ค้านมติ กกต.รีบเร่ง ปมหุ้นสื่อ “พิธา”

รัฐสภา 12 ก.ค.-“ก้าวไกล” แถลงค้านมติ กกต.รีบเร่งผิดปกติ ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ปม “พิธา” ถือหุ้นสื่อ ย้ำไม่แจ้งข้อกล่าวหา ชี้เทียบคดีเงินกู้ยุบพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้ จี้ “กกต.-องค์กรอิสระ” อย่าลุแก่อำนาจ ยันไม่กระทบโหวตเลือกนายกฯ หวัง ส.ว.มีสติ-เป็นธรรม ระบุพรุ่งนี้เป็นโอกาสและทางแยก เชื่อครั้งนี้ประชาชนไม่ยอม

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล อ่านแถลงการณ์พรรคก้าวไกล กรณีการดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คดีการถือหุ้นไอทีวี ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ที่มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและพิจารณาสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.แล้วนั้น พรรคก้าวไกลเห็นว่า เมื่อพิจารณาระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม แล้วเห็นว่า สิ่งที่ประธาน กกต.กล่าวนั้นไม่ถูกต้อง ด้วยเหตุผลดังนี้

ข้อ 1. สำหรับคดีหุ้นไอทีวี ไม่อาจนำกรณีตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 5/2563 (คดีเงินกู้ยุบพรรคอนาคตใหม่) มาเทียบเคียงกับข้อเท็จจริงคดีนี้ได้ ด้วยเหตุผลอย่างน้อย 2 ประการ 1. ข้อเท็จจริงในคดีหุ้นไอทีวี เป็นคดีการเสนอคำร้องตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 82 ประกอบมาตรา 101 (6) และมาตรา 98 (3) มิใช่เป็นการนำบทบัญญัติมาตรา 92 และมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ข้อ 54 วรรคหนึ่ง และข้อ 55 วรรคหนึ่ง มาใช้บังคับแก่คดี จึงไม่อาจนำแนวทางการตีความของศาลรัฐธรรมนูญในคดีดังกล่าวมาใช้บังคับแก่เรื่องนี้ได้ 2. ในคดีตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว เป็นกรณีที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต. มีมติว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูล แล้วนำเสนอต่อ กกต. แต่ปรากฏว่า กกต.ไม่เห็นพ้องด้วย กรณีจึงไม่มีหน้าที่ต้องแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด

นายชัยธวัช กล่าวว่า ส่วนข้อเท็จจริงในคดีหุ้นไอทีวี ถ้าคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต. มีความเห็นว่าข้อเท็จจริงมีมูลตามคำร้อง ย่อมมีหน้าที่ต้องแจ้งข้อกล่าวหาตามข้อ 54 วรรคหนึ่ง แห่งระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 (แก้ไขเพิ่มเติม 2563) ต่อนายพิธา ให้ครบถ้วนเสียก่อนที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนจะทำรายงานการสืบสวนตามข้อ 59 แห่งระเบียบดังกล่าว เสนอต่อเลขาธิการ กกต. และ กกต. ต่อไป

ข้อ 2. ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เป็นกรณีที่ความปรากฏต่อ กกต. ให้ตรวจสอบว่า นายพิธา ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 (และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม) กำหนดกระบวนการขั้นตอนรองรับอย่างชัดเจน ตั้งแต่การยื่นคำร้อง การตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน และการวินิจฉัยของ กกต. ด้วยเหตุนี้ เมื่อ กกต.ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนดำเนินการตามระเบียบดังกล่าวมาโดยตลอด ในกรณีที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนพิจารณาแล้วเห็นว่า มีพยานหลักฐานสนับสนุนพอฟังได้ว่า นายพิธา กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ย่อมต้องดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาตามระเบียบฯ ข้อ 54 และเปิดโอกาสให้นายพิธา ชี้แจงข้อกล่าวหาตามข้อ 57 และข้อ 58 แห่งระเบียบฉบับเดียวกัน

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ด้วยเหตุนี้ การที่ กกต.จะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 82 กกต.จะต้องปฏิบัติตามระเบียบให้ครบถ้วนดังที่กล่าวไปเสียก่อน การที่ กกต.จะเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญอย่างรีบเร่ง โดยยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา และไม่เปิดโอกาสให้มีการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าเป็นเพียงการตรวจสอบข้อเท็จจริงเท่านั้น จึงไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดไว้ กรณีจึงเท่ากับว่า กกต.ปฏิบัติตามระเบียบแต่เพียงบางส่วน และจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่ตนได้ตราขึ้น อันอาจเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้

“มีการตั้งข้อสังเกตว่า ทำไม กกต.ถึงรีบเร่งดำเนินการในคดีหุ้นไอทีวีอย่างผิดปกติ ทั้งที่เรื่องหุ้นไอทีวี ก่อนหน้านี้มีข้อพิรุธและมีข้อถกเถียงอย่างกว้างขวางว่า ตกลงแล้วไอทีวียังคงดำเนินธุรกิจสื่ออยู่หรือไม่ มีการจงใจทำเอกสารการประชุมและงบการเงินไม่ตรงกับข้อเท็จจริงหรือไม่ แต่ กกต.กลับรีบประชุมติดกัน 3 วัน ทันทีที่ได้รับเรื่อง เพื่อเร่งสรุปให้ได้ว่ามีข้อมูลเพียงพอให้เชื่อได้ว่า นายพิธามีความผิดตามที่ยื่นคำร้องจริง เรื่องนี้ตนทราบมาว่า ทาง กกต.ได้เชิญผู้บริหารไอทีวีมาชี้แจงกับ กกต.แล้ว และผู้บริหารได้ให้ข้อมูลว่า ไอทีวีไม่ได้ดำเนินธุรกิจสื่อ ดังนั้น แม้ กกต.พยายามอ้างเหตุผลมากมายว่าไม่จำเป็นต้องแจ้งข้อกล่าวหากับนายพิธา เพื่อให้นายพิธามาชี้แจงก่อน แต่คำถามคือ ในขณะที่ กกต.ยังมีเวลาเชิญไอทีวีไปชี้แจง แล้ว กกต.มีเหตุผลอะไรที่รับฟังได้ว่าจะไม่ยอมเสียเวลาให้นายพิธาได้รับทราบข้อกล่าวหาและมีโอกาสชี้แจงบ้าง เพื่อให้ กกต.สามารถพิจารณาข้อเท็จจริงได้อย่างรอบด้านและเป็นธรรม” นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวว่า นอกจากนี้ หากผู้บริหารไอทีวีได้ชี้แจงกับ กกต.แล้วจริง ว่าไม่ได้ดำเนินธุรกิจสื่อมวลชน กกต.ใช้หลักฐานอะไรที่นำไปสู่ข้อสรุปที่บอกว่า ตนเองเชื่อว่ามีความผิดตามที่มีการยื่นคำร้องจริง เพื่อรีบเร่งให้ได้ ซึ่งความรีบเร่งผิดปกติเห็นได้จากมีมติตอนเช้า นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง รีบเร่งเซ็นเอกสาร และให้สำนักงานเลขาธิการ กกต.ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญทันที เพื่อให้ทันการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในตอนบ่าย พร้อมกล่าวเหน็บว่า หากทุกหน่วยงานราชการทำงานไว ประเทศชาติก็จะเจริญ

“อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามกับสังคมว่า กกต.มีเจตนาที่จะส่งลูกให้ศาลรัฐธรรมนูญ นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมประจำสัปดาห์ทันทีในบ่ายวันนี้ เพื่อให้นายพิธา ถูกสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ให้ได้ในวันนี้ ก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) ใช่หรือไม่” นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นหลายปีที่ผ่านมา โดยใช้นิติสงคราม บทบาทขององค์กรอิสระ รวมไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ถูกตั้งข้อสงสัยมาโดยตลอด ว่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มการเมืองใดกลุ่มการเมืองหนึ่งหรือไม่ กรณีที่เกิดขึ้นในวันนี้และหลังจากนี้อีกไม่นาน จะเป็นข้อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหาเหล่านั้นเป็นจริงหรือไม่

“เราในฐานะผู้แทนราษฎร ขอฝากเสียงเตือนจากพี่น้องประชาชนไปยัง กกต. และองค์กรอิสระทั้งหมด ว่า ท่านอย่าลุแก่อำนาจจนเกินขอบเขต วันใดวันหนึ่งเมื่อการเมืองกลับมาเป็นปกติ ประชาชนจะลงโทษพวกท่าน” นายชัยธวัช กล่าว



นายชัยธวัช ยังกล่าวว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้ (12 ก.ค.) ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตนและสมาชิกพรรคก้าวไกล และเพื่อนสมาชิกอีก 7 พรรคการเมือง ยืนยันว่าจะไม่กระทบกับการเสนอรายชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) แม้จะชงลูกรับลูกกันอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ของนายพิธา แต่นายพิธายังมีสิทธิ 100% ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 1 จากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน ขอประชาชนที่อาจมีความกังวลใจ อย่าตื่นตระหนกตกใจ เรายืนยันว่า ความชอบธรรมที่สูงสุดคืออำนาจของประชาชน พรรคก้าวไกลมีหน้าที่รับผิดชอบต่อเสียงของประชาชน และจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” นายชัยธวัช กล่าว

ส่วนกังวลหรือไม่ว่า กรณีดังกล่าวจะมีผลต่อการตัดสินใจของ ส.ว. นายชัยธวัช ระบุว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าเรื่องนี้เป็นขบวนการที่หวังผลทางการเมืองจริงๆ มีการบิดเบือนเจตนารมณ์ในการบังคับใช้กฎหมาย บิดเบือนระเบียบข้อบังคับต่างๆ ย่อมต้องหวังผลทางการเมือง แต่เราก็เชื่อว่าจะมีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มากเพียงพอ ที่มีสติ มีความเป็นธรรม มีวิจารณญาณเห็นว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ยังไม่สามารถเป็นบทสรุปได้ว่านายพิธามีความผิด กระบวนการยังไม่สิ้นสุด และไม่ใช่หน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่จะวินิจฉัยเรื่องนี้ ถือเป็นคนละส่วนกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ยังเชื่อมั่นว่ายังมี ส.ว.ที่อยู่ข้างความถูกต้อง และยืนยันที่จะใช้เอกสิทธิ์ของตนเองเป็นไปตามเสียงของพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ที่ได้แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง

ส่วนจะฟ้อง กกต.หรือไม่ ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นายชัยธวัช กล่าวว่า กำลังพิจารณาอยู่ ทั้งนี้ แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะยังไม่รับคำร้องเพื่อวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวในบ่ายวันนี้ (12 ก.ค.) มองว่า ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี สิ่งที่เกิดขึ้นยังเห็นว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อระเบียบ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พร้อมยืนยันกระบวนการตรวจสอบของ กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ เป็นคนละส่วนกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่มีบางส่วน บางฝ่ายพยายามที่จะใช้เรื่องนี้ในการอ้างเหตุผลว่าจะไม่โหวตเลือกนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ เชื่อว่า เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวและไม่เป็นเหตุให้เกิดการ เลื่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) และเชื่อมั่นในประธานรัฐสภา ที่จะมีหลักที่ชัดเจน

นายชัยธวัช กล่าวว่า กกต.พยายามจะใช้บรรทัดฐานเดียวกับเงินกู้ของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งตนยืนยันว่า ไม่สามารถเทียบเคียงกันได้ โดยข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ในการปฏิบัติและขบวนการที่ไม่เหมือนกัน พร้อมยืนยันว่า ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร นายพิธา มีสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย ในการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และสามารถเสนอชื่อนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีเหมือนเดิม ไม่มีแผนใดเพิ่มเติม และยังหวังว่าสิ่งที่ผิดปกติจะไม่เกิดขึ้น กระบวนการนิติสงครามที่ค้านสายตาประชาชนมาโดยตลอด 10 กว่าปี จะไม่เกิดขึ้นอีก

ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้จะเป็นการวนลูป เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เชื่อว่ามีบางฟากบางฝ่ายต้องการให้เป็นแบบนั้น โดยไม่เห็นแก่บ้านเมืองและไม่เห็นหัวประชาชน

“วันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) จะเป็นโอกาสและทางแยกของสังคมไทย ว่าเราจะวนกลับไปสู่การเมืองที่ไม่เห็นหัวประชาชนเหมือนเดิม หรือจะเป็นโอกาสที่เราจะคืนความปกติให้ระบอบประชาธิปไตยของไทย และพาประเทศไทยไปข้างหน้า ผู้มีอำนาจมีโอกาสที่จะเลือก และผมเชื่อว่า คราวนี้ประชาชนจะไม่ยอม” นายชัยธวัช กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี

เชียงใหม่ 15 ก.ย. – แม่ทัพภาค 2 บรรยายพิเศษที่เชียงใหม่ ปลุกพลังรักชาติของคนไทย ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี พร้อมให้ข้อมูลแนวหน้าและคำแนะนำกับรัฐบาล ช่วงบ่ายวันนี้ (15 ก.ย.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อม พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมบรรยายพิเศษ บอกเล่า “เรื่องจริงจากชายแดน” ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชนชาวเชียงใหม่ และนักศึกษาวิชาทหาร กว่า 2,000 คน รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้พูดคุยกับคุณยายที่มารอต้อนรับ พร้อมสวมกอดคุณยายอย่างเป็นกันเอง และยังมอบลายเซ็นลงบนรูปถ่ายของตนที่คุณยายเตรียมมาด้วย พล.ท.บุญสิน ได้กล่าวสดุดีเหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินไทย แสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้สูญเสีย พร้อมประณามการกระทำของทหารกัมพูชาที่โจมตีเข้ามาด้วยอาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมาย พร้อมเน้นย้ำกับน้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มาร่วมฟังบรรยายในวันนี้ว่าขอให้ยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของชาติ มีความรักชาติหวงแหนในผืนแผนดินไทย จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และช่วยกันทำนุบำรุงศาสนา ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันเป็นพลังให้ประเทศไทยก้าวผ่านหลากหลายความท้าทายในสถานการณ์ปัจจุบันไปให้ได้ ส่วนการเปิดด่านชายแดน […]

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้

สภาอุตสาหกรรมฯ 15 ก.ย.-“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ ปัดตอบใครขาดคุณสมบัติบ้าง แต่ยืนยันนิ่งและครบแล้ว เผยหลังถวายสัตย์ฯ พร้อมแถลงนโยบายต่อสภาทันที เพื่อเดินหน้าทำงานโดยเร็ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จำเป็นจะต้องเชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือด้วยหรือไม่ ว่า ตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สไตล์คนละพรรคแต่พวกเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ขณะนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รายงานกลับมาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ 100% แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทันทีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า […]