึงขอเน้นย้ำไปยังผู้ขับขี่ว่า “เมื่อเห็นสัญญาณไฟและเสียงไซเรน โปรดให้ทาง” ไม่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร เพื่อรักษากฎหมายและช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์.-สำนักข่าวไทย