รัฐสภา 12 ก.ค.-“สมชาย” ชี้ กกต.ควรยื่นตรวจสอบหุ้นสื่อ “พิธา” ตั้งนานแล้ว ย้ำไม่ใช่เกมการเมือง-นิติสงคราม มั่นใจ ส.ว.ไม่รับอามิสสินจ้างแลกมติ
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงการประชุมรัฐสภา ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) เพื่อพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรี หลัง กกต.มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติการถือครองหุ้น ITV ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่า นายพิธา ยังคงสามารถเข้าชี้แจงและแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมรัฐสภาได้ ต่างจากการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2562 ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งการตัดสินใจของ ส.ว. ในวันพรุ่งนี้ ก็จะเป็นไปตามข้อพิจารณาและวุฒิภาวะ ซึ่งการส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยของ กกต.นั้น ก็ยังจะต้องรอกระบวนการศาลรัฐธรรมนูญจนถึงสัปดาห์หน้า
ส่วนการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจะส่งผลต่อการตัดสินใจลงมติของ ส.ว.หรือไม่นั้น นายสมชาย ยอมรับว่า เป็นเรื่องปกติที่ควรดำเนินการตั้งนานแล้ว เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนตรวจสอบการถือครองหุ้นสื่อมวลชน ตั้งแต่นายพิธา ยังเป็นผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์เดียวกับที่นายธนาธร และตนเองถูกยื่น ซึ่งก็จะต้องแล้วแต่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พร้อมย้ำว่า ไม่ใช่เรื่องเกมการเมือง หรือนิติสงครามใด ๆ เนื่องจากไม่ได้มีผู้ใดนำหุ้นไปให้นายพิธาครอบครอง แต่นายพิธาครอบครองเอง เหมือนที่ตนเองเคยถือ และศาลฯ ก็มีคำวินิจฉัยไปแล้ว จึงขออย่ากังวลใด ๆ
นายสมชาย ยังกล่าวถึงคุณสมบัติที่บุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีควรมีว่า จะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต มีวิสัยทัศน์ มีความรอบรู้ และสามารถสร้างแรงบันดาลใจได้ ส่วนหลักการสำคัญในการเป็นคณะรัฐมนตรี ก็จะต้องดูแลความมั่นคงของประเทศ ซึ่งไม่ใช่ความมั่นคงทางทหาร แต่เป็นความเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เรื่องใดที่สุดโต่ง ควรลดเพดานลง หรือนโยบายพลิกฟ้า คว่ำแผ่นดิน โดยไม่ใช่เฉพาะแค่การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เท่านั้น แต่รวมไปถึงความเป็นปึกแผ่นของราชอาณาจักร การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ รวมถึงโครงสร้างการเมือง และดุลอำนาจขององค์กรอิสระ ซึ่งตนคิดว่า ส.ว.จะนำประเด็นเหล่านี้มาพิจารณาในการลงมติมากกว่า
ส่วนกรณีที่มี “2 ส.” ที่เป็นอดีตรัฐมนตรีแจกผลประโยชน์ให้กับวุฒิสภาในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น นายสมชาย ชี้แจงว่า ตนเองได้รับข้อความมา 2 วันแล้ว จากผู้ใหญ่ในแวดวงการเมือง ที่เตือนให้ระมัดระวัง จะมีขบวนการความพยายามจากพรรคก้าวไกล ซึ่งตนมั่นใจว่า นายพิธา และแกนนำพรรคไม่ได้เห็นด้วย แต่กรณีที่ ส.ว.บางคนออกมาระบุว่า ถูกทาบทามไม่ให้ลงมติให้กับนายพิธานั้น นายสมชาย ยืนยันว่า ไม่ทราบข่าวดังกล่าว และเป็นตรรกะที่ประหลาด ไม่น่าจะเป็นไปได้
นายสมชาย ยังแสดงความเชื่อมั่นต่อสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 คน ที่ทุกคนจะปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีอามิสสินจ้าง ไม่รับสินบนใด ๆ และปฏิเสธอย่างจริงจัง พร้อมยืนยันว่า ไม่มี ส.ว.แม้แต่คนเดียวที่จะไปรับผลประโยชน์เช่นนี้ เพราะหากไปรับผลประโยชน์ ก็เท่ากับการขายชาติ และสาเหตุที่ออกมาเปิดเผยขบวนการดังกล่าว ก็เพราะเชื่อว่ามีกลุ่มที่ไม่หวังดี
ส่วนการวิ่งเต้นขอคะแนนจากวุฒิสภาจะกระทบต่อภาพลักษณ์หรือไม่นั้น นายสมชาย ระบุว่า เป็นเรื่องธรรมดา เพราะพรรคการเมืองต้องการเสียงสนับสนุน ทั้งการไปพบที่บ้าน การติดต่อทางโทรศัพท์ การขอพบผ่านครอบครัว และคนสนิท หรือแม้แต่งานศพ และยังมีการใช้วิธีแบบเดิม ทั้งการใช้มวลชนกดดัน และการใช้โซเชียลมีเดีย แต่ ส.ว.ก็ยังคงทำตามหน้าที่ อดทนหนักแน่น ไม่หวั่นไหวใด ๆ และแม้จะยากลำบาก แต่ประชาชนก็มอบคะแนนเสียงและอำนาจการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีให้ ส.ว. ผ่านการลงประชามติแล้ว 15 ล้านเสียง ดังนั้น จึงไม่สามารถปิดสวิชต์ได้.-สำนักข่าวไทย