รัฐสภา 4 ก.ย.-สว.เตรียมถล่มนโยบายรัฐบาล จี้ขอความชัดเจนเงินดิจิทัล – ที่มา สสร.แก้รัฐธรรมนูญ ยันไม่ปล่อยกลับไปเฉยๆ ชี้รัฐมนตรีต้องมีผลงาน แนะนำบทเรียนรัฐบาลก่อนมาแก้ข้อบกพร่องต่างๆ
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลว่า โดยภาพรวมสวยังไม่ได้ตกลงในรายละเอียดกัน โดยจะมีการประชุมคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา หรือวิปวุฒิ ในวันที่ 6 ก.ย.นี้ แล้วให้ สว.แจ้งความประสงค์มาว่าใครต้องการที่จะอภิปรายเรื่องอะไรและจะใช้เวลาเท่าไหร่ ซึ่งเชื่อว่า สว. ชุดนี้ต่างกระตือรือร้นที่จะอภิปราย โดยเฉพาะนโยบายใหม่ๆ ของรัฐบาลในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องเงินดิจิตัล 10,000 บาท เรื่องความปรองดอง นโยบายด้านการทหาร เพราะที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ จึงคงไม่ปล่อยให้รัฐบาลแถลงนโยบายแล้วกลับไปเฉยๆ แต่คงต้องหาคำมั่นและคำยืนยันที่ชัดเจนว่า นโยบายที่แถลงออกมาแต่ละเรื่อง ทำได้จริงหรือไม่ทั้งเรื่องของการลดค่าครองชีพ ลดค่าไฟพักหนี้เมื่อไหร่จะทำได้ ซึ่งเชื่อว่าจะถูก สว. ที่และขอคำมั่นอย่างชัดเจน
สำหรับกรณีที่จะมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยให้มี สสร.มายกร่างใหม่นั้น ในวันชัยกล่าวว่า เรื่องนี้ สว.ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันและกังวลในเรื่องการที่จะไปแก้ไขหรือแตะในหมวดสำคัญสำคัญๆ โดยเฉพาะในหมวดพระมหากษัตริย์ซึ่งแม้ว่าจะมีการแถลงแล้วแต่เป็นการแถลงนอกสภา แต่ในสภาก็จะขอคำมั่นว่าจะแตะหรือไม่แตะอย่างไร โดยต้องชัดเจนและประเด็นที่รัฐบาลต้องการแก้ไขมีเรื่องใดบ้าง รวมทั้ง สสร.จะมาจากไหน เพราะถ้ามาจากการเลือกตั้งทั้งหมดอิทธิพลต่างๆ ของพรรคการเมืองก็จะครอบงำได้ ดังนั้นเราจะต้องหาความพอดีและความชัดเจนว่าคนที่จะมาร่าง รัฐธรรมนูญใหม่นั้น ควรจะมีภาคส่วนใดบ้าง นักวิชาการ ควรจะมาอย่างไร ตัวแทนสาขาอาชีพต่างๆ ควรจะมาอย่างไร การเลือกตั้งควรจะมีสัดส่วนอย่างไร เรื่องเหล่านี้จะต้องมีความชัดเจน
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า การวางตัวรัฐมนตรีไม่เหมาะกับงานนั้น นายวันชัยกล่าวว่า ข้อจำกัดทางการเมือง และสถานการณ์ทางการเมือง แม้อาจจะมีข้อตำหนิว่าเหมาะหรือไม่เหมาะสม แต่ส่วนตัวมองว่าในสถานการณ์แบบนี้จัดคณะรัฐมนตรีได้อย่างนี้ก็ดีแล้ว แต่ลำพังเฉพาะหน้าตารัฐมนตรีคงไม่พอ แต่ผลงานเป็นเรื่องสำคัญที่จะลบข้อครหาคนที่เป็นรัฐมนตรีไปได้ ถ้าทำงานแล้ว 3 เดือน 6 เดือน 8 เดือน 1 ปี ผลงานดีก็จะลบข้อตำหนิได้ แต่ถ้าไม่มีผลงาน ยิ่งกว่าถูกตำหนิเป็นการซ้ำเติมหน้าตารัฐมนตรีคนนั้น เพราะฉะนั้นจะอยู่ได้ไม่ได้ จะอยู่ยาวหรือไม่ยาว มาจากเหตุ 3 ประการ คือ เป็นแล้วมีผลงานหรือไม่ ถ้าเป็นแล้วไม่มีผลงาน กระแสจะถูกตีกลับ พรรคร่วมรัฐบาลทะเลาะเบาะแว้งแตกแยกกันหรือไม่จะทำให้รัฐบาลนั้นอายุสั้น และสุดท้ายผลงานที่จะปรากฏทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว เป็นตัวจำกัดสำคัญ โดยเฉพาะไม่โกงกิน ทุจริตคอร์รัปชัน ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องตัวเอง เท่ากับเป็นรัฐบาลฆ่าตัวตาย สิ่งเหล่านี้มีบทเรียนมาแล้ว และเป็นบทเรียนให้รัฐบาลนี้จะต้องแก้ไขในสิ่งบกพร่องต่างๆ เหล่านั้น.-สำนักข่าวไทย