ชื่นชมการบินไทยกอบกู้ตัวเองสำเร็จหลังเข้าแผนฟื้นฟู

การบินไทย 18 ส.ค.-นายกฯ ตามผลฟื้นฟูการบินไทย พร้อมทดลองขับเครื่องบินจำลอง ชื่นชมทุกภาคส่วนที่สมัครใจยอมลดเงินเดือน ประหยัดค่าใช้จ่าย จนสถานการณ์พลิกกลับ มีเม็ดเงินเข้าแล้วกว่า 5 หมื่นล้าน ไม่ตอบการเมือง หยอดหวานการบินไทยรักคุณเท่าฟ้า แต่นายกฯ รักทุกคน


พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ พร้อมด้วย นายวิษณุ​ เครืองาม​ รองนายกรัฐมนตรี นายสุพัฒนพงษ์​ พันธ์มีเชาว์​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอาคม​ เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​ นายธนกร วังบุญคงชนะ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ นายอธิรัฐ​ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการ​ เยี่ยมชมกิจการและรับฟังการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการของ​ บริษัทการบินไทย​ จำกัด​  (มหาชน) โดยมีพนักงานการบินไทยให้การต้อนรับพร้อมโชว์โทรศัพท์​มือถือที่มีข้อความระบุว่า​ “เรารักลุงตู่​ พร้อมสัญลักษณ์​รูปหัวใจ​และธงชาติไทย”  ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์​ชูนิ้วสัญลักษณ์​ไอเลิฟยูให้พนักงาน  โดยพนักงานบริษัทการบินไทย​ เปิดเผยว่า​ อยากขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์​ เพราะหากไม่มี “ลุงตู่”  คงไม่มีวันนี้​

นายกรัฐมนตรีรับฟังการรายงานและเยี่ยมชมห้องฝึกบินจำลอง โดยทดลองเครื่องช่วยฝึกบินจำลอง(Filght Simulator)​ ด้วย​ตนเอง พร้อมกล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่ได้มาเยี่ยมเยียนการบินไทย และเป็นโอกาสที่ได้ติดตามความก้าวหน้าในการทำแผนฟื้นฟู รัฐบาลอำนวยความสะดวกในการบริหารแผนฟื้นฟูแบบที่เป็นไปได้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง พร้อมชื่นชมและขอบคุณคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง


“ทุกคนทราบดีว่าแนวโน้มดีขึ้นมาก มีเงินสะสมสำรองแล้วกว่า 5 หมื่นล้านบาท แต่ต้องวางแผนจะนำเงินไปทำอะไรบ้าง ถ้านำไปใช้หมดคงไม่ได้ ต้องนำไปดูแลบริหารหนี้สิน พัฒนาและปรับปรุงในหลายมิติ วันนี้มาเพื่อขอบคุณคณะผู้บริหารและการบินไทยที่ดำเนินงานได้ตามแผน คาดว่าจะกลับคืนสู่การเป็นสายการบินแห่งชาติได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ซึ่งขึ้นอยู่กับว่ามีปัญหาทางเทคนิคอะไรบ้างเท่านั้นเอง อยากให้ทุกคนภาคภูมิใจกับการบินไทยว่ายังคงเป็นสายการบินที่ได้รับความเชื่อถือความนิยมในระยะต่อไปให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเดิมก็ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อมีปัญหาก็แก้ไขกันไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ได้รับทราบการสรุปเรื่องรายได้ การปรับตัวเอง ซึ่งทำได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งรายได้ การบริหารบุคคล ทรัพยากรต่าง ๆ รวมถึงเครื่องบินซึ่งปรับทั้งหมดจนมีเม็ดเงินเข้ามาแล้วกว่า 5 หมื่นล้านบาท ขอให้กำลังใจกับผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะไม่มีใครสามารถทำคนเดียวได้ รัฐบาลให้ความสำคัญและตัดสินใจนำเข้าแผนฟื้นฟู ขอให้รอดูต่อไป คาดว่ารายได้จะมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อจะปลดล็อกตรงนี้และกลับมาเป็นสายการบินแห่งชาติได้เร็วกว่าเดิม

“ขอให้ใช้บริการการบินไทยให้มากขึ้น วันนี้แฮร์โฮสเตสสาว ๆ เข้ามาเยอะแล้ว แอร์โฮสเตสเก่าก็ไปทำหน้าที่อื่น แต่ก็สวยเหมือนเดิม คนเราไม่ได้ดูที่หน้าตาอย่างเดียวใช่หรือไม่ ส่วนเรื่องอาหารแน่นอนว่าจะต้องดีขึ้น ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น เบาะกำลังทำใหม่ทั้งหมด เครื่องบินลำใหม่ที่นำมาเพิ่มเติมกำลังจะเข้ามา ต้องขอบคุณกระทรวงคมนาคมที่ดูแลตรงนี้ได้ตามห้วงระยะเวลานายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี  ได้ถามสื่อมวลชนว่ามีคำถามอะไรหรือไม่ พร้อมระบุว่า เรื่องการเมืองไม่ต้องถาม อย่าถามเลย ไปไหนก็การเมือง การเมืองทำให้สมองทำงานอื่นไม่ค่อยได้ เพราะเขาพูดกันไปมาก็ปล่อยเขา เพราะกลไกและกฎหมายมีอยู่แล้ว รัฐธรรมนูญว่าอย่างไรก็ตามนั้น ตนพูดอย่างอื่นไม่ได้ วันนี้อยากให้บ้านเมืองเดินหน้า ได้รัฐบาลที่เข้มแข็งและเป็นไปอย่างที่ทุกคนต้องการ ทำให้ประเทศชาติดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ทุกคนต้องทำต่อกันหมด ทิ้งใครไม่ได้ ถ้าเรามองกันเป็นศัตรูไปตลอด ก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม

เมื่อถามว่า นายกฯ เปรียบเสมือนกัปตันตู่พาการบินไทยรอดได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้ เป็นการท่าฯ ดีกว่า เพราะเครื่องมีหลายลำ หลายพวก นายกรัฐมนตรีก็มีหน้าที่ เป็นรัฐบาลที่ต้องดูว่าจะรองรับอะไรให้ทุกปัญหา เครื่องบินจะลงหรือจะขึ้นดีหรือไม่ดี ตนมีหน้าที่เตรียมความพร้อม คือหน้าที่ของรัฐบาล เราคงไม่ได้เก่งกาจ สามารถ แต่วันนี้ได้ไปทดลองขับเครื่องบินทั้งแบบออโต้เมติกและแมนนวลก็พอใช้ได้

ส่วนจะแลนด์ดิ้งลงแบบราบรื่นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แน่นอน ไม่อย่างนั้นตกไปแล้ว ไม่ได้มาอยู่ตรงนี้หรอก ตนไม่ได้ทำงานคนเดียว ต้องให้เครดิตทุกคนที่ทำงานร่วมกันมาหลายปี และหลายกิจกรรมดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะร่วมมือกันและการบินไทยแก้ไขปัญหาภายในของตัวเอง โดยเฉพาะบุคลากรสมัครใจยอมลดเงินเดือนและยอมลดอะไรต่าง ๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งลดลงได้จำนวนมาก ซึ่งตนเห็นใจ นี่คือสิ่งที่จะแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะการบินไทย ประเทศไทย ถ้าทุกคนร่วมมือกัน ก็ไปได้หมดทุกเรื่อง แตกแยกกันไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีแถลงข่าวเสร็จสิ้น ได้ถ่ายรูปร่วมกันกับผู้บริหารและพนักงานแอร์โฮสเตส และแฟนคลับที่ทำงานภายในการบินไทยอย่างอบอุ่นใกล้ชิด  โดยมีการขอถ่ายรูปเซลฟี่ทำมือมินิฮาร์ทกับนายกรัฐมนตรี ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข ซึ่งก่อนจะขึ้นรถกลับ นายกรัฐมนตรีได้ชูมือทำวัญญลักษณ์ไอเลิฟยูให้พนักงานการบินไทย พร้อมระบุว่าการบินไทยรักคุณเท่าฟ้าใช่ไหม วันนี้นายกฯ รักทุกคนเท่าฟ้าด้วย ดูแลกันด้วย ช่วยทำให้สำเร็จนะจ๊ะ ขอบคุณทุกอย่าง เป็นกำลังใจให้ทุกคน พร้อมนำมือไอเลิฟยูแตะที่อกแล้วชูส่งให้กับทุกคน ท่ามกลางเสียงปรบมือจากพนักงานการบินไทย.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย