พล.อ.ประยุทธ์ ประทับใจตลอด 9 ปีที่ทำเนียบฯ

ทำเนียบรัฐบาล 31 ส.ค.-พล.อ.ประยุทธ์ พบสื่อพร้อมร่วมกินข้าวมื้อกลางวัน ขอทุกคนช่วยกันทำบ้านเมืองสงบ เดินหน้า 9 ปีที่ทำเนียบฯ ประทับใจหลายเรื่อง หลังหมดวาระไม่เหงา อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย เลี้ยงสุนัข ยืนยันวางยุทธศาสตร์ชาติ ไม่ใช่สืบทอดอำนาจ สื่อ-ข้าราชการ แห่มอบดอกไม้ล้นหลาม


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายธนกร วังบุญคงชนะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อมาร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสื่อมวลชน ในโอกาสเข้าปฎิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นวันสุดท้าย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากนี้จะต้องไปออกกำลังกาย เพื่อสร้างกล้ามเนื้อเนื่องจากไม่ออกกำลังกายเป็นเวลานาน ซึ่งที่ผ่านมาจนเป็นของตนแบบนี้ แต่ก็พยายามทำงานให้ดีที่สุดแม้จะพูดไม่เพราะบ้าง หลังจากนี้ให้เหตุการณ์นิ่งสักระยะก็อาจจะไปพักผ่อน  ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะไปถูกหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเดินทางแค่บ้านและทำเนียบ และอยากกลับไปอยู่กับครอบครัวเพราะชีวิตที่ผ่านมาหายไป 8-9 ปี  หากช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อยเอาไว้ได้ประเทศชาติก็จะเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งขณะนี้ความสงบเรียบร้อยอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งหลายอย่างได้ตั้งหลักเอาไว้แล้วแต่จะปรับเปลี่ยนอะไรต้องดำเนินการให้มีความต่อเนื่อง


ส่วนกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ปรึกษาว่าอยากมีห้องส่วนตัวไว้พักผ่อนจะเหมาะสมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้ตอบไปว่าแล้วแต่นายกฯ เศรษฐา ที่ทำเนียบรัฐบาลมีห้องสำหรับนอนพักผ่อนอยู่แล้ว แต่ตนไม่ได้ใช้ เนื่องจากมัวแต่รบกับสื่อมวลชน บางครั้งก็นอนไม่หลับพูดไปโมโหไป ก็กลับมานึกรู้สึกเสียใจ ไม่ควรพูดแต่เชื่อว่าต่างคนก็ต่างเข้าใจกัน ยอมรับว่าส่วนตัวเป็นคนขี้โมโห การคิดเร็วทำเร็ว บางครั้งอาจไม่เหมาะสม ขอให้ดูที่ผลงาน

“หลังหมดวาระจากนายกรัฐมนตรีไปจะไม่เหงา เพราะเป็นคนช่างคิดช่างอ่าน เพราะตนเองชอบอ่านหนังสือไปเรื่อย และเลี้ยงสุนัข ขอพักสมองบ้างเนื่องจากเจอเอกสารมา9 ปี ส่วนเพลงที่ตนเองแต่งย้ำว่าชอบทุกเพลงเพราะมันเป็นสิ่งที่เคยทำมา ร้อยเรียงจากบทกวีเขียนจากถ้อยคำที่ต้องพูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชาปลุกเร้าอารมณ์ ให้มีจิตใจในการสู้รบมีสาระบ้าง ตลกบ้าง วันนึงพูดได้เป็น 2- 3 ชั่วโมง ส่วนเทคนิคการแต่งเพลง ต้องเขียนเนื้อก่อนค่อยเอาทำนองมาใส่ ซึ่งต่างจากคนอื่นที่มีทำนองก่อนแล้วค่อยใส่เนื้อเพลง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

สื่อมวลชนขอให้นายกรัฐมนตรีร้องเพลงหนึ่งผลงานเพลง พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธเพราะจำเนื้อเพลงไม่ค่อยได้ และอธิบายถึงเพลงคืนความสุขให้ประเทศไทย ท่อนที่ร้องว่า ‘เราจะทำตามสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน” ตนคิดอย่างนั้นจริง ๆ หากสถานการณ์ในประเทศสงบเรียบร้อย ตนไปนานแล้ว ไม่ได้ตั้งใจจะอยู่จนถึงขนาดนี้ ยืนยันว่าที่ต้องอยู่จนถึงขนาดนี้ เป็นไปตามกลไกของการเลือกตั้ง


“อำนาจมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ซึ่ง 9 ปีที่ผ่านมา ผมและครม. ระมัดระวังตัวมาโดยตลอด แนวคิดทางการเมืองหลายคนอาจจะไม่เหมือนกัน แต่ต้องทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ หากแบ่งแยกเป็นกลุ่มจะเกิดอันตราย จึงต้องมีหลักพื้นฐานสำคัญ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์อะไรมาก เพราะส่วนตัวไม่มีอำนาจอะไรอยู่แล้ว และไม่เคยคิดว่าตนมีอำนาจ ทุกอย่างมาตามขั้นตอนและระเบียบของกฎหมาย รัฐบาลขณะนี้ไม่ใช่รัฐบาลปรองดองแต่ทุกคนต้องมีความปรองดองกัน และมีส่วนร่วมกัน เพราะไม่สามารถสั่งใครให้ปรองดองกันได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างพูดคุยกับสื่อมวลชนเจ้าหน้าที่ได้เปิดเพลงสะพาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งเองและได้ร้องคลอพร้อมโอบไหล่นายอนุทินและนายธนกรไปด้วย นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังฝากถึงชาวโซเชียลมีเดียด้วยว่า ขอฝากความรักความคิดถึง ตนไม่โกรธเคืองใครทั้งสิ้นไม่ว่าจะรัก จะชมหรือจะชอบหรือไม่ชอบ จะด่า จะว่า เพราะเป็นโลกโซเชียลมีเดีย แต่ทุกคนต้องมีภูมิคุ้มกันเอาไว้บ้าง ไม่ใช่ใครเกลียดก็เกลียดด้วย ทุกอย่างต้องมีเหตุมีผล หากทุกคนบิดเบี้ยวไปหมดจะเป็นอันตรายกับประเทศ

“สื่อโซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็น Facebook TikTok ไม่เคยทำเอง เพราะไม่ชอบ แต่ต้องติดตามเพราะเป็นเรื่องของการพัฒนา โดยเน้นอ่านสิ่งที่เป็นประโยชน์จะดีกว่าสิ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง เพราะบางทีไม่รู้จักหน้ากัน โกรธกัน ทะเลาะกันได้อย่างไรก็ไม่ทราบ เพราะสังคมบูลลี่กันไปแล้ว  คำว่าประชาธิปไตยก็ต้องมีรูปแบบ และบริบทที่เหมาะสม กับประเทศไทย เพราะหากไม่มี บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร บ้านเมืองจะสงบแบบนี้และจะมีการพัฒนาหรือไม่ การพัฒนาโดยใช้งบประมาณอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ จึงต้องสรรหาวิธีการต่าง ๆ ซึ่งก็ขอให้ติดตามดูเพราะเชื่อว่าอย่างไรก็คงต้องทำอยู่แล้ว”นายกรัฐมนตรี กล่าว  

ส่วนในอนาคตหากชาติต้องการ นายกรัฐมนตรีจะกลับมาอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่สมมติ เพราะควรสมมติแต่สิ่งที่ดี ควรสมมติว่าให้ไปได้ด้วยดี เพราะถ้าคิดสิ่งที่ดี ก็จะไปได้ด้วยดี  เพราะถ้าสมมติสิ่งที่ดีก็จะดี แต่ถ้าสมมติสิ่งที่ไม่ดี ก็จะไม่ดี

“ที่ผ่านมาสิ่งที่ประทับใจคือความรักความสามัคคี และความเข้าใจว่าเราทำหน้าที่เพื่อใคร เพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชนและสถาบัน สิ่งใดที่สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วก็จะดำเนินการ แต่หลายอย่างยังติดขัดข้อกฎหมายทำให้ยังไม่เรียบร้อย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนหวังอะไรกับเรือลำใหม่ที่จะมาดูแลประเทศ นายกรัฐมนตรี ย้อนถามสื่อมวลชนว่า แล้วพวกเธอหวังอะไร  เมื่อสื่อตอบว่าหวังให้ประเทศพัฒนา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฉันก็หวังเหมือนเธอ

ส่วนหลังจากนี้จะแสดงความเห็นทางการเมืองอย่างไร เพราะหลายคนที่พ้นจากตำแหน่งแล้วมักแสดงความเห็นทางการเมือง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องพิจารณาว่าอะไรควรหรือไม่ควร เพราะไม่อยากให้ความขัดแย้งมากไปกว่านี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับพวกเราที่จะทำให้บ้านเมืองสงบสุข ซึ่ง ปัจจุบันมีสื่อโซเชียลจำนวนมาก และทุกคนก็แสดงความคิดเห็น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความมุ่งหวังว่าบรรยากาศในวันข้างหน้าจะสงบสุข  แต่ก็ไม่สามารถตอบได้ว่าความขัดแย้งจะกลับมาอีกหรือไม่ แต่ส่วนตัวไม่อยากให้กลับมาขัดแย้งกันอีกเลย สิ่งใดที่ผิดพลาดและทำให้เกิดความเสียหาย ก็อย่าไปทำกันอีก

“9 ปีที่ผ่านมาประทับใจทุกวัน ส่วนเหตุการณ์ที่ประทับใจก็มีนับพัน ประทับใจการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ ที่ทุกคนเห็นชอบโครงการต่าง ๆ ร่วมกัน ทุกคนได้เสนอโครงการให้เข้าไปอยู่ในกรอบที่ได้วางไว้ ในเรื่องการปฏิรูป ซึ่งทุกอย่างไม่ได้ไปบีบรัดใครหรือเพื่อเป็นการสืบทอดอำนาจ เพราะต่างประเทศก็ใช้เช่นเดียวกัน 9 ปีที่ผ่านมามองว่าความสำเร็จมีเกินครึ่ง เพราะหลายเรื่อง เป็นเรื่องยาก ติดขัดเรื่องข้อกฎหมาย และมีความพึงพอใจกับทุกโครงการของรัฐบาล เพราะเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์กับประชาชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

จากนั้นสื่อมวลชนขอให้นายกรัฐมนตรีเซ็นหนังสือ “มาเหนือเมฆ” ที่นายกรัฐมนตรีเขียนพร้อมมอบดอกกุหลาบสีแดงเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขอบคุณทุกคนจากหัวใจ ไม่เคยโกรธใคร ขอให้มีความสุข

เมื่อถามว่า มีอะไรอยากจะฝากบอกประชาชนที่สนับสนุนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ช่วยให้กำลังใจการทำงานร่วมกันด้วยความรักความสามัคคี ภายใต้พื้นฐานกรอบกฎหมาย

ส่วนที่ประชาชนหลายคนใจหายที่นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รู้สึกใจหายเช่นกัน ฝากประเทศชาติบ้านเมืองไว้ในมือทุกคนด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนขึ้นห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า นายกรัฐมนตรีได้โบกมือส่งสัญลักษณ์ไอเลิฟยู มินิฮาร์ทและวายทูเคให้สื่อมวลชนด้วย และช่วงที่ขึ้นไปยังห้องทำงาน บนตึกไทยคู่ฟ้า ก็ได้หยุดแล้วโบกมือลาสื่อมวลชนอีกครั้ง ก่อนขึ้นไปสักการะพระพรหมเจ้าที่บนตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้น เปิดโอกาสให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาล นำดอกไม้เข้าอำลา โดยนายกรัฐมนตรีได้มีการให้โอวาทและถ่ายรูปร่วมกัน.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]