ตั้งคำถามอนาคตนโยบายเกณฑ์ทหาร

กรุงเทพฯ 17 ก.ย. – “พริษฐ์” ตั้งคำถามอนาคตนโยบายเกณฑ์ทหาร หลังคำสัมภาษณ์ “เศรษฐา” สะท้อนจุดยืนที่เปลี่ยนไป ยืนยันยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหารไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เพื่อไทยมีกลไกผลักดันให้สำเร็จได้ แม้พรรคร่วมฯ ไม่เห็นด้วยทั้งหมด


วันที่ 17 กันยายน 2566 พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงอนาคตของนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร โพสต์ลงเฟซบุ๊กเพจ ‘พริษฐ์ วัชรสินธุ – ไอติม – Parit Wacharasindhu’ ระบุว่า นโยบายยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร เป็นนโยบายที่มีความสำคัญต่อทั้งเสรีภาพของปัจเจกบุคคล และการจัดสรรทรัพยากรมนุษย์ของโครงสร้างเศรษฐกิจในภาพรวม

ในรายการสดกับสำนักข่าวแห่งหนึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องการเกณฑ์ทหารไว้ว่า “เรื่องเกณฑ์ทหารสมัครใจ ผมไม่เคยบอกยกเลิก ผมไม่เข้าใจว่าคำว่ายกเลิกนี้หมายความว่าอะไร? ไม่ให้มีอีกแล้ว? ไม่ให้มีทหารอีกแล้ว? แล้วคนที่เกษียณไป ตายไป? หรือว่าจะให้กำลังกองทัพไม่มีเลย? ผมไม่ทราบ ผมไม่รู้ ใช่ไหมครับ แต่ถ้าเพื่อไทย (เรา) ชัดเจน ผมพูดตลอดทุกเวทีว่าเป็นเรื่องของการ “สมัครใจเกณฑ์ทหาร” ให้พี่น้องมีสิทธิเสรีภาพในการเลือกประกอบอาชีพให้ได้ ใช่ไหมครับ?”


พริษฐ์กล่าวว่า หากคำพูดนี้ถูกกล่าวโดยคนที่เห็นด้วยกับการเกณฑ์ทหาร ตนจะไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร และกลับรู้สึกว่าตนต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดียิ่งขึ้นในการสร้างความเข้าใจเรื่องนโยบาย ‘ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร’ และโน้มน้าวคนที่ยังไม่เห็นด้วยให้หันมาเห็นด้วย

แต่พอคำพูดนี้ถูกกล่าวโดยคนที่เป็นนายกฯ ซึ่งพูดถึงปัญหาของการเกณฑ์ทหารอยู่บ่อยครั้งก่อนการเลือกตั้ง ตนรู้สึกผิดหวัง – เพราะนอกจากจุดยืนเชิงนโยบายที่ดูจะเปลี่ยนไปจากสิ่งที่เคยพูดไว้ก่อน แต่คำสัมภาษณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าท่านนายกฯ อาจจะยังไม่ได้เข้าใจถึงความหมายของปัญหาและนโยบายนี้อย่างเพียงพอ

  1. ท่านนายกฯ บอกว่า ท่านไม่เคยบอก ‘ยกเลิก’ เกณฑ์ทหาร ซึ่งไม่เป็นความจริง

ประเด็นนี้ ตนคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากนัก เพราะประชาชนได้มีการแชร์ทั้งคำพูดเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้วจากท่านนายกฯเองเคยพูดในลักษณะที่เห็นด้วยกับการยกเลิกเกณฑ์ทหาร ยังไม่นับข้อความในเพจพรรคเพื่อไทยที่ยืนยันว่าจะ “แก้ไขกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร”


  1. ท่านนายกฯ พูดเสมือนว่าการ ‘ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร’ เท่ากับการ ‘ไม่ให้มีทหารอีกแล้ว’ ซึ่งไม่เป็นความจริง

การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ไม่เท่ากับการยกเลิกกองทัพหรือการไม่ให้มีทหาร แต่เพียงการยกเลิกการ ‘เกณฑ์’ หรือ การ ‘บังคับ’ คนไปเป็นทหาร (ในยามที่ไม่มีสงคราม) เพื่อให้กองทัพประกอบไปด้วยทหารที่สมัครใจเป็นทหารเท่านั้น (ในยามที่ไม่มีสงคราม)

  1. ท่านนายกฯ ใช้คำว่า ‘เกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ’ ซึ่งเป็นข้อความที่ย้อนแย้งในตัวเอง

ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตนได้ยินท่านนายกฯใช้คำพูดลักษณะนี้ แต่ตนก็สงสัยทุกครั้งว่าท่านหมายถึงอะไร เนื่องจากคำว่า ‘เกณฑ์’ หมายถึง ‘บังคับ’ ซึ่งตรงกันข้ามกับคำว่า ‘สมัครใจ’ (หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพ มันเสมือนกับการพูดประโยค เช่น ท่านอยากดื่ม ‘ชาร้อนแบบเย็น’ หรือ ท่านทำงาน ‘เร็วแบบช้า’) – หากใครจะบอกว่าท่านนายกฯหมายถึงระบบที่มีเปิดให้คน ‘สมัคร’ เป็นทหาร และ ‘เกณฑ์’ หากยอดสมัครใจไม่ครบ ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะระบบปัจจุบันก็เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นการพูดแบบนี้ก็ไม่ได้หมายถึงการมีนโยบายที่แตกต่างจากสิ่งที่เป็นอยู่ปัจจุบันแต่อย่างไร

  1. (แถม) ท่านรัฐมนตรีกลาโหมกล่าวในสภาฯ เสมือนว่าการยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารอาจขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่เป็นความจริง

รัฐธรรมนูญ มาตรา 50(5) ระบุว่า ‘บุคคลมีหน้าที่ รับราชการทหารตามที่กฎหมายบัญญัติ’ ซึ่งหมายความบุคคลใดบุคคลหนึ่ง (ซึ่งหมายรวมถึงทุกเพศ) จะถูก ‘เกณฑ์’ หรือ ‘บังคับ’ ให้ไปรับราชการทหาร ก็ต่อเมื่อมีกฎหมายที่ระบุให้ชัดถึงหน้าที่ดังกล่าว:

  • ปัจจุบัน ‘ชายไทยตามกฎหมาย’ ยังถูกบังคับให้ไปรับราชการทหารได้ เพราะมี พ.ร.บ. รับราชการทหาร 2497 ที่ไประบุในมาตรา 7 ว่า ‘ชายที่มีสัญชาติไทยตามกฎหมาย มีหน้าที่รับราชการทหารด้วยตนเองทุกคน’ พร้อมกับเงื่อนไขรายละเอียดและข้อยกเว้นต่างๆ
  • แต่ในทางกลับกัน ‘หญิงไทยตามกฎหมาย’ ไม่อยู่ในสถานะที่จะถูกบังคับให้ไปรับราชการทหารได้ เนื่องจากไม่มีกฎหมายอะไรที่ระบุหน้าที่หรือเปิดช่องให้มีการบังคับเช่นนั้น

ดังนั้น การแก้ไข พ.ร.บ. รับราชการทหาร 2497 เพื่อยกเลิกการบังคับ ‘ชายไทยตามกฎหมาย’ ให้ไปรับราชการทหารในยามที่ไม่มีสงคราม จึงเป็นสิ่งที่ทำได้โดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญ

พริษฐ์กล่าวต่อว่า ตนตระหนักดีว่าการ ‘ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร’ ทำได้ 2 วิธี:

วิธีที่ 1 = เลิกแบบลุ้นปีต่อปี (ผ่านการลดจำนวนยอดกำลังพลที่กองทัพขอในแต่ละปีและเพิ่มยอดสมัครใจในแต่ละปี เพื่อหวังให้ยอดสมัครใจสูงกว่ายอดกำลังพลที่ต้องการ จนทำให้ไม่ต้อง ‘เกณฑ์’ ใครในปีนั้นๆ โดยไม่มีการแก้กฎหมาย)

วิธีที่ 2 = เลิกแบบการันตีไม่มีเกณฑ์ (ผ่านการแก้กฎหมาย พ.ร.บ. รับราชการทหาร 2497 เพื่อตัดอำนาจกองทัพในการบังคับคนมาเป็นทหารในยามที่ไม่มีสงคราม)

ตนเชื่อว่าวิธีที่ 2 ไม่เพียงแต่จะให้ความชัดเจนกว่า แถมยังเพิ่มแรงกดดันให้กองทัพในการยกระดับคุณภาพชีวิตพลทหารอย่างเร่งด่วน แต่ยังเป็นวิธีที่น่าจะสอดคล้องกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่เขียนไว้ในเว็บไซต์พรรคว่าสนับสนุนให้มีการ ‘แก้ไขกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร’

แม้ผมเข้าใจถึงบริบทของรัฐบาลผสมที่อาจต้องมีการประนีประนอมในเชิงนโยบายบ้าง โดยเฉพาะในส่วนของนโยบายที่ต้องอาศัยมติ ครม. (ซึ่งต้องการฉันทามติจากทุกพรรคร่วมรัฐบาล) หรือต้องอาศัยงบประมาณจำนวนมากที่ต้องแบ่งกันออกไปตามนโยบายของแต่ละพรรค แต่นโยบาย ‘ยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร’ เป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยไม่ควรจะต้องเปลี่ยนจุดยืนแม้ในบริบทของรัฐบาลผสม เพราะเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยสามารถเดินหน้าต่อได้ด้วยตนเอง โดยไม่กระทบการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น เนื่องจาก :

  1. รัฐบาลไม่จำเป็นต้องเสนอกฎหมายเข้าสภาในฐานะ ครม. เอง เพราะพรรคก้าวไกลได้ยื่นเข้าสู่สภาฯ แล้ว และรอเพียงคำรับรองจากนายกฯ (ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็น มติ ครม.) เพื่อให้ร่างดังกล่าวได้เข้าสู่การพิจารณาในสภาฯ (เนื่องจากเป็นร่างการเงิน) – (แต่หากพรรคเพื่อไทยเห็นต่างอย่างมีนัยสำคัญกับร่างของพรรคก้าวไกล ก็สามารถให้ สส. เพื่อไทยยื่นร่างประกบได้)
  2. พรรคเพื่อไทยสามารถโหวตรับหลักการร่างกฎหมายดังกล่าวได้ แม้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นอาจไม่เห็นด้วยทั้งหมด เพราะหากพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลเห็นชอบ (ซึ่งมี สส. รวมกันประมาณ 290+ คน) ร่างกฎหมายดังกล่าวก็จะสามารถได้รับเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของ สส. ในชั้นรับหลักการ (วาระที่ 1) โดยหากพรรคเพื่อไทยเห็นต่างในบางรายละเอียด ก็สามารถไปเสนอแก้ไขต่อได้ในการพิจารณาชั้นกรรมาธิการและวาระที่ 2
  3. หากกฎหมายได้รับความเห็นชอบจากสภาฯจนนำมาสู่การบังคับใช้ รัฐมนตรีที่จะต้องทำหน้าที่ต่อในการบริหารจัดการผลลัพธ์ที่ตามมา ก็คือรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งเป็นตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย (รมต. สุทิน คลังแสง) ไม่ใช่จากพรรคร่วมรัฐบาลอื่น

“ผมหวังว่าพรรคเพื่อไทยจะยืนหยัดแน่วแน่ในการเดินหน้ายกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เพราะหากเป็นเช่นนั้น ประชาชน (โดยเฉพาะเยาวชนรุ่นถัดๆไป) จะจดจำกันทั่วประเทศ ว่าเราได้ร่วมกันยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารโดยสำเร็จ ภายใต้นายกฯ ที่มีชื่อว่า เศรษฐา ทวีสิน” พริษฐ์ระบุ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย

จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือน “ตาเมือนธม”

สุรินทร์ 20 ก.ค.- จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือนปราสาท “ตาเมือนธม” ด้านทหารไทย-ฝ่ายปกครอง จัดกำลังดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวไทยใกล้ชิด บรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ วันนี้ ถูกจับตามองเป็นพิเศษ หลังมีรายงานว่าทางกัมพูชาเตรียมเกณฑ์นักท่องเที่ยวชาวเขมรขึ้นมาเยือนปราสาทตาเมือนธม ซึ่งขณะนี้ทราบว่า มวลชนมาด้วยรถโดยสารประจำทางของฝั่งกัมพูชาเกือบ 23 คันรถ โดยจอดอยู่ข้างล่างฝั่งกัมพูชาและเริ่มทยอยขึ้นมายังปราสาทตาเมือนธมอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศภายในตัวปราสาทฯ ยังคงเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและกัมพูชา ท่ามกลางการดูแลอำนวยความสะดวกของเจ้าที่ทหารไทยเป็นอย่างดี ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแต่อย่างใด -สำนักข่าวไทย