มท.เผยผลตรวจพลุดอกไม้เพลิงทั่วประเทศ พบทำผิดเพิ่ม 1 จังหวัด

กรุงเทพฯ 1 ส.ค. – ปลัด มท. เผยความคืบหน้าการตรวจสอบพลุดอกไม้เพลิงทั่วประเทศ พบกระทำผิดกฎหมายเพิ่มอีก 1 จังหวัด พร้อมกำชับทุกจังหวัด อำเภอ ตรวจสอบร้านค้าเข้มงวดต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน เน้นย้ำหากพบเบาะแส โทรสายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง


วันนี้ (1 ส.ค.66) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสินค้าที่เกิดขึ้น ที่บริเวณบ้านมูโนะ หมู่ที่ 1 ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส โดยมีสาเหตุมาจากการลักลอบนำดอกไม้เพลิงมาเก็บไว้ในที่เกิดเหตุ ผลกระทบจากแรงระเบิดเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งกระทรวงมหาดไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้มีหนังสือกำชับแนวทางการควบคุม ตรวจสอบผู้รับใบอนุญาตให้ทำ สั่ง นำเข้า หรือค้า ซึ่งดอกไม้เพลิง ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อเป็นมาตรการในการป้องกัน ควบคุม ตรวจสอบเกี่ยวกับการดำเนินการของผู้รับใบอนุญาตให้ทำ สั่ง นำเข้า หรือค้า ซึ่งดอกไม้เพลิง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตลอดจนให้การดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน เป็นไปด้วยความถูกต้อง โดยกรมการปกครองได้สั่งการให้นายอำเภอ 878 อำเภอ ในทุกจังหวัด เร่งตรวจสอบสถานที่ที่อาจเป็นโกดังเก็บดอกไม้เพลิง หรืออาคารลักลอบเก็บดอกไม้เพลิง พร้อมรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดและกรมการปกครองทราบโดยเร่งด่วน เพื่อเป็นมาตรการในการป้องกัน ควบคุม ตรวจสอบการดำเนินการเกี่ยวกับดอกไม้เพลิง ในทุกพื้นที่อย่างเคร่งครัด และอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยในชุมชนในช่วงวันหยุดยาวให้พี่น้องประชาชน

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในวันนี้ (1 ส.ค.66) กระทรวงมหาดไทยได้รับรายงานจากการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ที่อาจจะเป็นโกดังหรืออาคารลักลอบจัดเก็บพลุ พบแหล่งลักลอบเก็บดอกไม้เพลิงโดยไม่ได้รับอนุญาตในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยฝ่ายปกครองอำเภอเมืองกาญจนบุรี ได้เข้าตรวจค้นอาคารไม่มีเลขที่ อยู่ติดกับบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ที่ 11 ตำบลวังด้ง อำเภอเมืองกาญจนบุรี ซึ่งจากการตรวจค้นพบว่ามีร่องรอยการทำดอกไม้เพลิง (พลุ) และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหา 1 ราย คือ นายประเสริฐ อายุ 68 ปี ซึ่งรับเป็นเจ้าของสถานที่ และให้การสารภาพว่า ตนรับทำดอกไม้เพลิง (พลุ) ที่ใช้ในงานศพ จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีใบอนุญาตทำดอกไม้เพลิงจากนายทะเบียนท้องที่ จึงได้ทำการสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนที่จะพบของกลางหลายรายการ คือ 1) พลุ ขนาด 3 นิ้ว จำนวน 3 กระบอก 2) พลุกล้วย ขนาดใหญ่ จำนวน 30 ลูก 3) พลุกล้วย ขนาดกลาง จำนวน 4 ลูก 4) พลุกล้วย ขนาดเล็ก จำนวน 10 ลูก 5) ดินปืนสำหรับทำชนวน จำนวน 1 ถัง 6) สายชนวนสีดำ จำนวน 2 เข่ง 7) สายชนวนสีแดง จำนวน 3 ม้วน 8) สายชนวนแบบตัดแต่งแล้ว จำนวน 1 ถุง ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมอำเภอเมืองกาญจนบุรี ได้แจ้งข้อกล่าวหา “ทำดอกไม้เพลิง (พลุ) โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่” และได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ลาดหญ้า เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ ในทุกพื้นที่ได้ทำการตรวจสอบสถานที่เป้าหมายอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชนว่าจะไม่มีเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก รวมทั้งเป็นการป้องปรามการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ ในช่วงวันหยุดยาวด้วย โดยมีผลการดำเนินงาน อาทิ

  1. จังหวัดลำปาง ฝ่ายปกครองจังหวัดลำปาง ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าที่ขออนุญาตจำหน่ายดอกไม้เพลิงในพื้นที่ ประกอบด้วย อำเภอเมืองลำปาง จำนวน 2 แห่ง อำเภองาว 1 แห่ง อำเภอห้างฉัตร 3 แห่ง อำเภอแม่ทะ 1 แห่ง จากการเข้าตรวจสอบไม่พบการกระทำผิด ในส่วนการตรวจสอบอีก 9 อำเภอที่เหลือ ไม่พบว่ามีโกดัง อาคาร ลักลอบเก็บพลุ ดอกไม้เพลิง
  2. จังหวัดหนองคาย ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองหนองคาย ร่วมกับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อำเภอเมืองหนองคาย เข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายประทัด ดอกไม้เพลิง ในพื้นที่อำเภอเมืองหนองคาย โดยมีร้านค้าที่ขออนุญาตจำหน่ายดอกไม้เพลิง จำนวน 4 ร้าน จากการตรวจสอบไม่พบการกระทำผิด
  3. จังหวัดขอนแก่น ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองขอนแก่น ร่วมกับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อำเภอเมืองขอนแก่น เข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายประทัด ดอกไม้เพลิง ในพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น โดยมีร้านค้าที่ขออนุญาตจำหน่ายดอกไม้เพลิง จำนวน 1 ร้าน จากการตรวจสอบไม่พบการกระทำผิด รวมถึงไม่พบโกดังหรืออาคารลักลอบเก็บดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด
  4. จังหวัดราชบุรี ฝ่ายปกครองอำเภอปากท่อ ร่วมกับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอปากท่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากท่อ สภ.ทุ่งหลวง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายประทัด ดอกไม้เพลิง ในพื้นที่อำเภอปากท่อ โดยมีร้านค้าที่ขออนุญาตจำหน่ายดอกไม้เพลิง จำนวน 3 ร้าน จากการตรวจสอบไม่พบการกระทำผิด รวมถึงไม่พบโกดังหรืออาคารลักลอบเก็บดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด
  5. จังหวัดตาก ฝ่ายปกครองอำเภอวังเจ้า ร่วมกับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอวังเจ้า ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ตรวจสอบการลักลอบเก็บพลุและดอกไม้ไฟ บริเวณร้านค้า โกดัง ตลาดนาโบสถ์ เพื่อป้องปรามการกระทำความผิดและสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน จากการตรวจสอบไม่พบการกระทำผิด รวมถึงไม่พบโกดังหรืออาคารลักลอบเก็บดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด
  6. จังหวัดอุดรธานี ฝ่ายปกครองอำเภอโนนสะอาด ร่วมกับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอโนนสะอาด ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ตรวจสอบการลักลอบเก็บพลุและดอกไม้ไฟ ในพื้นที่อำเภอโนนสะอาด จากการตรวจสอบไม่พบการกระทำผิด รวมถึงไม่พบโกดังหรืออาคารลักลอบเก็บดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด
  7. จังหวัดเพชรบูรณ์ ฝ่ายปกครองอำเภอศรีเทพ ร่วมกับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอศรีเทพ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีเทพ และเจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลสว่างวัฒนา ลงพื้นที่ตรวจสอบการลักลอบเก็บพลุและดอกไม้ไฟ ในพื้นที่อำเภอศรีเทพ จากการตรวจสอบไม่พบการกระทำผิด รวมถึงไม่พบโกดังหรืออาคารลักลอบเก็บดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด
  8. จังหวัดบึงกาฬ ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายประทัด ดอกไม้เพลิง ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ จากการตรวจสอบไม่มีสถานที่ผลิตในพื้นที่ ส่วนสถานที่เก็บและจำหน่ายนั้น ไม่พบการกระทำผิด ซึ่งร้านค้าส่วนใหญ่เป็นสถานที่จำหน่ายตามช่วงเทศกาลสำคัญ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้จัดเก็บอย่างปลอดภัยและให้ห่างไกลจากแหล่งเชื้อเพลิงที่เป็นอันตราย รวมถึงไม่พบโกดังหรืออาคารลักลอบเก็บดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด

“ขอกำชับไปยังทุกจังหวัด อำเภอ ให้หมั่นออกตรวจตราเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน พร้อมเน้นย้ำผู้ประกอบการ ร้านค้า สถานที่จำหน่าย จัดเก็บดอกไม้เพลิง ให้ตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และระมัดระวังไม่ให้ประทัด หรือดอกไม้เพลิง อยู่ใกล้กับแหล่งกำเนิดไฟ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระเบิดขึ้นได้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามแนวทางการควบคุม วิธีปฏิบัติการจำหน่ายอย่างเคร่งครัด” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเน้นย้ำ

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยกันสอดส่องดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และตรวจสอบจุดเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดภัยต่อพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะการดำเนินการ หรือประกอบการใดที่ผิดกฎหมายในพื้นที่ชุมชน/หมู่บ้านทุกแห่ง รวมถึงการแจ้งประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หากผู้ใดพบเบาะแสหรือสถานที่ต้องสงสัยที่เสี่ยงต่อการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเก็บพลุ ดอกไม้เพลิง หรือวัตถุอันตราย ที่อาจก่อให้เกิดระเบิด โดยอยู่ในพื้นที่ของชุมชน หรืออาจไม่มีใบอนุญาตประกอบการดังกล่าว ขอให้แจ้งมายังที่ทำการปกครองจังหวัด ที่ทำการปกครองอำเภอ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ หรือโทรสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]

ภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์

กทม. 15 ส.ค.-“ทบ.-ทภ.2” ยืนยันภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์ คาดฝ่ายกัมพูชาทำคอนเทนต์สร้างกระแส ให้เห็นว่าไม่ยอมฝ่ายไทย เตรียมประท้วงขัดข้อตกลง “จีบีซี” แม่ทัพภาค 2 ยันทุกอย่างอยู่ที่เดิม เมื่อวันที่ 15 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีคลิปทหารกัมพูชาอ้างถึงการรื้อลวดหนามหีบเพลงใกล้ฐานปฏิบัติการซำแต ใกล้ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ว่า อาจจะเป็นการทำภาพวิดีโอ เพื่อนำเสนอให้คนกัมพูชาเห็นการปฏิบัติการตอบโต้ไทยตามแนวชายแดน แต่หลายอย่างไม่ได้ตรงกับพื้นที่จริง อาจจะเป็นเรื่องของการใช้กราฟิกในเรื่องของสีธง ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ตรงนั้น มุ่งหวังสร้างขวัญกำลังใจกับฝ่ายกัมพูชามากกว่า เพื่อแสดงท่าทีว่าได้ทำอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลวดหนาม หรือธง ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดน เมื่อดูจากสภาพแวดล้อม ไม่ใช่พื้นที่ที่มีการอ้างถึง “อาจจะมาทำเป็นลักษณะของการทำคอนเทนต์ ให้คนกัมพูชาเห็นว่ามีปฏิกิริยาที่ไม่เอารั้วลวดหนาม ไม่ใช่ภาพที่อยู่ในพื้นที่ของประเทศไทย ยืนยันไม่ใช่ภาพจริงที่เขาอ้างถึง ส่วนการละเมิดข้อตกลงจีบีซี ในเรื่องการบิดเบือนข่าวสารนั้น เราก็คงต้องประท้วงและแสดงให้เห็นว่าไม่ควรเกิดขึ้น” พล.ต.วินธัย ระบุ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกชี้แจงกรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ภาพอ้างว่าเป็นการรื้อถอนลวดหนามในพื้นที่จุ๊บตะโมก บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่ประจำปราสาทตาเมือนธม ยืนยันว่าไม่ปรากฏเหตุการณ์หรือการปฏิบัติใดๆ ของทหารกัมพูชาตามที่มีการกล่าวอ้าง ทั้งนี้ […]

เร่งแกะรอยวงจรปิดเส้นทางหนีโจรชิงทอง 163 บาท

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ตำรวจเร่งแกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้ายสวมชุดไรเดอร์บุกเดี่ยวชิงทอง ร้านทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทองคำ 163 บาท มูลค่ากว่า 8.6 ล้านบาท เช้าวันนี้ (15 ส.ค.) ทีมสืบสวน สภ.บางบ่อ ประชุมชุดและไล่ดูกล้องวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนี บนถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) มุ่งหน้า จ.ชลบุรี เน้นจุดเสี่ยงตลอดแนวถนนเทพรัตน รวมถึงเส้นทางรองที่เชื่อมต่อออกพื้นที่ โดยวางแนวทางสอบสวนที่จะนำไปสู่การพิสูจน์ตัวผู้ก่อเหตุ โดยเฉพาะประเด็นชุดไรเดอร์ที่สวมใส่ขณะก่อเหตุ พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ได้เชิญพยานแวดล้อม พนักงานร้านทอง สอบปากคำอย่างละเอียด ขอเวลาตำรวจทำงาน พร้อมกำชับหากพบตัวคนร้ายให้ใช้ยุทธวิธีจากเบาไปหาหนักด้วยความรอบคอบ เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืน.-สำนักข่าวไทย

กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด

ก.ต่างประเทศ 15 ส.ค.-กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด เผย 1 เดือน ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดแล้ว 5 ครั้ง มีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเป็นทุ่นใหม่ ไม่ใช่มรดกสงคราม ย้ำไทยมุ่งใช้กลไกทวิภาคี แก้ปมชายแดน จี้หยุดบิดเบือนเฟกนิวส์ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงหลังการบรรยายสรุปแก่คณะทูต องค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านทุ่นระเบิดว่า การบรรยายสรุปในวันนี้ (15 ส.ค.) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ข้อเท็จจริงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้พหารไทยหลายท่านได้รับบาดเจ็บถึงขั้นทุพพลภาพถาวร และสร้างความเสี่ยงต่อชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน และเพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทยในเรื่องนี้ โดยได้เชิญคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ อนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งผู้แทนองค์การระหว่างประเทศและองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเข้าร่วม โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟัง 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การ นายนิกรเดช กล่าวว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้กล่าวเปิดผ่านวิดีโอคลิป เนื่องจากขณะนี้ท่านติดการกิจอยู่ระหวางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC) ที่เมืองอันหนิง ประเทศจีน ซึ่งประเทศไทยทำหน้าที่ประธานการประชุมร่วมกับจีน หลังจากนั้นเป็นการบรรยายของนายรัศม์ […]