เส้นทาง “ทักษิณ” กลับไทย จากดอนเมืองสู่เรือนจำ

กรุงเทพฯ 26 ก.ค. – แทบจะชัดเจนแล้วว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับไทยในวันที่ 10 ส.ค.นี้ หลังหนีไปอยู่ต่างประเทศนานถึง 15 ปี หลายคนจับตาว่า กลับมาแล้วจะต้องได้รับโทษหรือไม่ และ “ทักษิณ” จะกลับมาในลักษณะใด


การเดินทางออกนอกประเทศของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 นายทักษิณ ออกจากไทยไปอยู่ต่างประเทศ ก่อนเดินทางกลับไทยอีกครั้ง เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 โดยในวันนั้น เวลา 09.45 น. เครื่องบินของสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 603 เดินทางจากฮ่องกง แตะรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิ ประชาชนคนรักทักษิณแห่มารอต้อนรับ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องวางกำลังตำรวจ และหน่วยอรินทราช ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ดูแลความสงบในพื้นที่ และตามจุดต่างๆ

ส่วนนายทักษิณ ใช้เวลาพูดคุยกับครอบครัวในห้องวีไอพี ประมาณ 10 นาที ก่อนออกมาจากห้องรับรอง ทักทายคนที่มารอต้อนรับ ก่อนก้มกราบแผ่นดิน เรียกน้ำตาจากคนที่รักและศรัทธา จากนั้นได้เข้ามอบตัวที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามหมายจับในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ รวมถึงไปมอบตัวคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสทฯ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งคดีแรก นายทักษิณ วางหลักทรัพย์ 8 ล้านบาท ประกันตัวออกมา ส่วนคดีที่ 2 วางหลักทรัพย์ 1 ล้านบาท


ภายหลังประกันตัวออกมา นายทักษิณ เปิดใจว่า “ผมจำเป็นต้องมาพิสูจน์และรักษาชื่อเสียงของผมที่ถูกทำลายอย่างไม่เป็นธรรม และการกลับมาวันนี้ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับการเมือง”

แต่เพียง 5 เดือน คือ วันที่ 31 กรกฎาคม 2551 นายทักษิณ ได้เดินทางออกนอกประเทศ โดยขออนุญาตจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไปดูกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ที่ปักกิ่ง และบอกว่าจะกลับมาในวันที่ 11 สิงหาคม 2561 แต่สุดท้าย นายทักษิณไม่ได้กลับมาเหยียบแผ่นดินไทยอีกเลย

หลังจากนายทักษิณไปอยู่ต่างประเทศ ได้พยายามเคลื่อนไหวผ่านโซเชียล โดยเฉพาะในระยะหลัง นอกจากพูดเรื่องการเมือง ยังพูดบ่อยมากว่าจะกลับไทย โดยมีการระบุวันแน่ชัดว่าจะเป็นวันเกิด ก็คือวันนี้ (26 ก.ค.66) ทำให้เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 ถึงขั้นมีเอกสารหลุด กองบัญชาการตำรวจนครบาล 2 ประชุมเตรียมความพร้อมรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ โดยระเบียบวาระที่น่าสนใจ คือ ระเบียบวาระที่ 2.2 ขั้นตอนการดำเนินการตามกฎหมาย กรณีมีผู้ต้องหาตามหมายจำคุกเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยเครื่องบินโดยสาร ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง หรือสุวรรณภูมิ


ระเบียบวาระที่ 3 เป็นการพิจารณากำหนดเส้นทางการเดินทาง ซึ่งในวันที่ 12 กรกฎาคม วางแผนไว้ 4 เส้นทาง แยกเป็นเส้นทางลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ และเส้นทางลงเครื่องที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งระเบียบวาระนี้ หากนำมาเทียบกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 10 สิงหาคม อาจต้องตัดเส้นทางสนามบินสุวรรณภูมิทิ้งทั้งหมด เพราะ น.ส.แพทองธาร ได้โพสต์บอกว่า พ่อจะลงเครื่องที่สนามบินดอนเมือง ทำให้เส้นทางที่คาดการณ์ว่าจะใช้ในวันดังกล่าว และการวางกำลังรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร เหลือเพียง 2 เส้นทาง

เส้นทางแรก คือ จากสนามบินดอนเมือง จะมีเจ้าหน้าที่มารอรับ และพาไปศาลฎีกาฯ ก่อนส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

เส้นทางที่ 2 คือ ลงเครื่องที่สนามบินดอนเมือง เจ้าหน้าที่มารอรับที่สนามบิน จากนั้นพาไป บช.ปส. (สถานที่ควบคุมพิเศษ) ก่อนไปส่งศาลฎีกาฯ

ตามแผนดังกล่าว ทำให้หลายคนคาดการณ์ว่า นายทักษิณกลับไทย จะต้องกลับมาในฐานะนักโทษชายทักษิณ มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไปรอรับ เพื่ออายัดตัวตั้งแต่ด่านตรวจคนเข้าเมือง และควบคุมตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หรือส่งศาล และได้มีการเตรียมสถานที่ควบคุมพิเศษ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับสโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีรังสิต เป็นสถานที่ควบคุมตัวนายทักษิณ เป็นการชั่วคราว ระหว่างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งนายทักษิณ มีคดีติดตัวอยู่ 4 คดี โทษจำคุกรวม 12 ปี แต่ในจำนวนนี้มี 1 คดีที่ขาดอายุความไปแล้ว คือ คดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ 33 ไร่ 78 ตารางวาราคา 772 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2551 โดยศาลฎีกาฯ อ่านคำพิพากษาลับหลัง จำคุกนายทักษิณ 2 ปี แต่เนื่องจากคดีมีอายุความ 10 ปี ทำให้ขณะนี้คดีขาดอายุความ

ส่วนที่เหลืออีก 3 คดี คดีแรก คดีหวยบนดิน หรือคดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุกนายทักษิณ 2 ปี ไม่รอลงอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คดีที่ 2 คดีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) อนุมัติเงินกู้สินเชื่อ 4,000 ล้านบาท โทษจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา และคดีที่ 3 คดีให้บุคคลอื่น (นอมินี) ถือหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แทน ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยันพร้อมรับ “ทักษิณ” เข้าคุกตามคำสั่งศาล

ด้านนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงขั้นตอนการรับตัวนายทักษิณ โดยยืนยันว่า กรมราชทัณฑ์ มีหน้าที่รับผิดชอบในการคุมตัวผู้ต้องขังตามคำสั่งศาล ซึ่งในส่วนของนายทักษิณ ยังไม่ได้รับการติดต่อจากหน่วยงานใด แต่ขั้นตอนการรับตัวตั้งแต่ลงเครื่อง ตำรวจจะนำตัวไปส่งศาล และเมื่อศาลมีคำสั่งจำคุก เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ประจำอยู่ที่ศาลจะรับตัวนายทักษิณ เข้าสู่การควบคุม

ส่วนกระบวนการรับตัวผู้ต้องขังเข้าเรือนจำตามมาตรการ จะเริ่มตั้งแต่สอบทำทะเบียนประวัติ ตรวจร่างกาย โดยทุกเรือนจำยังต้องมีมาตรการคัดกรองโควิด กักตัวไว้ที่สถานพยาบาลของเรือนจำก่อนเป็นเวลา 10 วัน แต่กรณีผู้ต้องขังเจ็บป่วย สามารถออกไปควบคุมอยู่ที่โรงพยาบาลได้. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]