ผบ.ตร. คาดวันนี้รู้ ฆ่าตัวตายหรือตัดตอน

รัฐสภา 11  ก.ย. -ผบ.ตร.รุดรายงานนายกฯ เหตุ ผกก.ทางหลวง ดับคาบ้าน ยังไม่ฟันธงปลิดชีพหรือฆ่าตัดตอน ขอตรวจสอบ คาดชัดเจนวันนี้ ย้ำคดีสังหาร “สารวัตรแบงก์” ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก ส่วนคำขู่จะบุกชิงตัว “กำนันนก” แค่อวตาร


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐว่าการกระทรวงการคลัง ที่ห้องรับรองชั้น 3 อาคารรัฐสภาระหว่างการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาเพื่อรายงานภายหลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. ยิงตัวเองเสียชีวิต โดยไม่ทราบสาเหตุ ที่บ้านพักในพื้นที่ลำลูกกา คลอง 2 ปทุมธานี ซึ่งเป็น 1 ใน 25 ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ ยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว ที่บ้านนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก จังหวัดนครปฐม เสียชีวิต และ ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจทั้ง 25 นายมาช่วยราชการที่ ศปก.ตร โดยมีนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ร่วมรับฟังรายงาน

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพบนายกรัฐมนตรีว่า นายกรัฐมนตรี เรียกมาสอบถาม ซึ่งได้ชี้แจ้งเบื้องต้นว่าเพิ่งรับทราบเหตุพ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. ผู้บังคับบัญชาของพ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงก์ สารวัตรทางหลวงที่ถูกยิงเสียชีวิตในงานเลี้ยงกำนันนก ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิตที่บ้านพักย่านคูคต จ.ปทุมธานี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่าให้ดูแลคดีนี้อย่างตรงไปตรงมาทุกมิติ รวมถึงคดียิงพ.ต.ต.ศิวกร ซึ่งมีหมายจับ 2 รายคือกำนันและนายหน่อง ท่าผา ขณะนี้ทางกองปราบกำลังดำเนินการอยู่


“ส่วนตำรวจ 25 นาย ที่อยู่ในที่เกิดเหตุงานเลี้ยงวันดังกล่าว ขณะนี้สอบสวนเบื้องต้นและแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมดแล้ว โดยออกหมายจับทั้งหมด 6 ราย ซึ่งใน 6 รายนี้มีตำรวจในพื้นที่สอง 2 ราย และตำรวจทางหลวง 4 ราย และดำเนินคดีแล้ว นอกจากนี้ผู้บังคับบัญชาในแต่ละระดับชั้นของแต่ละหน่วยสังกัด ได้ให้ออกจากราชการไปก่อนแล้ว ซึ่งผมรายงานให้นายกฯ ทราบ โดยนายกฯ ขอให้ดำเนินการด้วยความเป็นธรรม ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ใครถูกก็ว่าไปตามถูก” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า การที่ผู้กำกับยิงตัวตายมีหลายคนสงสัยว่าเป็นการฆ่าตัดตอนหรือไม่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขอเวลาตรวจสอบก่อน ขณะนี้ผู้บัญชาการภาคหนึ่เดินทางไปยังที่เกิดเหตุแล้ว รวมถึงตำรวจในพื้นที่ก็ไปแล้ว ขอเวลาตรวจสอบในพื้นที่ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร จะเก็บรายละเอียดหลักฐานทั้งหมดโดยนิติวิทยาศาสตร์ เชื่อว่าไม่นานจะเกิดความกระจ่าง ยังไม่ขอด่วนสรุปอะไรตอนนี้ อยากให้ครบถ้วนทุกอย่าง ทั้งพยานแวดล้อม นิติวิทยาศาสตร์ อาวุธปืนให้ชัดเจน

เมื่อถามย้ำว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าเหตุผู้กำกับตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง เนื่องจากเป็นคนพาสารวัตรแบงค์ไปตาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ไม่อยากฟันธงว่าเป็นการปลิดชีพตัวเองหรือถูกตัดตอน ขอให้เกิดจากความชัดเจนจากพนักงานสอบสวนก่อน ก่อนเสียชีวิตเขาไม่เคยคุยกับตน แต่จะคุยกับใครหรือไม่ ขอตรวจสอบก่อน ส่วนที่มีรายงานว่ามีการพูดคุยกันในกลุ่มไลน์เพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจว่าอยากจะฆ่าตัวตาย เพิ่งได้รับรายงานเช่นกัน ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ยังไม่ขอพูดอะไรมากเพราะหากพูดไปแล้วอาจจะผิดเพี้ยน ขอไปหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อจะชี้แจงให้สาธารณชนทราบ


เมื่อถามว่า จะป้องกันอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก โดยเฉพาะการฆ่าตัดตอน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า  อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นการฆ่าตัดตอนหรือฆ่าตัวตาย ขอเวลาพิสูจน์ เดี๋ยวจะรู้

เมื่อถามย้ำว่า คดีนี้จะสะเทือนถึงผู้ใหญ่หลายคนเป็นห่วงหรือไม่ว่าจะเกิดความสูญเสียมากกว่านี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า เป็นความคิดของแต่ละคน ยังไม่อยากพูดอะไร ยังไม่อยากคิดไปไกลขนาดนั้น ขอดูก่อนว่าสาเหตุเกิดจากอะไร จากความเครียดแล้วฆ่าตัวตาย หรือตามข่าวที่บอกว่าเป็นการฆ่าตัดตอนหรือไม่ ยังไม่ขอฟันธง ขอเวลาตรวจสอบก่อน ยังไม่ยืนยันว่าเป็นการปลิดชีพตัวเองหรือฆ่าตัดตอน อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวจะไม่กระทบสำนวนคดี เชื่อว่าภายในอีกไม่กี่ชั่วโมงในวันนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น

ส่วนจะคุ้มครองพยานที่เหลืออย่างไร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับไปตรวจสอบว่าเขามีความต้องการหรือมีความเครียดอะไรหรือไม่ ซึ่งจะนำเรื่องนี้ไปเป็นแนวทางพูดคุยกับตำรวจที่เหลือ ที่ไม่ได้อยู่ในเรือนจำ

เมื่อถามย้ำว่า ปมขัดแย้งของคดีมาจากเรื่องส่วยรถบรรทุกใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า รอตรวจสอบก่อน ส่วนกรณีที่ซุ้มกำนันนกขู่ให้ปล่อยตัวไม่เช่นนั้น จะบุกชิงตัว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  กล่าวว่า ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเป็นอวตาร ยังไม่มีมูล เบื้องต้นเรามีมาตรการรักษาความปลอดภัย ต้องรอชุดสืบสวนสอบสวน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ก่อนทูลเกล้าฯ ครม.

กทม 16 ก.ย.- “อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ไหว้ศาลหลักเมือง – วัดพระแก้ว ก่อนนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ วันนี้ บอกเสร็จสิ้นภารกิจไปอีกเปราะ ขณะ “บิ๊กเล็ก” ว่าที่ รมว.กลาโหม รอรับ พลาดลื่นคะมำที่บันได นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลหลักเมือง หลังตรวจสอบรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รอต้อนรับ โดยจุดแรก นายกรัฐมนตรีได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณหอพระ ซึ่งระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปยังหอพระ พล.อ.ณัฐพล ที่เดินตามข้างหลัง ได้ลื่นล้มทั้งตัวหน้าบริเวณหน้าบันไดทางขึ้นหอพระ คาดว่าเป็นเพราะถุงเท้าทำให้ลื่น แต่ พล.อ.ณัฐพล ได้ลุกอย่างรวดเร็ว และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ร้องอุทานด้วยความตกใจ ต่อมา นายอนุทิน ได้ผูกผ้าแพร 3 สี ถัดจากนั้นได้ถวายพวงมาลัยศาลหลักเมือง และสักการะศาลเทพารักษ์ทั้ง 5 พร้อมเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด ขณะที่ประชาชนที่มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมือง ต่างตะโกนให้กำลังใจนายอนุทิน “นายกฯ สู้ๆ” ก่อนที่นายอนุทินจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณ […]

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]