รัฐสภา 13 ก.ค. – สมาชิกรัฐสภาห่วงปมแก้ ม.112-เปลี่ยนวันชาติ ย้ำไม่สนับสนุน “พิธา”-ปชป.ประกาศพร้อมนำ ส.ส. ต่อต้าน-คำนูณ ย้ำชัดแก้ ม.112 กระทบความมั่นคงของรัฐ ชี้เจตนานิรโทษกรรมผู้ต้องหาคดี ม.112
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมรัฐสภา วาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงที่เปิดให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายซักถามนั้น ตัวแทนของ ส.ส. ฝั่ง 10 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม และ ส.ว. ลุกอภิปรายคัดค้านการโหวตนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากกังวลต่อประเด็นการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งตามร่างของพรรคก้าวไกล สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันเบื้องสูง รวมถึงการแสดงแนวคิดเปลี่ยนวันชาติที่ทำให้เป็นประเด็นไม่อาจสนับสนุนนายพิธาได้
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. อภิปรายถึงนโยบายการแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ว่ารับไม่ได้ เพราะตามแนวทางของพรรคก้าวไกลละเมิดต่อรัฐ ต่อความมั่นคง โดยเฉพาะการลโทษอย่างมีเงื่อนไขต่อบุคคลที่ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 3 แสนบาท และมีบทยกเว้นโทษที่ถือว่าไม่ต้องรับโทษข้อเสนอแก้ไขกฎหมายของพรรคก้าวไกล ไม่จำกัดแค่สถานะที่องค์พระมหากษัตริย์จะละเมิดไม่ได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการใส่ร้าย การวิจารณ์ไม่เป็นธรรมบนโซเชียลมีเดีย
“สังคมใหม่ที่ท่านจะสร้างขึ้นคิดดีแล้วหรือไม่ เพราะจะกระทบต่อการเคารพของสถาบันที่บุคคลละเมิดมิได้ และเสมือนแก้รัฐธรรมนูญบทคุ้มครองฐานะขององค์พระมหากษัตริย์ รวมถึงนิรโทษกรรมจำเลยและผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ทั้งหมด เนื่องจากร่างที่เสนอต่อสภาฯ ไม่มีบทเฉพาะให้มีผลบังคับใช้ทันทีนับจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ส.ว. ได้พูดคุยเห็นตรงกัน แต่การแก้มาตรา 112 อีกยาวไกล เสนอจะผ่านหรือไม่ ตนทราบดีว่ากระบวนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ต้องใช้เวลา อย่างไรก็ดี ในกระบวนการของพรรคก้าวไกลที่เกิดขึ้นตนขอฟังคำชี้แจง ก่อนจะตัดสินใจโหวต ซึ่งการโหวตของตนคือการกระทำในรัฐสภาที่ศักดิ์สิทธิ์ แสดงสัญลักษณ์ทุกเวลา ตนไม่อาจยอมรับได้กับการเห็นด้วยหรือสนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล” นายคำนูณ อภิปราย
ขณะที่นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช อภิปรายยืนยันว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รวม 25 คน จะออกไปต่อสู้และคัดค้านต่อการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112.-สำนักข่าวไทย