สส. 3 พรรคโต้กันวุ่น ขณะนายกฯ ขอใจเย็น

รัฐสภา 12 ก.ย.-สภาฯ วุ่นสส.ก้าวไกลใส่ชุดไรเดอร์ ซัดนโยบายแรงงาน บอก ”เศรษฐา” เป็นนายกฯ ส้มหล่น “วิทยา” ติง สภาฯ ไม่ใช่โรงละคร ขณะเพื่อไทยโต้ขอให้ถอนคำพูด ด้าน นายกฯ ยิ้ม​ บอกยังเช้าอยู่ ให้ใจเย็น ยิ้มแย้มบ้าง พร้อมแจงเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ เตรียมหารือ 3 ฝ่าย เป้าหมายเบื้องต้น 400 บาทเร็วสุด


บรรยากาศการประชุมรัฐสภาในการแถลงนโยบายของรัฐบาล ช่วงที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม นายศิริโรจน์ ธนิกกุล สส.สมุทรสาคร พรรคก้าวไกลอภิปรายท้วงติงต่อประเด็นนโยบายด้านแรงงานของรัฐบาลที่ไม่เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้แรงงาน เช่น กลุ่มไรเดอร์ กลุ่มชาวประมง รวมถึงการนำเข้าแรงงานต่างด้าวได้จริง ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งได้อภิปรายพาดพิงไปยังนายเศรฐาว่าเป็นนายกฯ ส้มหล่น และระหว่างการอภิปรายในประเด็นแรงงานกลุ่มไรเดอร์ ได้นำเสื้อแจ็กเก็ตสีเขียวสวมทับสูท เพื่อประกอบอภิปรายด้วย

ทำให้นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ประท้วงการทำหน้าที่ของประธานที่ประชุม พร้อมเรียกร้องให้เคร่งครัดในการบังคับใช้ข้อบังคับประชุมรัฐสภา เพราะเวทีรัฐสภาไม่ใช่โรงแสดง


“ประธานผ่อนปรนข้อบังคับทำให้สภาไร้ระเบียบและวินัย ทั้งที่ข้อบังคับกาประชุมร่วมรัฐบาล เขียนไว้ชัดเจน ว่า การอภิปรายต้องไม่วนเวียน เสียดสี ไม่ทำให้ใครเสียหาย ไม่นำเอกสารยืนอ่านโดยไม่จำเป็น แต่ปัจจุบันพบว่ามีนักอ่านเก่ง ๆ ในสภาฯ และทำผิดข้อบังคับกการประชุม ผมขอให้เคร่งครัดเพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างกับเยาวชน ต่อการสร้างนิสัยไร้ระเบียบ วินัย และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี” นายวิทยา กล่าว

จากนั้น น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ลุกประท้วงนายศิริโรจน์ และขอให้ถอนคำพูดที่ระบุพาดพิงนายกรัฐมนตรีว่าเป็นรัฐบาลส้มหล่น ถือเป็นการด้อยค่า ทำให้เกิดความเสียหายกับนายกรัฐมนตรีที่ยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ทำให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกประท้วงเพื่อตอบโต้ โดยย้ำว่าการอภิปรายของส.ส.พรรคก้าวไกล เพื่อสะท้อนปัญหาของผู้ใช้แรงงานกลุ่มไรด์เดอร์ กรณีที่ สส.ทักท้วง แสดงว่าไม่ได้ให้ความสนใจปัญหาความเดือดร้อนและเข้าหาตอนหาเสียงเท่านั้น พร้อมย้ำคำว่า นายกฯ เศรษฐา เป็นนายกฯส้มหล่น อยู่หลายครั้ง คล้ายกับตอกย้ำในประเด็นที่ สส.พรรคเพื่อไทยทักท้วงให้ถอนคำพูด

ด้านนายพรเพชร ชี้แจงโดยยอมรับความผิดพลาดของตนเอง เพราะจำที่ สส.อภิปรายไม่ได้ทั้งหมด เพราะนอกจากทำหน้าที่ประธานที่ประชุมแล้วต้องเซ็นต์แฟ้มด้วย ส่วนการนำเครื่องแต่งกายของไรด์เดอร์มาสวมใส่นั้น ตอนแรกว่าจะห้าม แต่เห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย อย่างไรก็ดี ต่อไปจะพิจารณาให้เคร่งครัด ส่วนที่มีผู้อภิปรายนำไอแพดขึ้นมาอ่าน มองว่าขณะนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว แต่อย่าให้ถึงก้มหน้าก้มตาอ่าน


 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประท้วงจาก สส.3 พรรคตอบโต้กันไปมา เพราะ สส.ก้าวไกลไม่ยอมถอนคำพูด ทำให้นายพัฒนา สัพโส สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงนายวิโรจน์ ว่า ได้ยินข่าวว่าจะอภิปรายสร้างสรรค์  ตนให้เกียรติทางน้อง ๆ ประเด็นนี้อยากให้ถอน และจบเพื่อเดินต่อ ทำให้ นายวิโรจน์ ลุกประท้วงกลับว่า “เรียกผมว่าน้อง ๆ ผมไม่มีพี่ชายสันดานแบบเขา” ทำให้นายพรเพชร ต้องยกมือเพื่อห้ามศึกและปิดไมโครโฟนของทั้ง 2 ฝั่ง ก่อนจะวินิจฉัยให้ สส.พรรคก้าวไกล ทั้งนายวิโรจน์และนายศิริโรจน์ ถอนคำพูดที่ไม่เหมาะสมตามที่ถูกประท้วง จากนั้นให้การอภิปรายนโยบายรัฐบาลดำเนินต่อไป

ภายหลังการโต้เถียงอย่างดุเดือด ในที่ประชุมของบรรดาสมาชิก เรื่องนายกฯส้มหล่นนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลุกขึ้นชี้แจงนโยบายแรงงาน โดยระบุว่า “นั่งฟังอยู่เมื่อกี้ ก็ใจเย็น ๆ กันนิดนึง ยังเช้าอยู่เลย วานนี้เราอยู่กันดึก ยิ้มแย้มบ้าง สมาชิกบางท่านหน้ายังขึงขังอยู่เลย”

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าประเทศไทยโชคดีเป็นที่ต้องการแรงงานจำนวนมาก อัตราการว่างงานต่ำกว่า 1% ถือว่าเป็นความโชคดีบนความโชคร้ายว่าประชากรนั้นมีงานทำ แต่ความต้องการแรงงานนั้นมีจำนวนมาก ดังนั้น การพึ่งพาแรงงานต่างชาติจึงนั้นมีความจำเป็น ซึ่งต้องมีเรื่องการดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชน การดูแลเรื่องความเป็นอยู่ความปลอดภัย ความมั่นคงควบคู่กันด้วย รัฐบาลจะดำเนินการเรื่องของวันสต็อปเซอร์วิสให้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคำนึงถึงผู้ประกอบการ ผู้ใช้แรงงานและแรงงานต่างด้าวด้วย 

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เช่นการท่องเที่ยว เพื่อดึงเงินเข้าภาคบริการ และค่าแรงจะปรับขึ้นตามความต้องการของแรงงาน นอกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคบริการแล้ว จะลดค่าใช้จ่ายในด้านพลังงานของประชาชน และผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ด้วย โดยหลังจากการแถลงนโยบายแล้วเสร็จ ได้ให้แนวทางกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานดำเนินการอย่างเร่งด่วน

“ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ถือเป็นเรื่องสำคัญและเป็นเรื่องที่หลายพรรคได้พูดกันไว้ และหลายคนมีความเป็นห่วงประชาชนที่อยู่ชายขอบของสังคม ที่ต้องได้รับการดูแล มีรายได้ที่เหมาะสมเพียงพอกับการใช้จ่ายประจำวัน เรื่องนี้จะเจรจา 3 ฝ่าย ทั้งผู้ว่าจ้าง แรงงาน และรัฐบาล เพื่อปรับค่าแรงขั้นต่ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยที่เป้าหมายอยู่ที่ 400 บาท โดยเร็วที่สุด” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงต่อรัฐสภาอีกครั้ง โดยยืนยันว่า รัฐบาลนี้มาจากประชาชน ไม่เคยลืมความยากแค้นของประชาชน ซึ่งแม้ยังไม่มีอำนาจบริหารเต็มที่ ตนก็ได้ลงไปฟังความเห็นและดูแลประชาชน มีความตั้งใจจริงใจ และขอบคุณคำเตือนของสมาชิกรัฐสภาที่ให้มาด้วย

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการไรเดอร์ ว่า รัฐบาลมองภาพ Gig Ecomony โดยรวม ซึ่งรวมถึงแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซด์ ผู้ให้บริการขนส่งต่างๆ และรัฐบาลได้ลงไปรับฟังปัญาต่างๆ ก่อนการเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง ทั้งในด้านค่ารอบที่ไม่เป็นธรรม ค่าใช้จ่ายพื้นฐานที่ชาร์จกับผู้โดยสารที่ไม่ได้ปรับมานาน การบังคังรับงานพ่วง การแบกรับต้นทุนความเสี่ยงเอง กฏหมายแรงงานไม่คุ้มครอง กฏหมายต่างๆที่ยังล้าสมัย

“ได้ให้แนวทางกระทรวงแรงงาน เพื่อเจรจาภาคเอกชน เพื่อยกระดับสวัสดิการ และค่าแรงให้เป็นธรรมมากยิ่งขึ้น แข่งขันกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรุนแรง นอกจากนี้ รัฐบาลมีแนวทางจัดระเบียบค่าโดยสารมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ไรเดอร์และแท็กซี่ให้มีความยุติธรรม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารและไรเดอร์ด้วย อีกทั้งมีแนวทางให้กระทรวงคมนาคม ทำการศึกษาสร้างแอพพลิเคชั่น เรียกรถของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือผู้ให้บริการแบบครบวงจร ครอบคลุมทั่วถึง” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สื่อเกาะติด! นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก ถกผลประชุม JBC

บ้านพิษณุโลก 16 มิ.ย.- นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก เรียกถกหน่วยงานความมั่นคง หารือผลประชุม JBC กำหนดแนวทางแก้ปัญหาข้อพิพาทพื้นที่ชายแดน ท่ามกลางสื่อมวลชนเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด ความเคลื่อนไหวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เช้าวันนี้ (16 มิ.ย.) ได้แจ้งเลื่อนภารกิจการให้ นางสาวสุชาตา ช่วงศรี Miss World 2025 และคณะ Miss World เข้าคาราวะ ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 10.00 น. ไปเป็นวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย. 68) โดยนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานด้านความมั่นคง ถึงกรณีผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 หรือ The Sixth Meeting of The Cambodian-Thai Joint Commission on Demarcation for […]

‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์ 5 หมายเหตุ สะท้อนปมชายแดน

16 มิ.ย.- ‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์หมายเหตุ 5 ข้อ สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจรจา JBC พร้อมตั้งคำถาม “คุยกันดีๆ แล้วทำไมต้องฟ้องศาลโลก?” พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์หมายเหตุ 5 ประเด็น สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย ขาดความตั้งใจแก้ปัญหา

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย แก้ปัญหาลดความตึงเครียด ขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคี บนพื้นฐานเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา เมื่อ 22.30 น. กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกแถลงการณ์ผลการประชุม JBC ทั้งที่เดิมนัดสื่อเเถลงวันนี้ (16 มิ.ย.) ระบุว่าการหารือมีความคืบหน้าสำคัญ 4 เรื่อง ซึ่งหลักๆ ทั้ง 4 เรื่องในคำเเถลงออกมาตรงกัน ซึ่งการรับรองผลการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 สองฝ่ายเห็นตรงกันต่อตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตถึง 45 หลัก และเห็นชอบให้นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อความรวดเร็วในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ซึ่งในการเห็นชอบให้เเก้ไขแผนแม่บทว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา จัดทำขึ้นเมื่อปี 2546 (TOR 2003) ก็นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเช่นกัน ส่วนในข้อ 4 เห็นชอบให้มีการจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจในพื้นที่ตอนที่ 6 ไทยลงรายละเอียดว่า เป็นพื้นที่จากเขาสัตตะโสม จนถึงหลักเขตแดนที่ 1 ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมอบหมาย JTSC […]

อุตุฯ เผยไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส .-สำนักข่าวไทย