เรียกร้อง “เศรษฐา”แสดงวิสัยทัศน์ก่อนโหวต

รัฐสภา 17 ส.ค. – “ณัฐชา” ชี้ “เศรษฐา” ควรเข้ามาแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมโหวตนายกฯ ก้าวไกลไม่อภิปรายคุณสมบัติ ปัดตอบเคาะโหวตไม่เห็นชอบ-งดออกเสียง ขอเห็นโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ชัดก่อน บอกวาทกรรมก้าวไกลต้องโหวตให้เพื่อไทย ไม่ใช่การปิดสวิตซ์ส.ว. แต่เป็นการใช้กลไกบีบปิดสวิตซ์ก้าวไกล


นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการแสดงวิสัยทัศน์ของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคือบุคคลที่จะมาทำงานให้ประชาชนในอีก 4 ปีข้างหน้า เพราะฉะนั้นทิศทางในการทำงานเป็นอย่างไร ก็ควรให้ผู้แทนของพี่น้องประชาชนส่งมาทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรได้สอบถาม ซึ่งที่ผ่านมาการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เราได้ซักถามเป็นวงกว้างว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีแนวคิดแนวปฏิบัติอย่างไรและจะดำเนินงานในการเป็นนายกรัฐมนตรีอีก 4 ปีข้างหน้าอย่างไร แน่นอนว่าครั้งนี้คือการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง จะเป็นใครก็สุดแท้แต่พรรคเพื่อไทย ถ้ามีเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือเพื่อนวุฒิสภาจะสอบถามในสภา ก็สามารถเข้ามาชี้แจงได้ ประธานสภามีอำนาจในการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงโดยใช้บัลลังก์

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลเตรียมอภิปรายคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า ในคุณสมบัติเราไม่ได้มีการสอบถาม ที่ผ่านมาได้ผ่านการเลือกตั้ง ผ่านพี่น้องประชาชนมาแล้ว ประชาชนได้ตัดสินใจ จากการหาเสียงตลอดระยะเวลาที่ลงเลือกตั้งไปแล้ว ในส่วนของประเด็นข้อซักถามต่าง ๆ อาจจะไม่ได้ ซึ่งนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ได้นำเสนอกับสื่อมวลชนไปแล้วว่าในที่ประชุมพรรคของเรา มีความเห็นจะไม่โหวตสนับสนุนนายเศรษฐา เนื่องจากความคลุมเครือในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่ง ณ วันนนี้ วันที่ 17 ส.ค. แล้ว ก็ยังไม่เห็นหน้าค่าตารัฐบาลใหม่ว่าจะเป็นอย่างไร


เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลจะตัดสินใจงดออกเสียงหรือไม่เห็นชอบช่วงวันไหน นายณัฐชา กล่าวว่า เราเปิดโอกาส วันนี้พรรคจัดตั้งรัฐบาลอาจจะบอกว่าชุลมุนอยู่กำลังรวมเสียง ก็ยังไม่สามารถมองหน้าตารัฐบาลใหม่ได้ ยังไม่สามารถที่จะหน้าตารัฐบาลใหม่ได้ว่าเป็นใคร เราก็ให้โอกาสจนถึงนาทีสุดท้ายของวันที่ 21 ส.ค. เลย ว่าสุดท้ายแล้ว จะประกาศความชัดเจนออกมาหรือไม่ ในส่วนของงดออกเสียงหรือไม่เห็นด้วยก็จะไปอยู่ในวันนั้น แต่ถ้าไม่เห็นความชัดเจนใดๆ ก็คงต้องโหมดไม่เห็นชอบ

เมื่อถามว่านายเศรษฐาดีกว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า แน่นอนว่าที่เราหาเสียงเลือกตั้งมา ความจริงแล้วพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล มีนโยบายหลายด้านที่ใกล้เคียงกัน แต่ความประสงค์ของประชาชนภายหลังการเลือกตั้ง ที่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลร่วมกันจับมือในการจัดตั้งรัฐบาล

“ไม่มีแนวทางความเป็นไปได้ที่เราจะไม่สนับสนุน แคนดิเดตของพรรคพลังประชารัฐ หรือเห็นว่านายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐดีกว่า เพราะช่วงหาเสียงที่ผ่านมาเราได้พูดคุยกับพี่น้องประชาชนว่า สิ่งที่เราไม่เห็นด้วย สิ่งที่เราเห็นต่างกับพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของเขาคือ พล.อ.ประวิตร ที่เราไม่เห็นด้วยมีเหตุผลอะไรบ้าง เราก็บอกกับพี่น้องประชาชนไปแล้ว และประชาชนก็ได้ตัดสินใจแล้ว” นายณัฐชา กล่าว


เมื่อถามถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรค จะเสนอญัตติให้สภาทบทวนญัตติว่าสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ซ้ำ จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำกับวันที่ 19 ก.ค. หรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า แน่นอนว่าเรื่องของข้อบังคับข้อที่ 29 เราผูกโดยสภา มีปัญหาโดยสภา แล้วทางหน่วยงานภายนอกต่างๆที่มาตัดสิน เราก็ไม่เห็นด้วย เพราะนิติบัญญัติควรต้องใช้สภา เมื่อสภาผูกสภาก็ต้องเป็นคนแก้ ดังนั้น เรามองว่าวันนั้น ในการตัดสินโหวตไป หลังจากลงมติแล้วมีนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ วิตกกังวลเรื่องของข้อกฎหมายที่สภาลงมติไป ขณะที่องค์กรภายนอกออกมาให้ความเห็นในทางที่ไม่ถูกไม่ควร ดังนั้นเราจึงอยากหยิบยกเรื่องราวต่างๆที่สภาผูกเอาไว้ แล้วก็แก้โดยสภา โดยการทบทวนญัตติที่ลงมติไปแล้ว

ส่วนกระบวนการที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ในการทบทวนเรื่องนี้เป็นเพราะเหตุใด นายณัฐชา กล่าวว่า ก็อาจจะเป็นเพราะว่าหากเรื่องนี้มีการทบทวนใหม่ลงความเห็นว่าไม่เห็นด้วย และกลับมาเสนอซ้ำได้ ก็อาจจะเกรงว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลจะได้กลับมาโหวตอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ก็มีความพยายามเป็นเกมการเมืองอย่างแน่นอน แต่ความถูกต้องยังต้องคงอยู่คู่สภา สภาไม่ควรทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

เมื่อถามว่าคาดหวังการทำหน้าที่อย่างไรกับประธานรัฐสภา นายณัฐชา กล่าวว่า ครั้งที่แล้วก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของประธานรัฐสภา ซึ่งก็เป็นอำนาจตามข้อบังคับของประธานรัฐสภาในข้อที่ 22 ส่วนในครั้งนี้เราก็อยากจะขอความเห็นใจว่า สภาผู้แทนราษฎร และรัฐสภาเองที่มีการลงมติ อย่างหนึ่งอย่างใดไปแล้ว มันผูกพัน มันบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ว่าการทำหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร ของตัวแทนพี่น้องประชาชนทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะฉะนั้น การจดจำตรงนี้ของพี่น้องประชาชน จะบันทึกว่าคุณทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่

เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับการที่มีคนมองว่า พรรคก้าวไกลไม่โหวตให้พรรคเพื่อไทย ผิดกับคำพูดที่บอกว่าจะช่วยปิดสวิตช์ส.ว. นายณัฐชา กล่าวว่า คิดว่า วาทกรรมการบอกว่าก้าวไกลต้องโหวตให้เพื่อไทย เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. นั้น มันไม่ใช่ ก็ตอนนี้ส.ว. กำลังใช้กลไกของเขาในการไม่โหวตให้ เสียงสนับสนุนที่เป็นมติของประชาชน การปิดสวิตช์ ส.ว. นั้น คือให้ ส.ว.ไม่มีความหมาย ในการโหวตนายกรัฐมนตรี คือการใช้สิทธิ์ของสภาล่างอย่างเดียว

“ตอนนี้ที่เราพูดกัน 312 เสียง เป็นเสียงข้างมากของ 500 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร เพราะฉะนั้นในการปิดสวิตช์ส. คือการให้เสียงของส. มีอำนาจมากกว่า แต่ตอนนี้ส.ว.ได้ประสบความสำเร็จแล้ว ในการไม่โหวตให้แคนดิเดตที่มาจากพรรคอันดับหนึ่ง เป็นการบีบโดยการ บอกว่าจะไม่โหวตให้พรรคโน้นพรรคนี้ แล้วบอกว่าให้พรรคการเมืองต้องกลัวส. โดยไปโหวตให้แล้วบอกว่า นี่คือการปิดสวิตช์ ส. ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้องเป็นการบีบทางอ้อมและเป็นการร่วมกันปิดสวิตช์พรรคก้าวไกลมากกว่า” นายณัฐชา กล่าว

เมื่อถามย้ำว่าจะไม่กลายเป็นการให้พรรคเพื่อไทยจับมือกับ 2 ลุงโดยชอบธรรม เพราะเขาหาเสียงไม่ได้แล้ว นายณัฐชา กล่าวว่า ความชอบธรรมที่สุด คือการจับมือ 312 เสียง คือความชอบธรรมที่สุด และเป็นความต้องการของพี่น้องประชาชนที่สุด และเป็นเรื่องที่พึงกระทำได้ดีที่สุด ด้วยการจับมือ 312 เสียง เนื่องจากเป็นเสียงที่มาจากพี่น้องประชาชนต้องการ เป็นฟากฝ่ายที่พี่น้องประชาชนต้องการให้บริหารบริหารราชการแผ่นดิน

“ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าความต้องการของพี่น้องประชาชนในวันนี้ เลือกมาอย่างถล่มทลาย เลือกฝั่ง 312 เสียง แต่ 312 เสียงไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็เพราะว่ามีเสียงอื่นๆ มาแทรกแซง คือเสียงของ ส.ว. และพยายามกดดันให้ความเห็นต่าง ๆ นานา พยายามตีไปกลับ 312 เสียงแตกออกจากกัน เพราะฉะนั้นวันนี้เขาทำสำเร็จแล้ว” นายณัฐชา กล่าว

“ขั้นแรกคือตี 312 เสียงออกจากกัน การรวมเสียงใหม่ ก็แล้วแต่พรรคแกนนำในขณะนั้นที่จะตัดสินใจ เขาจะตัดสินใจจับมือกันเหนียวแน่น 312 เสียง และไปหาเสียงเพิ่มเติมก็สามารถทำได้ ส่วนเขาจะตัดสินใจไม่จับมือกัน 312 เสียง และไปเอาอีกฟากฝ่ายหนึ่งก็สามารถทำได้ แต่ว่าไม่ตรงกับแนวความคิดของพรรคก้าวไกล” นายณัฐชา กล่าว

นายณัฐชา กล่าวว่า หากมีช่องทางมาสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีได้พรรคก้าวไกลก็จะทำ เพราะเป็นสิ่งที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน วันนี้ 151 เสียงของพรรคก้าวไกลก็ยังยืนหยัดที่อยากจะต่อสู้เพื่อเพื่อความต้องการของพี่น้องประชาชน แต่เนื่องจากเราไม่สามารถทำได้ เพราะเราไม่มีเสียงสนับสนุน ดังนั้น เป็นเครื่องพิสูจน์ให้พี่น้องประชาชนเห็นว่าการเลือกตั้งสำคัญ และการตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรือการตัดสินใจเลือกใครเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเรานั้นต้อง สังเกตดี ๆ

“ในการโหวตครั้งนี้ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของท่านได้หรือไม่ สามารถเข้ามาทำหน้าที่ในสภาและทำหน้าที่โหวตนายกรัฐมนตรีแทนท่านได้หรือไม่ส. อยากทุกพรรคการเมืองในวันนี้พี่น้องประชาชน รวมออกมากดดันอยากให้เรื่องเปกติของระบอบประชาธิปไตย คือภาพที่ได้เสียงดับหนึ่งได้เป็นนายกรัฐมนตรี เราต้องพูดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็เพราะว่ามันเกิดความไม่ปกติในสังคม มีคนพยายามบิดเบือนมีคนพยายามพูดว่าหากรวมเสียงกัน ฟากฝ่ายหนึ่งชนะ ก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้” นายณัฐชา กล่าว.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

มือปืนเรียกชื่อก่อนรัวยิง “เสี่ยเปี๊ยก” ดับต่อหน้าภรรยา

กาญจนบุรี 26 มิ.ย. – สุดโหด! 2 คนร้ายเรียกชื่อก่อนรัวยิงไม่นับ สังหาร “เสี่ยเปี๊ยก” นักธุรกิจและผู้กว้างขวางเมืองกาญจนบุรี เสียชีวิตต่อหน้าภรรยา ตำรวจพุ่ง 3 ปม “ชู้สาว-ขัดแย้งส่วนตัว-ธุรกิจ” ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยนาทีสังหารนายสิทธิกร หรือ เสี่ยเปี๊ยก อายุ 51 ปี ในขณะที่เสี่ยเปี๊ยกเดินมากับภรรยา กำลังจะขึ้นรถกระบะสีดำ จังหวะที่เสี่ยเปี๊ยกจะเปิดประตูฝั่งคนขับ คนร้าย 2 คน ลงมาจากรถยนต์ที่จอดอยู่ใกล้กัน คนแรกเรียกชื่อ “เสี่ยเปี๊ยก” พร้อมกับเดินตรงเข้าไปใช้ปืนจ่อยิงศีรษะเสี่ยเปี๊ยกหลายนัดจนล้มลง ก่อนคนร้ายอีกคนเดินตามกระหน่ำยิงซ้ำอีกหลายนัด จากนั้นพากันขึ้นรถขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนภรรยาของเสี่ยเปี๊ยกเดินอ้อมมาเห็นศพสามีก็กรีดร้องด้วยความตกใจ ตะโกนขอความช่วยเหลือ บริเวณลานจอดรถหน้าร้านวัสดุก่อสร้างชื่อดังริมถนนบายพาส (เลี่ยงเมือง) จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วานนี้ (25 มิ.ย.) ภายหลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตรวจสอบสภาพศพเสี่ยเปี๊ยก พบร่องรอยกระสุนเจาะเข้าตามศีรษะ ใบหน้า ต้นคอ ลำตัว และแขน รวม […]

ตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ซุกหน้าจวนผู้ว่าฯ พังงา

พังงา 26 มิ.ย.- ตำรวจพังงา พร้อมเจ้าหน้าที่ EOD นำกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ซุกหน้าจวนผู้ว่าฯ พังงา ตำรวจพังงา พร้อมด้วยตำรวจชุด EOD นำกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด ซุกอยู่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและปิดกั้นพื้นที่ ไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในจุดดังกล่าว โดยการตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ ตำรวจพังงาจับกุม 2 คนร้ายชาวปัตตานี พร้อมกับรถยนต์ที่ซุกระเบิดแสวงเครื่องไว้ภายในรถ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ข้อมูลเบื้องต้นตำรวจชุดสืบสวนระบุว่า ตำรวจแกะรอยจากการไล่กล้องวงจรปิด พบคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์คันเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุที่กระบี่ มาก่อเหตุที่พังงา.-สำนักข่าวไทย

ส่องโผ ครม. แพทองธาร ½ จัดทัพเริ่มนิ่ง

อสมท 26 มิ.ย. – ส่องโผ ครม. แพทองธาร ½ “ภูมิธรรม” นั่งรองนายกฯ ควบ มท.1 ด้าน กล้าธรรม “นฤมล” คุมนั่ง รมว.ศึกษาฯ ขณะที่ “สุชาติ ตันเจริญ” ชื่อติดนั่ง รมว.แรงงาน ความเคลื่อนไหวในการปรับคณะรัฐมนตรี แพทองธาร ½ สำหรับโผการจัด ครม. ล่าสุด กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย นั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย 2 ตำแหน่ง คือ นายเดชอิศม์ ขาวทอง และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ กระทรวงกลาโหม พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ส่วนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร นายชูศักดิ์ ศิรินิล […]

นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอบคุณที่เสียสละ ขออดทนอดกลั้น

สระแก้ว 26 มิ.ย.- นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอให้อดทนอดกลั้น ขอบคุณที่เสียสละ พร้อมพบปะนักเรียนแนวชายแดน มอบอุปกรณ์การเรียน-กีฬา ก่อนไปตรวจหลุมหลบภัย เวลา 13.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร กองร้อยทหารพราน 1202 บ้านป่าไร่ ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยไปดูบังเกอร์ของหน่วยดังกล่าว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาพบกัน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร ว่าต้องมาประจำที่ห่างไกลจากครอบครัว ต้องขอขอบคุณที่เสียสละทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทหารคือรั้วของชาติ การมาประจำการอยู่ใกล้ชิดชายแดนขนาดนี้ ต้องอดทน อดกลั้น เพราะมีสิ่งยั่วยุอยู่มากมาย ในการรักษาความสงบเรียบร้อย อดทนอดกลั้นเพื่อให้การทำงานราบรื่น พร้อมย้ำว่าอะไรที่ต้องการ รัฐบาลสนับสนุน ขอให้บอกมาเลย ยืนยันไม่ลืมเรื่องการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ และสวัสดิการ จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางมาที่โรงเรียนตระเวนชายแดนประชารัฐบำรุง 1 ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อเดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีได้เข้าไปทักทายนักเรียนในห้องเรียนต่างๆ โดยนักเรียนแต่ละห้องได้โชว์กิจกรรมที่เกี่ยวกับการเรียนที่แตกต่างกันไปให้นายกรัฐมนตรีชม ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะมอบอุปกรณ์การเรียน นม ขนม […]