“นพ.ชลน่าน” ยัน “เศรษฐา” ยังบริสุทธิ์

รัฐสภา 22 ส.ค. – “นพ.ชลน่าน” แจงแทน “เศรษฐา” ไม่พบหลักฐานทำผิดกฎหมาย ยันยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ชี้หากสมาชิกไว้วางใจให้นั่งนายกฯ เป็นการเปลี่ยนความเห็นต่างมาเป็นความเห็นร่วม ย้อนถ้าหัวชนฝา ประเทศเสียหายก็ไม่ทำ


 ภายหลังสมาชิกอภิปราย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวขอบคุณสมาชิกที่ให้ความสนใจในเรื่องมาตรฐานจริยธรรมคุณธรรม ของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ที่ทุกคนเห็นว่าน่าจะเกี่ยวข้องไปถึงพฤติการณ์และพฤติกรรมในการประกอบอาชีพในภาคเอกชน ในบริษัทมหาชน ที่สังคมเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กัน อย่างกว้างขวาง

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้ละเลย หรือนิ่งนอนใจ ทั้งก่อนหน้าและหลังการมีการพูดถึงเรื่องนี้ในสังคม โดยได้ตรวจสอบข้อกฎหมายทุกอย่าง ไปถึงจริยธรรมความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์  ยืนยัน ไม่มี เรื่องใดที่เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์และไม่มีข้อเท็จจริงที่ผิดกฎหมาย มีแต่ข้อกล่าวหาที่โน้มเอียงนำหลักฐานในการประกอบธุรกิจมาเป็นการกล่าวอ้างในลักษณะเชื่อมโยงกัน ซึ่งเมื่อยังไม่มีหลักฐานว่ามีการทำผิดกฎหมาย ดังนั้น ยังถือว่านายเศรษฐาเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ และซื่อสัตย์สุจริต


ส่วนกรณีส.ส.แสดงความเห็นที่ไม่สามารถเห็นชอบนายเศรษฐา เรื่องจุดยืนทางการเมือง เป็นพฤติการณ์ในการจัดตั้งรัฐบาล นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเคารพเสียงประชาชนทุกเสียง ในอุดมการณ์ทางการเมืองหลายคนมีการแบ่งฝ่าย เป็นเสรีประชาธิปไตย กับอนุรักษ์นิยม แต่ไม่ว่า จะเป็นฝ่ายใดล้วนอยู่ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพราะฉะนั้นสิ่งที่พรรคยึดถือการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สำคัญที่สุด คือ ระบบรัฐสภา ซึ่งสส.ที่ถูกเลือกเข้ามา 499 คนมาจากการเลือกของประชาชน ซึ่งเป็นการให้สิทธิ์เข้ามาในระบบตัวแทน ถือเป็นประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้เป็นเผด็จการ

นพ.ชลน่าน กล่าวยอมรับว่า ที่ผ่านมาความเห็นของประชาชนมีความแตกต่างทางความคิด ซึ่งสองแนวคิด ระหว่าง เสรีประชาธิปไตย กับอนุรักษ์นิยม มีความแตกต่าง มีความขัดแย้งทางการเมืองมาโดยตลอด คนที่เจ็บปวดที่สุด คือพี่น้องประชาชนคนไทย ถามว่า เราขัดแย้งกัน เราสู้กัน เราได้อะไรขึ้นมา นี้คือ จุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทย เราเห็นความย่อยยับ ความสูญเสีย เห็นโอกาสของพี่น้องประชาชนที่เสียหายไป เพราะเพียงมีความคิดที่ต่างกันและมีจุดมุ่งหมายเดียวกันแต่แยกกันเดินบนพื้นฐานความไม่เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ถ้ามีความคิดแบบนี้ ฝ่ายที่ต้องการปกป้องสถาบันหลักของชาติ ก็ต้องแสดงออกเต็มที่ ถ้ามีพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อสถาบันหลักของชาติก็ย่อมมีการต่อสู้ มีการทำลายล้าง ซึ่งคือเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วเราจะปล่อยให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นต่อไปหรือ

“พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และยินดีจับมือกับพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล ถ้าไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับนี้ พรรคเพื่อไทยไม่มีทางจับมือกับพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาล เรารอ เราสามารถแย่งชิงจัดตั้งรัฐบาลได้ ถ้ากลไกลการเมือง และรัฐธรรมนูญเป็นปกติ แต่ด้วยสภาพบังคับรัฐธรรมนูญเป็นแบบนี้เราไม่จับมือไม่ได้ แต่เราก็คิดผิด ยิ่งเราจับมือกัน ยิ่งจับมือจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ไทยรักไทย พลังประชาชน เราหัวชนฝามา เราเจ็บ เราเกิดก่อน เรามีประสบการณ์ แล้วเราจะหัวไปชนฝา แล้วพี่น้องประชาชนเสียหายไป เราไม่ทำ สิ่งที่ดีที่สุด เราหันหน้ามาดุลอำนาจที่มีในประเทศนี้ ดีที่สุดจับมาดุลอำนาจ ประนีประนอมอำนาจและให้เกิดประโยชน์กับประเทศมากที่สุด ผมคิดว่า เป็นแนวคิดที่ดีที่สุดในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ เพื่อไทยจึงอาศัยเข้ามาสลายความขัดแย้งตรงนี้ จัดตั้งรัฐบาลทุกฝ่ายที่รวมกันได้” นพ.ชลน่าน กล่าว


นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มั่นใจการจัดตั้งรัฐบาลโดย 11 พรรคการเมือง และจะมีพรรคที่ 12 13 14 ตามมา ให้เกิดความเข้มแข็งยิ่งขึ้น เชื่อมั่นว่าการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อแก้วิกฤติของประเทศ เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลย จะเกิดวิกฤติความขัดแย้งและวิกฤติเศรษฐกิจ ถ้าจะสลายความขัดแย้งต้องใช้กลไกนี้เท่านั้น

ส่วนข้อห่วงใยในเรื่องของนโยบาย ซึ่งยังเป็นนโยบายในการณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ถ้าเป็นนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา ก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างเต็มที่ ขณะที่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  เป็นวิกฤตที่ทำให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ ซึ่งต้องดำเนินการทำประชามติตามขั้นตอน เราตั้งใจให้มี ส.ส.ร.มาอย่างไร จำนวนเท่าไหร่ให้มีความมั่นใจทุกฝ่ายทำงานร่วมกันได้ บนพื้นฐานรัฐบาลแห่งความปรองดอง เห็นคนในชาติมีคุณค่าเท่ากัน ไม่แบ่งฝ่าย”

“เชื่อว่าทุกคนมีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติบ้านเมือง  ความเห็นต่าง เป็นสีสันที่สวยงามของประชาธิปไตย โดยเฉพาะในระบบเสียงข้างมาก แต่เราจะแปลงความเห็นต่างมาเป็นความเห็นร่วมได้อย่างไร ถ้าทุกคนได้มอบความไว้วางใจให้กับนายเศรษฐา ผู้ถูกเสนอชื่อ เป็นบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของการนำความเห็นต่างมาเป็นความเห็นร่วมของการหันหน้าเข้าหากัน ในนามของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 11 พรรค หวังว่าจะได้สิ่งที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนที่หวัง ไม่เคยเกิดขึ้น โดยเฉพาะในมิติที่สังคมไทยมีความแตกต่าง เราต้องรับฟังความแตกต่างและนำมาบริหารจัดการให้เป็นโอกาสและความหวังที่ดีของประชาชนให้มากที่สุด” นพ.ชลน่าน กล่าว.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]