กำจัดผู้มีอิทธิพลใช้อำนาจมิชอบ

โรงแรมรามาการ์เด้น 18 ก.ย.-รมว.มท.มอบ 10 นโยบายมุ่งพัฒนาสังคม-ส่งเสริมเศรษฐกิจ ขออาสาเป็น ‘หนู’ ช่วยภารกิจ ‘ราชสีห์’ ย้ำกำจัดผู้มีอิทธิพลใช้อำนาจมิชอบ


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมมอบนโยบายและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเกรียง กัลป์ตินันท์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ และผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัด ตลอดจนเจ้าหน้าที่ข้าราชการจากทุกภาคส่วนทั่วประเทศร่วมเข้ารับฟัง โดยนายอนุทิน กล่าวว่า “กราบเรียนรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยทั้ง 3 ท่าน และปลัดกระทรวงสาธารณสุข” ทำให้ สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พูดแก้ขึ้นมาว่า “มหาดไทยครับ” ทำให้ อนุทิน หัวเราะและกล่าวขออภัย และว่า “นี่ถือเป็นความสับสนที่ดีนะครับ แสดงว่าผมไปไหนผมก็มีความผูกพันกับทุกท่านตลอดเวลา” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกคนในห้องนี้ถือว่าเป็นพี่ๆ น้องๆ กัน เพราะมีความคุ้นเคยกัน ตั้งแต่ครั้งตนยังไม่มีตำแหน่งหรือมีตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย ในหลายโอกาสก็เรียกทุกคนว่าพี่ ทั้งรัฐมนตรีช่วย ปลัดกระทรวง และเจ้าหน้าที่ในทุกหน่วยงาน กระทรวงมหาดไทยต้องปฏิบัติงานใกล้ชิดส่งผลต่อประชาชนโดยตรงในทุกมิติและบริบท จึงขอให้ทุกคนร่วมกันขับเคลื่อนทั้งภารกิจและนโยบายของรัฐบาล ประกอบด้วยแนวนโยบาย 10 ประการ คือ 1) การพัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างรายได้ โดยการน้อมนำแนวพระราชดำริมาประยุกต์ใช้ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมไปถึงการสร้างงาน รายได้ สร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชน 2) ลดต้นทุนจากการใช้น้ำ โดยติดตั้งเครื่องกรองน้ำสะอาดให้ประชาชนที่อยู่ไกลจากแหล่งน้ำ ร่วมกับการประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาคที่กำลังเร่งปรับปรุงคุณภาพน้ำ และในระยะยาวต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนสามารถดื่มน้ำจากก็อกได้


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า 3) ลดค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้าและน้ำมันในทุกส่วนราชการ ส่งเสริมการติดตั้งหลังโซลาร์เซลล์ หรือ Solar Roof บนหลังคาของสถานที่ราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำการปฏิบัติการด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality Roadmap) จัดหารถพลังงานสะอาด หรือรถ EV 4) มุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด สนับสนุนให้มีการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ในที่อยู่อาศัย และเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าส่วนเกิน ส่งเสริมให้ชุมชนสร้างรายได้จากพลังงานสะอาด เช่นการตั้งธนาคารคาร์บอน 5) จัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล เพื่อสร้างความสงบสุขเป็นระเบียบเรียบร้อย ปลอดอบายมุข ปลอดยาเสพติด ประชาชนมีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สิ่งใดที่สวนทางกับเรื่องนี้ เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยต้องกำจัดให้สิ้นไป โดยต้องตั้งหลักกันว่าผู้มีอิทธิพลในที่นี้คืออะไร สำหรับ กระทรวงมหาดไทย ผู้มีอิทธิพลหมายถึงคนที่ใช้อำนาจที่ตนมีอยู่ในทางที่ไม่ชอบ

“ไม่จำเป็นต้องเป็นนักเลงหัวไม้ หรือเป็นอันธพาล คนดีๆ นี่แหละ มีอำนาจแต่ใช้ในทางมิชอบ เอาไปข่มเหงคนอื่น ก่อให้เกิดประโยชน์ส่วนตน แล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน กีดกันโอกาส ไม่ว่าจะอำนาจภาครัฐ อำนาจบารมีในท้องถิ่น อำนาจเงิน หรืออำนาจจากสายสัมพันธ์ต่างๆ ถ้าเราใช้อิทธิพลที่คุณมีอยู่ ประกอบคุณประโยชน์ คุณงามความดี ก็เป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญ แต่การใช้อิทธิพลให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายต่อสังคมต่อประเทศชาติ เป็นสิ่งที่ต้องกำจัด” นายอนุทิน กล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า 6) ใช้ระบบดิจิทัลสร้างความสะดวกสบายให้ผู้มาใช้บริการ ติดต่อราชการในระบบ One Stop Service เพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ และลดการทุจริต 7) อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว เพราะการท่องเที่ยวถือเป็นรายได้หลักของประเทศ 8) การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก การผลิต การตลาด และการจำหน่าย ลดรายจ่าย สร้างรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ให้สอดคล้องกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล 9) การแก้ไขปัญหายาเสพติด ปราบปรามและรักษาอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องป้องกันให้ผู้คนห่างไกลยาเสพติดให้มากที่สุด ต้องกำหนดตัวชี้วัดให้ชัดเจน มีพื้นที่รับผิดชอบและการปฏิบัติที่เข้มข้น หากพื้นที่ใดมียาเสพติดเพิ่มขึ้นจากการละเลย เจ้าของพื้นที่นั้นต้องแสดงความรับผิดชอบ ต้องล้อมรั้วเขตปกครองของตนเอง 10) สนับสนุนการพัฒนาระบบสาธารณสุขปฐมภูมิและการเตรียมความพร้อม ท้องถิ่นรองรับสังคมผู้สูงอายุ ถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) เพราะกระทรวงสาธารณสุขแบ่งรับภาระเต็มที่อยู่แล้ว สามารถช่วยตัดขั้นตอนได้ จัดตั้งประธานชีวาภิบาลประจำท้องถิ่น


นายอนุทิน เน้นย้ำถึงแนวนโยบายผู้ว่า CEO เพื่อบูรณาการความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ที่สามารถวัดผลได้ ซึ่งผู้สื่อข่าวเคยถามเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวหลายครั้ง ว่าเป็นการรวบอำนาจหรือไม่ ซึ่งถ้าถามตน 10 ครั้งก็ตอบเหมือนกัน 10 ครั้ง ไม่มีใครอยากรวบอำนาจเหล่านี้มาหรอก มันอยู่บนบ่าพวกเราทั้งนั้น แต่เราต้องการประสานเชื่อมโยงเครือข่ายต่างๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น คำว่า CEO คือผู้บริหาร ไม่ใช่ผู้รวบอำนาจ กระทรวงมหาดไทยเปรียบเสมือนราชสีห์ ตามสัญลักษณ์ในตราพระราชลัญจกร จึงมีภารกิจของราชสีห์ ส่วนตัวเองชื่อเล่นชื่อหนู

“ท่านเป็นราชสีห์ ให้หนูช่วยเถอะครับ อะไรที่ท่านติดขัด ท่านสามารถมาบอก แล้วก่อให้เกิดคุณประโยชน์กับคุณในทุกด้าน ผมยินดีทำให้ยินดีรับผิดชอบร่วมกับท่าน ราชสีห์คงไม่ตะปบเรา ก็เป็นหนูที่ช่วยราชสีห์และคงอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสุข ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีในนิทานอีสปหรอกครับ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย