เรียกร้อง “เศรษฐา”แสดงวิสัยทัศน์ก่อนโหวต

รัฐสภา 17 ส.ค. – “ณัฐชา” ชี้ “เศรษฐา” ควรเข้ามาแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมโหวตนายกฯ ก้าวไกลไม่อภิปรายคุณสมบัติ ปัดตอบเคาะโหวตไม่เห็นชอบ-งดออกเสียง ขอเห็นโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ชัดก่อน บอกวาทกรรมก้าวไกลต้องโหวตให้เพื่อไทย ไม่ใช่การปิดสวิตซ์ส.ว. แต่เป็นการใช้กลไกบีบปิดสวิตซ์ก้าวไกล


นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการแสดงวิสัยทัศน์ของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคือบุคคลที่จะมาทำงานให้ประชาชนในอีก 4 ปีข้างหน้า เพราะฉะนั้นทิศทางในการทำงานเป็นอย่างไร ก็ควรให้ผู้แทนของพี่น้องประชาชนส่งมาทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรได้สอบถาม ซึ่งที่ผ่านมาการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เราได้ซักถามเป็นวงกว้างว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีแนวคิดแนวปฏิบัติอย่างไรและจะดำเนินงานในการเป็นนายกรัฐมนตรีอีก 4 ปีข้างหน้าอย่างไร แน่นอนว่าครั้งนี้คือการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง จะเป็นใครก็สุดแท้แต่พรรคเพื่อไทย ถ้ามีเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือเพื่อนวุฒิสภาจะสอบถามในสภา ก็สามารถเข้ามาชี้แจงได้ ประธานสภามีอำนาจในการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงโดยใช้บัลลังก์

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลเตรียมอภิปรายคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า ในคุณสมบัติเราไม่ได้มีการสอบถาม ที่ผ่านมาได้ผ่านการเลือกตั้ง ผ่านพี่น้องประชาชนมาแล้ว ประชาชนได้ตัดสินใจ จากการหาเสียงตลอดระยะเวลาที่ลงเลือกตั้งไปแล้ว ในส่วนของประเด็นข้อซักถามต่าง ๆ อาจจะไม่ได้ ซึ่งนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ได้นำเสนอกับสื่อมวลชนไปแล้วว่าในที่ประชุมพรรคของเรา มีความเห็นจะไม่โหวตสนับสนุนนายเศรษฐา เนื่องจากความคลุมเครือในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่ง ณ วันนนี้ วันที่ 17 ส.ค. แล้ว ก็ยังไม่เห็นหน้าค่าตารัฐบาลใหม่ว่าจะเป็นอย่างไร


เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลจะตัดสินใจงดออกเสียงหรือไม่เห็นชอบช่วงวันไหน นายณัฐชา กล่าวว่า เราเปิดโอกาส วันนี้พรรคจัดตั้งรัฐบาลอาจจะบอกว่าชุลมุนอยู่กำลังรวมเสียง ก็ยังไม่สามารถมองหน้าตารัฐบาลใหม่ได้ ยังไม่สามารถที่จะหน้าตารัฐบาลใหม่ได้ว่าเป็นใคร เราก็ให้โอกาสจนถึงนาทีสุดท้ายของวันที่ 21 ส.ค. เลย ว่าสุดท้ายแล้ว จะประกาศความชัดเจนออกมาหรือไม่ ในส่วนของงดออกเสียงหรือไม่เห็นด้วยก็จะไปอยู่ในวันนั้น แต่ถ้าไม่เห็นความชัดเจนใดๆ ก็คงต้องโหมดไม่เห็นชอบ

เมื่อถามว่านายเศรษฐาดีกว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า แน่นอนว่าที่เราหาเสียงเลือกตั้งมา ความจริงแล้วพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล มีนโยบายหลายด้านที่ใกล้เคียงกัน แต่ความประสงค์ของประชาชนภายหลังการเลือกตั้ง ที่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลร่วมกันจับมือในการจัดตั้งรัฐบาล

“ไม่มีแนวทางความเป็นไปได้ที่เราจะไม่สนับสนุน แคนดิเดตของพรรคพลังประชารัฐ หรือเห็นว่านายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐดีกว่า เพราะช่วงหาเสียงที่ผ่านมาเราได้พูดคุยกับพี่น้องประชาชนว่า สิ่งที่เราไม่เห็นด้วย สิ่งที่เราเห็นต่างกับพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของเขาคือ พล.อ.ประวิตร ที่เราไม่เห็นด้วยมีเหตุผลอะไรบ้าง เราก็บอกกับพี่น้องประชาชนไปแล้ว และประชาชนก็ได้ตัดสินใจแล้ว” นายณัฐชา กล่าว


เมื่อถามถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรค จะเสนอญัตติให้สภาทบทวนญัตติว่าสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ซ้ำ จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำกับวันที่ 19 ก.ค. หรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า แน่นอนว่าเรื่องของข้อบังคับข้อที่ 29 เราผูกโดยสภา มีปัญหาโดยสภา แล้วทางหน่วยงานภายนอกต่างๆที่มาตัดสิน เราก็ไม่เห็นด้วย เพราะนิติบัญญัติควรต้องใช้สภา เมื่อสภาผูกสภาก็ต้องเป็นคนแก้ ดังนั้น เรามองว่าวันนั้น ในการตัดสินโหวตไป หลังจากลงมติแล้วมีนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ วิตกกังวลเรื่องของข้อกฎหมายที่สภาลงมติไป ขณะที่องค์กรภายนอกออกมาให้ความเห็นในทางที่ไม่ถูกไม่ควร ดังนั้นเราจึงอยากหยิบยกเรื่องราวต่างๆที่สภาผูกเอาไว้ แล้วก็แก้โดยสภา โดยการทบทวนญัตติที่ลงมติไปแล้ว

ส่วนกระบวนการที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ในการทบทวนเรื่องนี้เป็นเพราะเหตุใด นายณัฐชา กล่าวว่า ก็อาจจะเป็นเพราะว่าหากเรื่องนี้มีการทบทวนใหม่ลงความเห็นว่าไม่เห็นด้วย และกลับมาเสนอซ้ำได้ ก็อาจจะเกรงว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลจะได้กลับมาโหวตอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ก็มีความพยายามเป็นเกมการเมืองอย่างแน่นอน แต่ความถูกต้องยังต้องคงอยู่คู่สภา สภาไม่ควรทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

เมื่อถามว่าคาดหวังการทำหน้าที่อย่างไรกับประธานรัฐสภา นายณัฐชา กล่าวว่า ครั้งที่แล้วก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของประธานรัฐสภา ซึ่งก็เป็นอำนาจตามข้อบังคับของประธานรัฐสภาในข้อที่ 22 ส่วนในครั้งนี้เราก็อยากจะขอความเห็นใจว่า สภาผู้แทนราษฎร และรัฐสภาเองที่มีการลงมติ อย่างหนึ่งอย่างใดไปแล้ว มันผูกพัน มันบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ว่าการทำหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร ของตัวแทนพี่น้องประชาชนทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะฉะนั้น การจดจำตรงนี้ของพี่น้องประชาชน จะบันทึกว่าคุณทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่

เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับการที่มีคนมองว่า พรรคก้าวไกลไม่โหวตให้พรรคเพื่อไทย ผิดกับคำพูดที่บอกว่าจะช่วยปิดสวิตช์ส.ว. นายณัฐชา กล่าวว่า คิดว่า วาทกรรมการบอกว่าก้าวไกลต้องโหวตให้เพื่อไทย เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. นั้น มันไม่ใช่ ก็ตอนนี้ส.ว. กำลังใช้กลไกของเขาในการไม่โหวตให้ เสียงสนับสนุนที่เป็นมติของประชาชน การปิดสวิตช์ ส.ว. นั้น คือให้ ส.ว.ไม่มีความหมาย ในการโหวตนายกรัฐมนตรี คือการใช้สิทธิ์ของสภาล่างอย่างเดียว

“ตอนนี้ที่เราพูดกัน 312 เสียง เป็นเสียงข้างมากของ 500 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร เพราะฉะนั้นในการปิดสวิตช์ส. คือการให้เสียงของส. มีอำนาจมากกว่า แต่ตอนนี้ส.ว.ได้ประสบความสำเร็จแล้ว ในการไม่โหวตให้แคนดิเดตที่มาจากพรรคอันดับหนึ่ง เป็นการบีบโดยการ บอกว่าจะไม่โหวตให้พรรคโน้นพรรคนี้ แล้วบอกว่าให้พรรคการเมืองต้องกลัวส. โดยไปโหวตให้แล้วบอกว่า นี่คือการปิดสวิตช์ ส. ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้องเป็นการบีบทางอ้อมและเป็นการร่วมกันปิดสวิตช์พรรคก้าวไกลมากกว่า” นายณัฐชา กล่าว

เมื่อถามย้ำว่าจะไม่กลายเป็นการให้พรรคเพื่อไทยจับมือกับ 2 ลุงโดยชอบธรรม เพราะเขาหาเสียงไม่ได้แล้ว นายณัฐชา กล่าวว่า ความชอบธรรมที่สุด คือการจับมือ 312 เสียง คือความชอบธรรมที่สุด และเป็นความต้องการของพี่น้องประชาชนที่สุด และเป็นเรื่องที่พึงกระทำได้ดีที่สุด ด้วยการจับมือ 312 เสียง เนื่องจากเป็นเสียงที่มาจากพี่น้องประชาชนต้องการ เป็นฟากฝ่ายที่พี่น้องประชาชนต้องการให้บริหารบริหารราชการแผ่นดิน

“ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าความต้องการของพี่น้องประชาชนในวันนี้ เลือกมาอย่างถล่มทลาย เลือกฝั่ง 312 เสียง แต่ 312 เสียงไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็เพราะว่ามีเสียงอื่นๆ มาแทรกแซง คือเสียงของ ส.ว. และพยายามกดดันให้ความเห็นต่าง ๆ นานา พยายามตีไปกลับ 312 เสียงแตกออกจากกัน เพราะฉะนั้นวันนี้เขาทำสำเร็จแล้ว” นายณัฐชา กล่าว

“ขั้นแรกคือตี 312 เสียงออกจากกัน การรวมเสียงใหม่ ก็แล้วแต่พรรคแกนนำในขณะนั้นที่จะตัดสินใจ เขาจะตัดสินใจจับมือกันเหนียวแน่น 312 เสียง และไปหาเสียงเพิ่มเติมก็สามารถทำได้ ส่วนเขาจะตัดสินใจไม่จับมือกัน 312 เสียง และไปเอาอีกฟากฝ่ายหนึ่งก็สามารถทำได้ แต่ว่าไม่ตรงกับแนวความคิดของพรรคก้าวไกล” นายณัฐชา กล่าว

นายณัฐชา กล่าวว่า หากมีช่องทางมาสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีได้พรรคก้าวไกลก็จะทำ เพราะเป็นสิ่งที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน วันนี้ 151 เสียงของพรรคก้าวไกลก็ยังยืนหยัดที่อยากจะต่อสู้เพื่อเพื่อความต้องการของพี่น้องประชาชน แต่เนื่องจากเราไม่สามารถทำได้ เพราะเราไม่มีเสียงสนับสนุน ดังนั้น เป็นเครื่องพิสูจน์ให้พี่น้องประชาชนเห็นว่าการเลือกตั้งสำคัญ และการตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรือการตัดสินใจเลือกใครเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเรานั้นต้อง สังเกตดี ๆ

“ในการโหวตครั้งนี้ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของท่านได้หรือไม่ สามารถเข้ามาทำหน้าที่ในสภาและทำหน้าที่โหวตนายกรัฐมนตรีแทนท่านได้หรือไม่ส. อยากทุกพรรคการเมืองในวันนี้พี่น้องประชาชน รวมออกมากดดันอยากให้เรื่องเปกติของระบอบประชาธิปไตย คือภาพที่ได้เสียงดับหนึ่งได้เป็นนายกรัฐมนตรี เราต้องพูดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็เพราะว่ามันเกิดความไม่ปกติในสังคม มีคนพยายามบิดเบือนมีคนพยายามพูดว่าหากรวมเสียงกัน ฟากฝ่ายหนึ่งชนะ ก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้” นายณัฐชา กล่าว.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]

บ้านดอนตัน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังจมน้ำ

น่าน 18 ก.ค. – “บ้านดอนตัน” จ.น่าน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังคงจมน้ำ น้ำใจหลั่งไหลเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งเยาวชนฝีพายเรือแข่งอำเภอท่าวังผา ขนน้ำดื่มลงเรือแจกจ่ายช่วยชาวบ้าน สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.น่าน ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่บ้านดอนตัน หมู่ 4 ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ชาวบ้านกว่าร้อยหลังคาเรือนยังอาศัยอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขัง ระดับน้ำในพื้นที่สูงกว่า 1 เมตร ประชาชนต้องย้ายสิ่งของขึ้นชั้น 2 เพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียว ต้องอพยพไปพักอยู่กับญาติในพื้นที่ใกล้เคียง หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและจิตอาสา ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยจัดส่งอาหาร น้ำดื่มและสิ่งของจำเป็น โดยเฉพาะเยาวชนฝีพายเรือแข่งจากบ้านสบหนอง อำเภอท่าวังผา นำเรือออกให้ความช่วยเหลือในการขนส่งน้ำดื่มและอาหารไปยังบ้านที่ถูกน้ำล้อม เพื่อส่งต่อถึงผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ในบ้าน ผู้ใหญ่บ้านดอนตัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและ มีแนวโน้มลดลง แต่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่ติดแม่น้ำยังคงมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะในพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งไร่ข้าวโพดและลำไย รวมกว่า 2,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ขณะที่หมู่บ้านใกล้เคียงในพื้นที่ ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา ได้แก่ […]