แนะ “เศรษฐา” มาแจงสภาฯ ให้เคลียร์ด้วยตัวเอง

รัฐสภา 22 ส.ค.- “เสรี” ไม่รู้วันนี้ได้นายกฯ ชื่อ “เศรษฐา” หรือไม่ เพราะทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ รับยังติดใจคุณสมบัติจากข้อมูล “ชูวิทย์” ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่ทำตามหน้าที่ แนะเจ้าตัวมาแจงในสภาฯ ให้เคลียร์ดีกว่า สงสัยทำไม ”ทักษิณ” ต้องกลับวันโหวตนายกฯ


นายเสรี  สุวรรณภานนท์  สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) กล่าวถึงการตรวจสอบคุณสมบัติของนายเศรษฐา ทวีสิน  แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยของกรรมาธิการการเมืองฯ   ก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้   ว่าเป็นการตรวจสอบตามที่นายเรืองไกร  ลีกิจวัฒนะมายื่น  ในส่วนที่นายชูวิทย์  กมลวิศิษฎ์แถลงตั้งแต่ครั้งแรก เป็นเรื่องของเอกสารโฉนดที่ดินและสัญญาต่าง ๆ และดูลำดับการได้มาซึ่งที่ดิน ซึ่งจะไปอภิปรายในสภาฯ ให้เข้าใจ แต่เนื้อหาจริง ๆ อยู่ที่การแถลงของนายชูวิทย์ครั้งที่สองและครั้งที่สาม  ซึ่งชัดเจนและมีความสำคัญ

เมื่อถามถึงข่าวที่ระบุว่าขณะนี้จำนวนเสียงของส.ว.โหวตนายกฯ ได้ครบแล้ว   นายเสรี กล่าวว่า ไม่ทราบเลย 


เมื่อถามว่าถ้าการตรวจสอบคุณสมบัติไม่เสร็จสิ้นจะส่งผลต่อการตัดสินใจของ ส.ว.หรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า เป็นส่วนที่เขาเสนอมา ก็ดูว่ามีปัญหาในส่วนไหน ถ้าเป็นส่วนเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต  เป็นที่ประจักษ์  หรือเรื่องจริยธรรม  ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160   ก็ว่ากันในสภา    ที่จะตรวจต่อไปก็คือเรื่องที่เขาไปยื่นกันไว้ เรื่องภาษี เรื่องความถูกต้องของเอกสาร ซึ่งนายชูวิทย์ได้ไปยื่นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว  ส่วนตัวตัดสินใจแล้วแต่ขอไปฟังการชี้แจงในสภา ฯอีกครั้ง

เมื่อถามว่าขณะนี้นายเศรษฐาควรสบายใจได้แล้วหรือไม่สำหรับเสียงของ ส.ว. ซึ่งน่าจะดี   นายเสรี  กล่าวว่า คะแนนส่วนใหญ่อยู่ที่แต่ละบุคคล ถ้าพูดกันตามเนื้อผ้า ซึ่งแต่ละบุคคลมีข้อมูลที่ได้รับมาคงไปตัดสินใจในที่ประชุม ถ้ามีเรื่องค้างคาข้อสงสัยก็ไปฟังดูว่าพรรคเพื่อไทยที่จะมาตอบแทนนายเศรษฐาจะตอบได้มากน้อยแค่ไหน แต่คิดว่าทุกคนพร้อมจะพิจารณาเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่านายเศรษฐาจะเปลี่ยนใจมาชี้แจงหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า สามารถมาชี้แจงได้ แต่จะชี้แจงได้หรือไม่  แม้ว่าข้อบังคับในรัฐธรรมนูญจะไม่ได้กำหนดในเรื่องเหล่านี้ไว้ แต่เป็นเรื่องทั่วไปของการพิจารณาในสภาฯ  ที่สามารถขออนุญาตประธานมาชี้แจงในสภาฯ ได้  อยู่ที่ว่าสมัครใจจะมาหรือไม่ คิดว่าคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าช่วงนี้มีคำถามมาก ถ้ามาชี้แจงและตอบข้อซักถามได้   น่าจะเป็นประโยชน์กับตัวเองมากกว่า แทนที่จะไม่มาตอบและครอบคลุมเครือ กลายเป็นปัญหาเรื่องการตัดสินใจ  ถ้ามาก็ดีที่สุด แต่ก็เป็นเรื่องความสมัครใจ บังคับไม่ได้


ส่วนคุณสมบัติของนายเศรษฐาดีพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นายเสรี  กล่าวว่าจากการที่ฟังนายชูวิทย์สองครั้งสุดท้าย มีคำถามจำนวนมาก ซึ่งควรจะมีความชัดเจน เพราะการไปทำหน้าที่เป็นผู้นำประเทศ บริหารประเทศและไปเทียบกับการบริหารหน่วยงานที่เป็นบริษัทมหาชน  ซึ่งเป็นของประชาชนแล้วมีการเสนอข้อมูลต่าง ๆ ที่ควรตอบให้กระจ่าง อย่างน้อยเพื่อความชัดเจน และเป็นที่ยอมรับ จะได้หมดข้อครหาในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งก็แล้วแต่นายเศรษฐาจะพิจารณา

เมื่อถามว่าส.ว.มีเวลาตรวจสอบคุณสมบัติของนายเศรษฐาทันเวลาหรือไม่  เมื่อเทียบกับนายพิธา  เจริญรัตน์  แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกลเพราะเปิดตัวแบบกระชั้นชิด  นายเสรี  กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะมีข้อมูลปรากฏต่อสาธารณะส่วนหนึ่ง อีกส่วนพรรคเพื่อไทยก็พยายามปรับตัว สังเกตได้จากเนื้อหาที่แถลงนโยบาย เช่น ตัดปัญหาเรื่องมาตรา 112   ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่กระทบสถาบัน  เห็นความพยายามตั้งใจที่จะลดปัญหา ซึ่งปัญหาของนายเศรษฐาและนายพิธาไม่เหมือนกัน ของนายเศรษฐาเป็นเรื่องข้อมูลเดิม ๆ ที่เคยกระทำการใด ๆ มาแล้วและถูกตรวจสอบว่าซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่หรือขาดจริยธรรมอย่างไร ซึ่งเป็นอีกประเด็นที่ไม่เหมือนกับนายพิธา

ส่วนปัญหาของนายเศรษฐาเบากว่าปัญหาของนายพิธาหรือไม่     นายเสรี   กล่าวว่า หนักเบาเทียบกันไม่ได้ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน  

“เท่าที่คุยไม่ใช่เรื่องคาใจ  แต่มันเป็นเรื่องหน้าที่ของการตรวจสอบคุณสมบัติลักษณะต้องห้าม ส.ว.หลายคนให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เพราะถ้าเราเลือกไปแล้ว คุณสมบัติเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160   ถ้าจะผ่านการพิจารณาวันนี้ไปเงื่อนไขนี้ก็เป็นคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจถูกตรวจสอบหรือส่งไปศาลรัฐธรรมนูญได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170  ซึ่งจะไม่จบ ให้ดีคือเอาให้กระจ่าง จะได้ไปทำงานบริหารประเทศ ไม่ใช่ไปแล้วติดคดี โดนร้อง เสียสมองกับการใช้เวลาดูแลประชาชน    เอาให้เคลียร์  ถ้าไม่มีคุณสมบัติต้องห้าม    ก็เป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างเหมาะสมภาคภูมิ     แต่ถ้าติดจริงๆ  ก็ว่าตามเนื้อผ้า” นายเสรี กล่าว

เมื่อถามว่าการที่พรรคเพื่อไทยไปร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ กังวลกับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ถ้าแถลงกันมาชัด ๆ ว่าไม่ทำอะไรทั้งฉบับหรือแตะต้องหมวดสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็เป็นเรื่องสบายใจ หมดปัญหานี้ไป แล้วไปพยายามลดปัญหาของคนที่ทำผิดกฎหมายหรือประชาสัมพันธ์กับประชาชนว่าอย่าไปทำเรื่องเหล่านี้เลย

ทั้งนี้ นายเสรี  ยังไม่แน่ใจว่าวันนี้จะได้นายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะเรื่องยังไม่ชัดเจน 100% ว่าเป็นนายเศรษฐาหรือไม่ เพราะโอกาสก็เปลี่ยนได้ตลอด เพราะฉะนั้นดีที่สุด ชัดเจนที่สุดคือ ตอนที่มีการเสนอชื่อ

เมื่อถามถึงการเดินทางกลับมาของนายทักษิณ  ชินวัตร   อดีตนายกรัฐมนตรี  มีผลต่อการบวกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ไม่แน่ใจ  แต่ทำไมกลับมาวันเดียวกัน ก็ควรมีความหมายหรือมีอะไรที่เชื่อมโยงกันหรือไม่ สงสัยอยู่ เพราะวันอื่นก็มี แต่ปรากฏว่ามาวันเดียวกัน ตนไม่แน่ใจ แต่ก็อาจไม่เกี่ยวกัน  แค่สันนิษฐานไว้ และเชื่อว่าไม่มีผลต่อการตัดสินใจของส.ว.เพราะส.ว.ก็ทำหน้าที่คัดสรรนายกรัฐมนตรีให้ดีที่สุด 

เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะไม่มีเกมเปลี่ยนใช่หรือไม่ นายเสรี   กล่าวว่าไม่ใช่เรื่องเกม เปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนก็ไม่รู้ เพราะในสถานการณ์ที่เห็น มันเปลี่ยนได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

ปลาติดเชื้อจากสารเคมีปนเปื้อนในแม่น้ำกก

เชียงราย 22 พ.ค. – วิกฤติน้ำกก หลังพบสารหนู-สารเคมีปนเปื้อนจากการทำเหมืองแร่ ลุกลามไปแม่น้ำสายและแม่น้ำโขงแล้ว ล่าสุดตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ส่วนช้างอาบน้ำในน้ำกกมีผื่นและตุ่มใส ติดเชื้อจนเกิดแผล หลังจากมีการตรวจสอบหาสารหนู และสารเคมีอื่นๆ ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ทำให้พบว่ามีปริมาณเกินกว่ามาตรฐานหมายเท่าตัว จากการทำเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ซึ่งทางกรมประมงได้ติดตามการติดเชื้อของปลาในแม่น้ำทั้ง 3 สาย โดยนำปลาที่ชาวประมงพื้นบ้านจับได้จากแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง นำมาตวรจสอบหาสารตกค้าง และเชื้อโรคที่ปลาได้รับ เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่มนุษย์ หากนำไปบริโภค นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เปิดเผยว่าสมาคมพยายามจะมอนิเตอร์ปลาในแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง เพื่อติดตามว่ามีการติดเชื้อแพร่กระจายไปถึงไหนบ้าง เพื่อจะเก็บตัวอย่างรีบส่งให้กับทางกรมประมง ในการตรวจหาสาเหตุภายในของปลาว่ามีเชื้ออะไรบ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ ซึ่งขณะนี้เกิดความวิตก และกังวลใจของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ที่ต้องหาปลาในแมน้ำ เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นการค้าขายปลาเกิดผลกระทบ ทางเศรษฐกิจในชุมชน คนไม่นิยมปลาจากแม่น้ำ ทำให้ขาดรายได้เลี้ยงชีพ นอกจากนี้ที่บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พบว่าน้ำในแม่น้ำกกมีลักษณะขุ่นจัด เมื่อเทียบกับลำห้วยสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำ ซึ่งมีน้ำใสกว่ามาก เทศบาลตำบลแม่ยาวได้เร่งติดตั้งป้ายเตือนประชาชน […]

“ยิ่งลักษณ์” โพสต์ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ

กรุงเทพฯ 22 พ.ค.-“ยิ่งลักษณ์” โพสต์หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งชดใช้ 10,028 ล้านคดีจำนำข้าว ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ รับภาระหนี้จากฝ่ายปฏิบัติ ลั่นหนี้หมื่นล้านชดใช้ทั้งชีวิตยังไงก็ไม่มีวันหมด ทำเพื่อชาวนากลับมีบทสรุปที่เจ็บปวด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความภายหลัง ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตฐานะประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติต้องชดใช้ค่าเสียหายส่วนระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี 10,028 ล้านบาท ว่า “เรียน พี่น้องประชาชนที่เคารพ วันที่ 22 พฤษภาคมปีนี้ เป็นวันครบรอบ 11 ปี รัฐประหาร ซึ่งถือเป็นการยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชนทั้งประเทศ และเป็นวันที่ศาลปกครองสูงสุด อ่านคำวินิจฉัยให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้กว่า 10,000 ล้านบาท จากคดีระบายข้าว ทั้งที่ดิฉันไม่ได้เป็นจำเลยในคดีนี้ และศาลปกครองกลางได้เคยวินิจฉัยว่าดิฉันไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีดังกล่าวมาแล้ว จากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ ทำให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ความเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ต้องมารับภาระหนี้ที่เกิดจากการระบายข้าวของฝ่ายปฏิบัติ โดยที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านั้นแต่อย่างใด และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิพากษาในคดีของดิฉันว่า ปล่อยปละละเลยในการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเท่านั้น นโยบายรับจำนำข้าว เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย และเป็นนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องปฏิบัติ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศจากฐานราก […]

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]

ปรับแผนช่วยคนงานตกหลุมลึก 19 เมตร – 4 วันยังไม่ถึงครึ่งทาง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เตรียมปรับแผนการค้นหานำร่างคนงานขึ้นจากหลุมลึก 19 เมตร หลัง 4 วัน ยังขุดลงไปไม่ถึงครึ่งทาง ผ่านไปแล้ว 4 วัน สำหรับการค้นหานำร่างคนงานที่ตกลงไปในหลุมโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 8 ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครยังคงทำงานกันอย่างต่อเนื่องแบบ 24 ชั่วโมง มีรายงานว่า ขณะนี้ขุดลงไปได้ประมาณ 7 เมตร จากความลึกของหลุม 19 เมตร ยังไม่พบร่างของผู้สูญหายแต่อย่างใด อุปสรรคสำคัญคือเสาเข็มปูนขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ในหลุม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการประชุมหารือปรับแผนการช่วยเหลือกันอีกครั้ง หลังจากวางแผ่นชีสไพล์แล้ว แต่ยังไม่มั่นใจ 100% ว่าแผนนี้จะป้องกันไม่ให้ดินสไลด์ลงไปทับคนงานที่กำลังลงไปช่วยหรือไม่ โดยการทำงานจะเน้นความปลอดภัยของทุกคนเป็นหลัก ส่วนตัวเลขการขุดเจาะ เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) ทางรองผู้ว่าฯ กทม. แจ้งว่าขุดลึกไปได้แล้ว 9 เมตรนั้น ทางหน้างานขอชี้แจงว่าให้ยึดตัวเลขล่าสุดเป็นหลัก เพราะวัดจากขอบถนนและพื้นด้านล่างไม่เสมอกัน บางชุดอาจขุดลงไปได้มากกว่า แต่เป็นจุดที่ลงไปไม่ได้ ยอมรับการปฏิบัติงานครั้งนี้ยากกว่าที่คิด แต่ไม่เกินขีดความสามารถอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย