fbpx

ติง กก.อย่าเอาปม ม.272 ทำเรื่องโหวตนายกฯ พัง

พรรคเพื่อไทย 17 ก.ค.- “ภูมิธรรม” พูดชัด 8 พรรค ต้องหาข้อสรุปจะโหวต “พิธา” กี่รอบ ชี้แก้ ม.272 ไม่ใช่ทางแก้ปัญหา ไม่ใช่วาระสำคัญที่จะทำตอนนี้ ไม่ควรเอามาทำให้เรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ได้รับการพิจารณา  


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่กังวลและไม่คิดว่าเป็นกระแสตีกลับ แต่จริงๆ ตนไม่ได้อยากจะออกมาพูด เพราะการเจรจาทั้ง 2 พรรคยังไม่ได้ข้อยุติ แม้ในที่ประชุมครั้งก่อนเราก็เห็นตรงกันในเรื่องหลักๆ แต่อาจจะแตกต่างกันในเรื่องรายละเอียด โดยในที่ประชุมพรรคก้าวไกลได้เสนอมา 2 เรื่อง คือ การแก้ไขมาตรา 272 ปิดสวิตช์ ส.ว. และอีกเรื่องคือการจะฝ่าด่านการจัดตั้งรัฐบาลไปได้อย่างไร พรรคเพื่อไทยได้เสนอไปอย่างชัดเจนว่าการแก้ไขมาตรา 272 มีความเห็นด้วยอยู่แล้ว เพราะเพื่อไทยก็เคยเสนอต่อที่ประชุมสภาฯ มาแล้ว 2 ครั้ง ทั้งที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลก็งดออกเสียงด้วยซ้ำไป ไม่ได้สนับสนุนญัตติของเรา ตอนนี้เราเห็นว่าวาระนั้นไม่ใช่วาระสำคัญในขณะนี้ แม้จะทำคู่ขนานกันไปก็ไม่มีอะไรขัดข้อง แต่สิ่งที่สำคัญวันนี้คือการที่จะผ่านไปได้อย่างไร เพราะการโหวตนายกฯ ครั้งแรกได้จบลงแล้ว นายพิธาได้ 312 เสียง ขณะที่ได้เสียง ส.ว. แค่ 13 เสียง

“ก่อนหน้านี้เราเคยถามว่าสามารถหาเสียง ส.ว. ได้เท่าไร เพื่อจะหาแนวทางช่วยกันอย่างไรให้เป็นรูปธรรม แต่สิ่งที่เราได้รับคือการที่แกนนำต่างๆ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าร้อยเสียงได้แล้วบ้าง ได้เกิน 64 เสียงบ้าง หรือได้เกิน 70 เสียงไปแล้วบ้าง เราถามนายพิธาก็บอกว่ามั่นใจ จะเดินหน้าต่อไปได้อย่างสบาย เมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้เราก็ไว้วางใจ เชื่อมั่นในพรรคก้าวไกล เราก็ร่วมโหวตอย่างเต็มที่ ไม่มีแตกแถวทั้ง 141 เสียง แต่พอผลออกมา ส.ว. เพียงแค่ 13 เสียง ทำให้เราคิดว่าความเป็นจริงในการเดินหน้าจะทำได้อย่างไร เพราะคงไม่ใช่การโหวตเดิมๆ ไปเรื่อยๆ อย่างนี้ เพราะสิ่งที่ได้ยินมาคือการที่สมาชิกวุฒิสภาจะเสนอต่อที่ประชุมเรื่องหากเสนอชื่อนายพิธาอีกครั้ง ถือว่าเป็นญัตติหรือเป็นญัตติที่ถูกตีตกไป ตรงนี้เราห่วงใย หากเขาได้ข้อสรุปว่าเป็นญัตติที่ตกไป เราก็ต้องมาดูว่าในที่ประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลที่จะสร้างระบบประชาธิปไตยขึ้นมานั้นจะทำหน้าที่ได้อย่างไร” นายภูมิธรรม กล่าว


นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากจะเสนอนายพิธา 141 เสียง ก็ยืนยันจะสนับสนุน แต่ขอมีเงื่อนไขว่าครั้งที่แล้วได้มา 13 เสียง แล้วโอกาสชนะมันไม่มี ครั้งต่อไปจะมีโอกาสหรือไม่จะทำอย่างไร ถ้าเกิดครั้งที่แล้วได้เสียงออกมาใกล้เคียง เราไม่มีปัญหา แถมจะช่วยหาเสียงเพิ่มให้อีก แต่เมื่อออกมาเพียง 13 เสียงของ ส.ว. มันห่างไกลจากความเป็นจริงมาก เพราะฉะนั้นประเด็นนี้ต้องมาคุยกัน ถ้าจะให้สนับสนุนนายพิธาต่อไป ต้องตอบได้ว่าเราจะต่อสู้กันไปเท่าไรจึงจะยุติ จนสุดความสามารถ และเราเห็นว่าการแก้ไขมาตรา 272 ไม่ใช่วาระปัจจุบัน ไม่ใช่วาระสำคัญและไม่ควรเอามาเปลี่ยนเพื่อทำให้เรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ได้รับการพิจารณา ตนได้เรียนในที่ประชุมไปแล้วว่ามาตรา 272 เป็นการเสนอที่ไม่เห็นความสำเร็จ เพราะต้องได้เสียงในรัฐสภา ซึ่งก็ยากอยู่แล้ว ขนาดชื่อนายพิธาเองยังไม่ผ่าน ที่ผ่านมาก็เคยโหวตกันไปแล้ว 6-7 ครั้งก็ยังไม่ผ่าน ยังมีเงื่อนไขที่ต้องได้เสียง 1 ใน 3 ของ ส.ว. ประมาณ 84 เสียง ขนาดเลือกนายกรัฐมนตรี 64 เสียง ยังไม่ได้ 84 เสียง ก็ต้องพูดให้ชัดเจนว่าจะหามาอย่างไร และต้องมีฝ่ายค้านอีก 20% ขณะนี้ยังไม่มีรัฐบาลเลย

“เมื่อเสนอญัตตินี้ขึ้นมาจะหาทางออกได้อย่างไร ตนบอกว่าเป็นเพียงการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์เท่านั้น ไม่ใช่อิงวาระประชาชน พรรคก้าวไกลควรจะต้องพิจารณาความจำเป็นที่จะต้องทำ นี่คือสิ่งที่ตกลงร่วมกัน แต่สิ่งที่เราเห็นก็คืออยู่ๆ นายพิธาออกมาและก็พูดถึงวาระของพรรคก้าวไกล โดยเปิดประเด็นใหม่คือการเอามาตรา 272 มาเป็นสมรภูมิอีกอันหนึ่ง เราก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะการเปิดสมรภูมิใหม่ของพรรคก้าวไกลเป็นการเสนอประเด็นใหม่อยู่นอกเหนือ MOU ซึ่งเราไม่ได้พูดเรื่องนี้ และเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วบอกว่าเราจะสู้กับสมรภูมิจนกว่าจะประสบความสำเร็จจนไม่สามารถไปได้แล้ว ถึงจะมอบอำนาจต่อไปให้กับพรรคอันดับ 2 ฟังดูดี แต่ถ้ามองดูอาจจะทำให้เกิดความลำบากมากขึ้น เพราะไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจน เพราะในที่ประชุมระหว่าง 2 พรรคเพื่อไทยได้ให้ความเห็นไปแล้วว่า 272 ก็เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ มันไม่ได้รับชัยชนะ แต่การรีบตั้งรัฐบาลให้สำเร็จเราสามารถทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องแก้ทั้งระบบ สิ่งที่จะต้องแก้จะทำอย่างไรต้องมาดู เราบอกแล้วสิ่งแรกเมื่อเป็นรัฐบาลคือการลงมติให้ไปทำประชามติเพื่อเลือกตั้งสสร.เอามาแก้ปัญหาทันที

“การที่นายพิธาเสนออย่างนี้ก็เหมือนการมัดมือชกเรา ตนจึงจำเป็นต้องออกมาพูดความจำเป็นและความเป็นจริงให้ทราบ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ความขัดแย้ง การโกรธกันหรือไม่คุยกันหรือไม่มองหน้ากัน ยังไงก็ตามวันนี้ที่จะพบกันทั้ง 8 พรรค หรือ 2 พรรคก่อนหน้านั้น เราก็จะเสนอความเห็นที่เรามีอย่างตรงไปตรงมาทั้งหมดและเราจะคุยกัน เราจะเสนอว่าวาระประเทศหรือวาระของประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่วาระของพรรคก้าวไกล และก็ไม่ใช่วาระของคุณพิธา วันนี้จะทำอย่างไรให้ประเทศเดินหน้าได้ ให้ปัญหาของประชาชนเดินหน้าได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราเห็นคือภาคธุรกิจมีความจำเป็นที่อยากได้รัฐบาลที่ชัดเจน ภาคท่องเที่ยวบอกว่า high season เป็นโอกาสของการนำเงินเข้าประเทศ แต่ถ้ารัฐบาลไม่ชัดเจนมันมีปัญหา ถึงขั้นเสนอว่ารัฐบาลจะประกอบไปด้วยอะไรก็ได้แต่ขอให้เกิดความชัดเจนว่านโยบายจะเป็นอย่างไรและมีอำนาจเต็มในการที่จะดำเนินการเรื่องต่างๆ ให้สำเร็จ ” นายภูมิธรรม กล่าว


นายภูมิธรรม กล่าวว่า เห็นนายพิธาพูดตบท้าย เวลานี้อนาคตของพรรคก้าวไกลและอนาคตของประชาชนอยู่ในมือของประชาชนแล้ว อย่าเอาประชาชนเป็นตัวประกัน แต่วันนี้ประเทศชาติและประชาชนอยู่ในมือของพรรคก้าวไกล และมือของนายพิธาแล้ว ขอให้หยิบเอาเป็นที่ตั้งตัดสินใจ ถ้าตัดสินใจครั้งนี้ผิดพลาดปัญหาประชาชนจะลำบากจะต้องอยู่กับ “ลุงตู่” ไปอีกนาน โดยการรักษาการไปเรื่อยๆ ถ้าวันนี้ตัดสินใจได้ถูกต้องชัดเจนปัญหาประเทศจะคลี่คลายนี่คือสิ่งที่ตนฝากให้พรรคก้าวไกลเอาไปคิด

“สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือถ้าหากเขายินดีจะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเราจะสู้เขาไม่ได้ เพราะเขามี 188 บวกกับ ส.ว. อีก 250 ก็ตั้งรัฐบาลได้ เราก็ต้องอยู่กับลุงไปอีก 4 ปี ลุงไหนก็แล้วแต่ ถามว่าประชาชนยินดีหรือไม่ หากไม่ยินดีก็ต้องมาหาทางออกเพื่อแก้ปัญหา นี่จะเป็นประเด็นหลักในการหารือระหว่างแกนนำของพรรค และจะใช้ประเด็นนี้ไปพูดคุยกับพรรคก้าวไกล พร้อมจะคุยเพื่อหาทางออกร่วมกัน”นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่าจะเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยขึ้นมาแทนด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีแผนสำรอง แผนแรกแผนเดียวคือการจับมือกับ 8 พรรคร่วม เดินหน้าไปให้ถึงที่สุด และมีคำตอบที่ชัดเจนไม่ปล่อยให้มีการเลือกไปเรื่อยๆ โดยที่ประเทศไม่รู้ว่าทางออกจะเป็นอย่างไร เรารอไปถึงต้นปีหน้าไม่ได้ เพราะปัญหาประเทศวันนี้รุนแรงมาก ไม่ต้องห่วงเรื่องแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย ก็มีอยู่แล้ว 3 คน ถ้าวันไหนชัดเจนว่าจะให้เพื่อไทย เราก็เสนอได้ ไม่ใช่วาระที่เราจะทำเรื่องนี้ก่อน เราอยากให้ 8 พรรคร่วมเสนอนายพิธาให้สำเร็จ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของพรรคก้าวไกลว่าจะทำให้สำเร็จอย่างนี้ได้อย่างไร ไม่ได้จะมีวิธีไหนที่ 8 พรรคร่วม จะดำเนินการให้เกิดชัยชนะต่อไป

เมื่อถามย้ำว่าหากวันที่ 19 ก.ค. ไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธาซ้ำได้ จะพร้อมเสนอชื่อ แคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทยเลยหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ถ้าเสนอไม่ได้ก็ต้องมาหารือกันอีกครั้งว่าจะเดินหน้าอย่างไร แต่เราอาจจะต้องเลื่อนไป เพราะหนึ่งเราอาจจะเสนอได้เลยหรือ 2 อาจจะต้องใช้เวลาในการหารือร่วมกันเพื่อทำความเข้าใจก็ขึ้นอยู่กับการหารือกันทั้ง 8 พรรค อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องเป็นห่วง เรารู้อยู่แล้วว่าแคนดิเดตของเราอย่างไร และเรามีอำนาจที่จะดำเนินการได้อยู่แล้ว แต่ถ้าตนบอกว่ายังไม่ได้คิดเลยหรือพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้คิดเลยมันก็โกหก เราคิดทางออกแต่เรายังพูดไม่ได้เพราะเราอยากให้ชัดเจนว่า กำลังมุ่งหน้าเดินหน้าสนับสนุน 8 พรรค และนายพิธาให้ประสบความสำเร็จ สิ่งที่เราคิดเราเก็บไว้จนถึงเวลาที่มีความจำเป็นที่จะเสนอ ถ้าเราเสนอวันนี้จะกลายเป็นว่าเราพูดอย่างและเราเตรียมตัวอีกอย่าง เราจะไม่เสนอให้ประเด็นมันเปลี่ยนแปลงไป

ส่วนใครจะเป็นอันดับ 1 นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องดูสถานการณ์ว่าสถานการณ์อย่างนี้เรามีแคนดิเดต 3 คน นายชัยเกษม นิติศิริ มีความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน เสียงสนับสนุนจากข้าราชการมาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นคนที่มีศักยภาพสาธารณชนยอมรับพอสมควร นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นคนมีความสามารถประสบความสำเร็จในภาคธุรกิจ ศักยภาพที่จะมาแก้วิกฤติได้ แต่ทั้ง 3 คน ก็ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว พรรคเพื่อไทยไม่ได้หนักใจเรื่องนี้ ขอให้สบายใจได้ว่าถ้าเกิดถึงเวลาที่ต้องมีการเสนอ พรรคเพื่อไทยมีคนที่จะทำงานได้อย่างแน่นอน แต่ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้กับทั้ง 3 คน เพราะต้องการที่จะทำเรื่องให้ 8 พรรคร่วม และนายพิธา เป็นเรื่องหลักสำคัญ ให้มันผ่านไปได้ก่อน

ส่วนที่ ส.ว. ระบุว่าแม้จะเป็นพรรคเพื่อไทย แต่หากยังมีพรรคก้าวไกลร่วมอยู่ก็จะไม่โหวตให้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นปัจจัยที่ต้องเอามาคิดอีกปัจจัยหนึ่งแต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการหารือ 8 พรรค เราเป็นข้าวต้มมัดต้องไปด้วยกันคิดด้วยกัน แต่สิ่งที่เราเห็นพรรคก้าวไกลแสดงออกมาและตนจำเป็นต้องออกมาพูด เพราะกำลังเสนอสิ่งที่เกินเลยไปจากสิ่งที่ได้คุยกัน เรารอว่าแต่ละพรรคจะกลับไปคุยกันอย่างไร แต่พรรคก้าวไกลชิงเสนอสิ่งที่ตัวเองคิด โดยไม่ได้สร้างความชัดเจนว่าเป็นความคิดใคร สิ่งที่เราเสนอนั่นคือความคิดของพรรคก้าวไกลไม่ใช่ความคิดของ 8 พรรคร่วม นี่ไม่ใช่ดราม่าพระเอกนางเอกจะจูบกันแบบในละคร นี่คือชีวิตจริงเป็นปัญหาของประเทศและประชาชน

“อย่าเดาใจพรรคเพื่อไทย แต่สิ่งสำคัญที่เราแสดงออกมาโดยตลอด เรามุ่งหวังที่จะให้ความต้องการของประชาชนประสบความสำเร็จ สิ่งที่เราพิสูจน์ไปแล้วคือการที่เราเป็นพรรคอันดับ 2 ซึ่งประเพณีการปกครองที่ผ่านมา พรรคอันดับ 2 รอการจัดการของพรรคอันดับ 1 ไม่ได้ การที่พรรคเพื่อไทยยอมทิ้งโอกาสของตัวเอง จะเข้ามาร่วมกับพรรคอันดับ 2 เพื่อจะจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยให้แข็งแรง นั่นเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนแล้วว่าเราไม่ได้หวังเข้าสู่อำนาจเราหวังจะเห็นความต้องการของประชาชนให้เป็นความสำเร็จ ฉะนั้นจะดราม่าอย่างไรก็ไม่เป็นไรเพราะอยากให้เห็นความจริง วันนี้เราต้องการความสามัคคีให้คนที่คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยช่วยกันทำให้เกิดความสำเร็จ ไม่ใช่ไปอิงอยู่กับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรืออิงอยู่กับความคิดใดความคิดหนึ่ง” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า สิ่งที่ตนพูดอาจจะเกิดความไม่สบายใจกับใครก็ตาม อาจจะมีรถทัวร์ลงก็ได้ แต่เรายืนอยู่บนความเป็นจริง อยากเห็นความเป็นจริง ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหา เราไม่อยากเห็นความเชื่อทำให้เกิดเป็นความจริง แต่อยากเห็นความจริงเอามาคลี่คลาย และทำให้ความเชื่อความฝันนั้นประสบความสำเร็จ ตนนี้อยากฝากให้คนคิด

ส่วนกระแสข่าวว่าฟังผู้ว่ารัฐบาลเดิมมีการเรียก ส.ส. จากพรรคเพื่อไทย และก้าวไกล บางคนเข้าไปพบ เพื่อเจรจาดีลลับแจกกล้วย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้ยินเรื่องนี้ เป็นข่าวลือไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าความเป็นจริงเป็นเช่นไร หากเป็นจริงมันเสียหาย สิ่งที่สำคัญคือการกลับไปตรวจสอบคนของตัวเอง เพราะประวัติศาสตร์การเมืองไทยเรื่องการแจกกล้วยก็ดี งูเห่าก็ดีมันเกิดขึ้นแล้ว เราจึงเสนอเพื่อให้เกิดความระมัดระวัง ไม่ได้เสนอไปตามข่าวลือหรือเอาเรื่องนี้มาโจมตีกัน ต้องให้เกียรติ ทั้ง 2 พรรคมีเกียรติยศ ศักดิ์ศรีในคำมั่นที่ได้เคยให้ไว้กับประชาชน

“เมื่อมีข่าวลือเราก็ต้องมาคุยกัน ในส่วนเพื่อไทยเราก็ได้พูดคุยกันในหมู่แกนนำในแต่ละภาค ว่าให้ลองไปพูดคุยดูว่ามีเรื่องเหล่านี้หรือไม่ เพื่อที่ต้องแก้ไขกันอย่างไร เรายังไม่ได้คิดไกลไปว่าจะเป็นกลุ่มภาคไหน เราให้เกียรติสมาชิกผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย เราจะต้องหาทางป้องกันมากกว่า มากกว่าที่จะไปเชื่อหรือไปดูหมิ่นลดค่าคนของพรรคเพื่อไทย เราเชื่อมั่นในคนของพรรคเพื่อไทยว่ามีสติปัญญามีจิตใจมุ่งมั่น พรรคเพื่อไทยอยู่บ่ได้ถึง 20 กว่าปี พิสูจน์ได้ว่าเรามุ่งมั่นจะทำในสิ่งที่เราให้ไว้กับประชาชน” นายภูมิธรรม กล่าว.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เศร้ารับวันแรงงาน! โรงงานประกาศปิดกิจการกะทันหัน

พนักงานโรงงานผลิตกระจกเก่าแก่ใน อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ยื่นคำร้องต่อสำนักงานสวัสดิการฯ จ.สมุทรปราการ ให้นายจ้างจ่ายชดเชยตามกฎหมาย หลังโรงงานติดประกาศปิดกิจการและเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด

“อธิบดีกรมโรงงาน” ลาออกแล้ว ไม่รอเกษียณ 30 ก.ย.นี้

“จุลพงษ์ ทวีศรี” อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ยื่นหนังสือลาออก ไม่รอเกษียณ 30 ก.ย.นี้ เจ้าตัวเผยน่าจะมีความเหมาะสมที่สุดแล้ว ผู้บริหารจะได้หาคนใหม่มาปฏิบัติหน้าที่แทน

ข่าวแนะนำ

“พิมพ์ภัทรา” ขอโทษชาว อ.ภาชี เหตุสารเคมีรั่ว-ไฟไหม้

รมว.อุตสาหกรรม ขอโทษชาว อ.ภาชี เหตุสารเคมีรั่วไหลและไฟไหม้ รับปากจะเร่งกำจัดสารเคมีโดยเร็วที่สุด พร้อมบูรณาการความร่วมมือฝ่ายปกครองและความมั่นคง เฝ้าระวังเข้มงวด หวั่นผู้ก่อเหตุใช้ “ภาชีโมเดล” เป็นต้นแบบเผาทำลายหลักฐาน

เร่งสอบหลวงตาลองของขลัง ราดน้ำกรดใส่มือเด็ก เจ็บ 5 คน

ตำรวจและคณะสงฆ์เร่งสอบข้อเท็จจริงหลวงตาลองของ ให้เด็กกำพระผงราดน้ำกรด ทดสอบความขลัง บาดเจ็บ 5 คน เด็กบอกกำพระแน่น แต่ปวดแสบปวดร้อน

รัฐมนตรีใหม่เข้าทำเนียบฯ ตรวจ RT-PCR

รัฐมนตรีใหม่ทยอยเข้าทำเนียบฯ ตรวจ RT-PCR เตรียมความพร้อมก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณพรุ่งนี้ ด้าน “พิชัย” ปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อ บอกไม่จำเป็นต้องดูห้องทำงานรองนายกฯ บนตึกบัญชาการ เพราะคุ้นเคยอยู่แล้ว

อากาศร้อนจัด “รางรถไฟโก่งคด” ช่วงร่อนพิบูลย์ 

การรถไฟฯ ชี้แจงเหตุรางรถไฟระหว่างสถานีร่อนพิบูลย์ – สถานีชุมทางเขาชุมทองมีลักษณะคดงอ เกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด สามารถแก้ไขและเดินขบวนรถได้ตามปกติ