กำจัดผู้มีอิทธิพลใช้อำนาจมิชอบ

โรงแรมรามาการ์เด้น 18 ก.ย.-รมว.มท.มอบ 10 นโยบายมุ่งพัฒนาสังคม-ส่งเสริมเศรษฐกิจ ขออาสาเป็น ‘หนู’ ช่วยภารกิจ ‘ราชสีห์’ ย้ำกำจัดผู้มีอิทธิพลใช้อำนาจมิชอบ


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมมอบนโยบายและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเกรียง กัลป์ตินันท์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ และผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัด ตลอดจนเจ้าหน้าที่ข้าราชการจากทุกภาคส่วนทั่วประเทศร่วมเข้ารับฟัง โดยนายอนุทิน กล่าวว่า “กราบเรียนรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยทั้ง 3 ท่าน และปลัดกระทรวงสาธารณสุข” ทำให้ สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พูดแก้ขึ้นมาว่า “มหาดไทยครับ” ทำให้ อนุทิน หัวเราะและกล่าวขออภัย และว่า “นี่ถือเป็นความสับสนที่ดีนะครับ แสดงว่าผมไปไหนผมก็มีความผูกพันกับทุกท่านตลอดเวลา” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกคนในห้องนี้ถือว่าเป็นพี่ๆ น้องๆ กัน เพราะมีความคุ้นเคยกัน ตั้งแต่ครั้งตนยังไม่มีตำแหน่งหรือมีตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย ในหลายโอกาสก็เรียกทุกคนว่าพี่ ทั้งรัฐมนตรีช่วย ปลัดกระทรวง และเจ้าหน้าที่ในทุกหน่วยงาน กระทรวงมหาดไทยต้องปฏิบัติงานใกล้ชิดส่งผลต่อประชาชนโดยตรงในทุกมิติและบริบท จึงขอให้ทุกคนร่วมกันขับเคลื่อนทั้งภารกิจและนโยบายของรัฐบาล ประกอบด้วยแนวนโยบาย 10 ประการ คือ 1) การพัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างรายได้ โดยการน้อมนำแนวพระราชดำริมาประยุกต์ใช้ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมไปถึงการสร้างงาน รายได้ สร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชน 2) ลดต้นทุนจากการใช้น้ำ โดยติดตั้งเครื่องกรองน้ำสะอาดให้ประชาชนที่อยู่ไกลจากแหล่งน้ำ ร่วมกับการประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาคที่กำลังเร่งปรับปรุงคุณภาพน้ำ และในระยะยาวต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนสามารถดื่มน้ำจากก็อกได้


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า 3) ลดค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้าและน้ำมันในทุกส่วนราชการ ส่งเสริมการติดตั้งหลังโซลาร์เซลล์ หรือ Solar Roof บนหลังคาของสถานที่ราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำการปฏิบัติการด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality Roadmap) จัดหารถพลังงานสะอาด หรือรถ EV 4) มุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด สนับสนุนให้มีการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ในที่อยู่อาศัย และเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าส่วนเกิน ส่งเสริมให้ชุมชนสร้างรายได้จากพลังงานสะอาด เช่นการตั้งธนาคารคาร์บอน 5) จัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล เพื่อสร้างความสงบสุขเป็นระเบียบเรียบร้อย ปลอดอบายมุข ปลอดยาเสพติด ประชาชนมีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สิ่งใดที่สวนทางกับเรื่องนี้ เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยต้องกำจัดให้สิ้นไป โดยต้องตั้งหลักกันว่าผู้มีอิทธิพลในที่นี้คืออะไร สำหรับ กระทรวงมหาดไทย ผู้มีอิทธิพลหมายถึงคนที่ใช้อำนาจที่ตนมีอยู่ในทางที่ไม่ชอบ

“ไม่จำเป็นต้องเป็นนักเลงหัวไม้ หรือเป็นอันธพาล คนดีๆ นี่แหละ มีอำนาจแต่ใช้ในทางมิชอบ เอาไปข่มเหงคนอื่น ก่อให้เกิดประโยชน์ส่วนตน แล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน กีดกันโอกาส ไม่ว่าจะอำนาจภาครัฐ อำนาจบารมีในท้องถิ่น อำนาจเงิน หรืออำนาจจากสายสัมพันธ์ต่างๆ ถ้าเราใช้อิทธิพลที่คุณมีอยู่ ประกอบคุณประโยชน์ คุณงามความดี ก็เป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญ แต่การใช้อิทธิพลให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายต่อสังคมต่อประเทศชาติ เป็นสิ่งที่ต้องกำจัด” นายอนุทิน กล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า 6) ใช้ระบบดิจิทัลสร้างความสะดวกสบายให้ผู้มาใช้บริการ ติดต่อราชการในระบบ One Stop Service เพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ และลดการทุจริต 7) อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว เพราะการท่องเที่ยวถือเป็นรายได้หลักของประเทศ 8) การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก การผลิต การตลาด และการจำหน่าย ลดรายจ่าย สร้างรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ให้สอดคล้องกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล 9) การแก้ไขปัญหายาเสพติด ปราบปรามและรักษาอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องป้องกันให้ผู้คนห่างไกลยาเสพติดให้มากที่สุด ต้องกำหนดตัวชี้วัดให้ชัดเจน มีพื้นที่รับผิดชอบและการปฏิบัติที่เข้มข้น หากพื้นที่ใดมียาเสพติดเพิ่มขึ้นจากการละเลย เจ้าของพื้นที่นั้นต้องแสดงความรับผิดชอบ ต้องล้อมรั้วเขตปกครองของตนเอง 10) สนับสนุนการพัฒนาระบบสาธารณสุขปฐมภูมิและการเตรียมความพร้อม ท้องถิ่นรองรับสังคมผู้สูงอายุ ถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) เพราะกระทรวงสาธารณสุขแบ่งรับภาระเต็มที่อยู่แล้ว สามารถช่วยตัดขั้นตอนได้ จัดตั้งประธานชีวาภิบาลประจำท้องถิ่น


นายอนุทิน เน้นย้ำถึงแนวนโยบายผู้ว่า CEO เพื่อบูรณาการความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ที่สามารถวัดผลได้ ซึ่งผู้สื่อข่าวเคยถามเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวหลายครั้ง ว่าเป็นการรวบอำนาจหรือไม่ ซึ่งถ้าถามตน 10 ครั้งก็ตอบเหมือนกัน 10 ครั้ง ไม่มีใครอยากรวบอำนาจเหล่านี้มาหรอก มันอยู่บนบ่าพวกเราทั้งนั้น แต่เราต้องการประสานเชื่อมโยงเครือข่ายต่างๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น คำว่า CEO คือผู้บริหาร ไม่ใช่ผู้รวบอำนาจ กระทรวงมหาดไทยเปรียบเสมือนราชสีห์ ตามสัญลักษณ์ในตราพระราชลัญจกร จึงมีภารกิจของราชสีห์ ส่วนตัวเองชื่อเล่นชื่อหนู

“ท่านเป็นราชสีห์ ให้หนูช่วยเถอะครับ อะไรที่ท่านติดขัด ท่านสามารถมาบอก แล้วก่อให้เกิดคุณประโยชน์กับคุณในทุกด้าน ผมยินดีทำให้ยินดีรับผิดชอบร่วมกับท่าน ราชสีห์คงไม่ตะปบเรา ก็เป็นหนูที่ช่วยราชสีห์และคงอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสุข ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีในนิทานอีสปหรอกครับ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีต ผกก.ขับรถปาดหน้า-ชัก M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง

สงขลา 11 พ.ค. – การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี เดือด ลูกชาย สส.สงขลา ทำร้ายตำรวจคุมหน่วย ส่วน จ.นครศรีธรรมราช อดีตผู้กำกับขับรถปาดหน้าและชักปืน M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่วัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เดือด นายชวลิต เจริญพงษ์ อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง และปัจจุบันเป็นผู้สมัครรองนายกเทศมนตรีที่วัง เบอร์ 2 เข้าแจ้งความที่ สภ.กะปาง ว่าถูก พ.ต.อ.พิรุณ อดีต ผกก.ที่ปรึกษาผู้สมัครนายกเทศมนตรีอีกทีม ขับรถไล่ตามและใช้ปืน M16 ข่มขู่ โดยก่อนเกิดเหตุได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ที่วัง ได้เจ้อกับลูกน้องคนสนิทของ พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก เข้ามาพูดจาข่มขู่ พวกตนจึงหนีขึ้นรถเพื่อตัดปัญหา แต่ปรากฏว่าเมื่ออกจากร้านได้เพียง 10 เมตร พ.ต.อ.พิรุณ ได้ขับรถแวนเชฟโรเลตสีขาวปาดหน้า และลงจากรถพร้อมปืน M16 วิ่งมาที่รถของตน เห็นท่าไม่ดี จึงหักพวงมาลัยขับรถหนีและเข้ามาแจ้งความ ระหว่างนั้น พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]

ผบ.ตร. สั่งกองวินัยเตรียมสอบ ปมมติแพทยสภาลงโทษหมอ

ผบ.ตร. รับทราบกรณีแพทยสภาลงโทษหมอ ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบ หากเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษ 3 แพทย์ เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน พักใช้ใบประกอบวิชาชีพ 2 ท่าน เผยมติที่ประชุมมีความเห็น “เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก มาก มาก”

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบนยังเผชิญพายุฤดูร้อน ฝนตก-ลมแรง

กทม. 12 พ.ค.- กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยา เผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฝนตกหนักบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ มีข้อจำกัดในการระบายน้ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ เนื่องจากการระบายน้ำอาจทำได้ไม่สะดวก และไม่ควรอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเสริมความแข็งแรงให้ไม้ผล และเตรียมการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพในช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนปกคลุมประเทศเวียดนามและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทย และทะเลจีนใต้เข้าปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศร้อนบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ สำหรับภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากลมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สภาวะอากาศที่มีผลต่อการสะสมฝุ่นละอองในระยะนี้: การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันบริเวณประเทศไทยตอนบน อยู่ในเกณฑ์น้อยถึงปานกลาง โดยมีแนวโน้มลดลงหรือคงที่ เนื่องจากยังคงมีฝนตกหลายพื้นที่ในบริเวณดังกล่าว .-สำนักข่าวไทย

เร่งคุมเพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มควันพวยพุ่ง

ลาดกระบัง 12 พ.ค.- ระดมกำลังเข้าระงับเหตุเพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ ย่านลาดกระบัง ล่าสุดยังมีกลุ่มควันจำนวนมาก คาดความเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อเวลา 16.24 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมถนนฉลองกรุง ขนานข้างเป็นแนวยาวติดกับแนวซอยฉลองกรุง 55 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นโรงงาน 2 ชั้น แนวราบยาวจากพื้นดิน ยกพื้นสูงเป็นชั้นลอย โดยทำห้องใต้ดินไว้เก็บของและวัสดุอุปกรณ์ รวมถึงตัวสินค้า หากเข้ามาในซอยฉลองกรุง 55 จะเป็นพื้นกำแพงของตัวโรงงานอยู่ด้านขวามือ จุดต้นเพลิง ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เข้าไปผจญเหตุ เล่าว่า อยู่บริเวณชั้นใต้ดิน หลังจากเกิดเหตุไม่สามารถที่จะลงไปได้ เนื่องจากมีกลุ่มควันและความร้อนสูงต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องมือพิเศษรวมถึงหน้ากากออกซิเจน ในการเข้าไป โดยจะเห็นได้ว่าตามช่องต่างๆ (ช่องกำแพง ช่องท่อ ช่องประตู) ก็จะมีกลุ่มควันนั้นลอยขึ้น และออกมาด้านนอก มูลค่าความเสียหาย เบื้องต้น ยังไม่สามารถประเมินค่าได้ ต้องรอให้เหตุการณ์สงบลง ทางศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เขตลาดกระบัง ร่วมกับ สน.ฉลองกรุง ซึ่งเป็นพื้นที่เขตความรับผิดชอบ ก็จะมีการเรียกพูดคุย และสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดเหตุในครั้งนี้ รวมถึงการประเมินมูลค่าทรัพย์สินความเสียหาย โดยตอนนี้ทางเจ้าของโรงงานได้ทราบเรื่องแล้ว ทางด้าน กรุงเทพมหานคร […]

“อัศนี” ประกาศชัยชนะนายกเล็กเชียงใหม่ หลังนับคะแนนผ่านไป 78%

เชียงใหม่ 11 พ.ค. – “อัศนี บูรณุปกรณ์” ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย ประกาศชัยชนะ หลังนับคะแนนผ่านไปกว่า 78% ทิ้งห่างคู่แข่งจากพรรคประชาชน 4,000 คะแนน นายอัศนี บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้สนับสนุน ต่างปรบมือแสดงความดีใจ หลังการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการผ่านไปเกินร้อยละ 78 ได้คะแนนกว่า 17,000 คะแนน ทิ้งห่างนายธีรวุฒิ แก้วฟอง จากพรรคประชาชน กว่า 4,000 คะแนน พร้อมประกาศชัยชนะ โดยขอบคุณทุกคะแนนเสียง รวมทั้งพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าชัยชนะครั้งนี้มาจากความใกล้ชิดประชาชนในพื้นที่ ยืนยันเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ไม่ใช่เก้าอี้ที่สืบทอดของบ้านใหญ่บูรณุปกรณ์ แต่มาจากการทำงานใกล้ชิดประชาชนจนมีความเชื่อมั่น ยืนยันพร้อมเดินหน้านโยบายเร่งด่วนใน 100 วันแรก เร่งป้องกันปัญหาน้ำท่วม เพราะเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เมื่อถามว่า หนักใจกับการถูกร้องเรียนหลังเลือกตั้งหรือไม่ นายอัศนี ยืนยันว่า ทีมงานของตนมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และพร้อมจะดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป.-713-สำนักข่าวไทย

เฮลั่น “ธัญญก้าวหน้า” ชนะยกทีม เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี

ปทุมธานี 11 พ.ค. – นับคะแนนเสร็จสิ้นแล้วอย่างไม่เป็นทางการ เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี จ.ปทุมธานี “นายกเบี้ยว” ประกาศลั่น “ธัญญก้าวหน้า” คว้าชัยชนะยกทีม “ยุพเยาว์” นั่งนายกเทศมนตรี ส่วน “ลูกพีช” ได้เป็น สท. -สำนักข่าวไทย