“ชาดา” ลั่น 14 ล้านเลือกก้าวไกล ไม่ใช่เสียงชี้ขาดประเทศ

รัฐสภา 13 ก.ค.-เริ่มแล้ว! รัฐสภาเปิดประชุมโหวตเลือกนายกฯ คึกคัก ‘เพื่อไทย’ มาตามนัดตัวแทนชง ‘พิธา’ ด้าน ‘ปธ.วันนอร์’ ยันจะทำหน้าที่เป็นกลาง แจงกรอบเวลาอภิปราย ขณะที่ “ชาดา” ค้านเต็มแรง ลั่น 14 ล้านเสียงแค่ 20 % อย่าคิดว่ามาก ไม่ใช่เสียงชี้ขาดอนาคตประเทศ ถ้าเปลี่ยนใจไม่แก้ ม.112 “ภูมิใจไทย” พร้อมหนุน แต่ไม่ร่วมรัฐบาล


การประชุมร่วมกันของรัฐสภาที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม โดยมีวาระสำคัญที่สำคัญคือการพิจารณาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เริ่มขึ้นในเวลา 09.30น. นายวันมูหะมัดนอร์ได้แจ้งเปิดประชุม ว่า วันนี้(13 ก.ค.) ตนทำหน้าที่การประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งแรก ยืนยันว่าจะทำหน้าที่อย่างเป็นกลางให้ดีที่สุดเพื่อประโยชน์ประชาชน ประเทศชาติ เกียรติและศักดิ์ศรีของฝ่ายนิติบัญญัติ อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติหน้าที่อาจขาดตกบกพร่องบ้าง และพร้อมรับความคิดเห็นติชมของสมาชิกตลอดเวลา ซึ่งการประชุมจะมีประสิทธิภาพตามที่ประชาชนคาดหวังไว้ได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายของรัฐสภา

“กรอบเวลาอภิปรายจากที่ได้หารือกับตัวแทนวุฒิสภาและตัวแทนพรรคการเมืองทั้ง 18 พรรคการเมือง หลังเสนอชื่อบุคคลที่สมควรเป็นนายกฯแล้ว จะเปิดให้อภิปรายคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามของผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ คือ ส.ว.ได้เวลา 2 ชั่วโมง ส.ส.ได้เวลา 4 ชั่วโมง โดยจะให้อภิปรายเป็นรายพรรคการเมือง ทั้ง 18 พรรคการเมือง แบ่งเป็น 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะได้เวลาอภิปรายไม่เกิน 2 ชั่วโมง และการอภิปรายคาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนเวลา17.00น. จากนั้นจะโหวตนายกฯต่อไป” ประธานรัฐสภา กล่าว


เวลา 10.00 น. เริ่มเข้าสู่วาระการเสนอชื่อบุคคลที่สมควรเป็นนายกฯตามมาตรา272 โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ได้ลุกขึ้นเป็นตัวแทน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 โดยมีผู้รับรองถูกต้อง 302 เสียง จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ ได้เปิดให้สมาชิกแสดงตนผ่านการเสียบบัตร

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย สมาชิกรัฐสภาอภิปรายคนแรก โดยอ่านแถลงการณ์ของพรรคภูมิใจไทยซึ่งเคยเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 ย้ำจุดยืนของพรรค ไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 ซึ่งตลอดการอภิปรายของนายชาดาเป็นไปด้วยความดุเดือด ว่า แม้ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลจะลงนาม MOU ว่านโยบายที่ผลักดันจะไม่กระทบต่อหลักการปกครองของรัฐตามหลักการประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ในทางกลับกัน นายพิธาเป็นคนเดียวที่ยืนยันว่าจะแก้ไขมาตรา112 โดยจะให้ส.ส.ก้าวไกลเป็นผู้เสนอเอง ซึ่งนายพิธาได้แถลงและให้สัมภาษณ์สื่อทั้งในประเทศและสื่อต่างประเทศ

นายชาดา อภิปรายว่า นายพิธา ระบุว่าพรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียงจากประชาชน 14 ล้านคนประชาชนเข้าใจดีว่าเราชัดเจนและโปร่งใสที่ต้องการผลักดัน โดยบอกว่าต้องการรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยเจตนาดีที่ดำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องเรียนตามตรงว่า ตนเองและพรรคภูมิใจไทยไม่เชื่อ เพราะสิ่งที่ผ่านมาทำให้เราเห็นชัดเจนว่าความคิดมาตรา 112 เป็นอย่างไร จึงต้องถามไปยังอีก 7 พรรคการเมืองพที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่ามีความเห็นอย่างไร หากเกิดการขอแก้ไข ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แม้จะไม่มีอยู่ใน MOU ที่เซ็นร่วมกัน


“ท่านอ้าง 14 ล้านเสียงที่ขอให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ผมเชื่อว่าคนที่ลงคะแนนให้ท่าน 14 ล้านเสียง ไม่คิดว่าท่านกำลังแก้กฎหมายให้สถาบันไม่เป็นสถาบันหลัก ถ้าท่านอ้าง14 ล้านเสียง หลายคนอ้าง 25ล้านเสียง  แต่ในมุมมองของผม อยากฝากไปยังผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาล คนไทยไม่ได้มีแค่ 14 ล้าน ไม่ได้มีแค่ 25 ล้านเสียง ท่านต้องเป็นนายกฯ ของคน 60 ล้านคน ต้องเป็นนายกฯ ของประเทศไทย ท่านต้องไม่เป็นนายกฯ ของรัฐบาลพรรคใดพรรคหนึ่ง อันนี้สำคัญที่สุด 14 ล้านเสียง ไม่ถึง 20% อย่าคิดว่ามันมากมาย เป็นประชาชนที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเรา แต่ท่านอย่าหลงระเริง คำว่า 14เสียง มันไม่ใช่เรื่องชี้ขาดของประเทศ ผมไม่ทราบว่าพรรคก้าวไกลมองสถาบันอย่าง ท่านเป็นความหวังของคนไทยที่จะเข้ามาบริหารบ้านเมือง ท่านละเพียงเรื่องเดียว ท่านไม่ต้องไปด่า ส.ว. ท่านไม่ต้องไปด่าฝ่ายตรงข้าม ท่านได้เป็นนายกฯ แน่ ถ้าไม่มี ม.112 ท่ายยังไม่ยอมเลย ผมอยากถามว่าพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล เกิดมาเพื่อแก้ ม.112อย่างเดียวหรือครับ มันมีเรื่องที่ต้องทำ ความเดือดร้อน ดังนั้น ถ้าท่านหลุดคำนี้คำเดียว ไม่ยุ่ง มาตรา112 ภูมิใจไทยจะลงให้ท่านครับ และไม่ร่วมรัฐบาลด้วย” นายชาดา กล่าว.-สำนักข่าวไทย     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ก่อนทูลเกล้าฯ ครม.

กทม 16 ก.ย.- “อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ไหว้ศาลหลักเมือง – วัดพระแก้ว ก่อนนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ วันนี้ บอกเสร็จสิ้นภารกิจไปอีกเปราะ ขณะ “บิ๊กเล็ก” ว่าที่ รมว.กลาโหม รอรับ พลาดลื่นคะมำที่บันได นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลหลักเมือง หลังตรวจสอบรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รอต้อนรับ โดยจุดแรก นายกรัฐมนตรีได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณหอพระ ซึ่งระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปยังหอพระ พล.อ.ณัฐพล ที่เดินตามข้างหลัง ได้ลื่นล้มทั้งตัวหน้าบริเวณหน้าบันไดทางขึ้นหอพระ คาดว่าเป็นเพราะถุงเท้าทำให้ลื่น แต่ พล.อ.ณัฐพล ได้ลุกอย่างรวดเร็ว และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ร้องอุทานด้วยความตกใจ ต่อมา นายอนุทิน ได้ผูกผ้าแพร 3 สี ถัดจากนั้นได้ถวายพวงมาลัยศาลหลักเมือง และสักการะศาลเทพารักษ์ทั้ง 5 พร้อมเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด ขณะที่ประชาชนที่มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมือง ต่างตะโกนให้กำลังใจนายอนุทิน “นายกฯ สู้ๆ” ก่อนที่นายอนุทินจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณ […]

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]