เลขาก้าวไกลระบุ มีกระแสกดดันส.ว.ที่จะโหวตให้พิธา

รัฐสภา 11 ก.ค. – เลขาก้าวไกลเผยมีกระแส “กดดัน-แบล็กเมล์-ให้ผลประโยชน์” ส.ว.ที่จะโหวตให้ “พิธา” เป็นนายกฯ  สงสัย กกต. ลุกลี้ลุกลนพิจารณาคดี “พิธา” มีธงการเมืองหรือไม่


นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการ พรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังร่วมหารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และตัวแทนพรรคการเมือง รวมทั้งวิปวุฒิ ว่า ได้ตกลงกันในเรื่องของระยะเวลาจะเริ่มประชุมในเวลา 09.30 น. และหลังจากเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้วจะเปิดให้สมาชิกรัฐสภาได้อภิปราย ซักถามอย่างเต็มที่ ก่อนที่จะมีการลงมติ ในช่วงเย็นประมาณ 17.00 น. ซึ่งเมื่อมีการอภิปรายซักถามจากสมาชิกแล้ว ประธานก็จะเปิดให้แคนดิเดตนายกที่ รัฐมนตรี ได้รับการเสนอชื่อ ได้ตอบคำถาม ซึ่งเสมือนการแสดงวิสัยทัศน์ไปในตัว

สำหรับจำนวนเสียงส.ว.ในการสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกลนั้น นายชัยธวัชยอมรับว่า ขณะนี้มีกระแสกดดัน ในส.ว.ค่อนข้างมาก ดังนั้นตอนนี้ส.วส่วนใหญ่จึงมีท่าทีไม่แสดงออกชัดเจน ต้องรอในวันที่ 13 ก.ค.ซึ่งเป็นวันลงมติเลย อย่างไรก็ตามขณะนี้มีสัญญาณบวกอย่างแน่นอน แต่ต้องยอมรับว่าในช่วงหลายวันนี้มีกระแสข่าวว่า มีการกดดันสว ที่อาจถูกคาดหมาย ว่าจะโหวตให้นายพิธา อย่างมากเป็นแต่ละราย ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ หรือส่งคนไปพูดคุยกดดัน และบางกระแสข่าว มีถึงขั้นแบล็กเมล์ด้วยซ้ำ หรือมีการเสนอผลประโยชน์ให้ต่างๆนานา ซึ่งก็หวังว่าจะไม่เกิดเหตุเช่นนั้นจริงๆ เมื่อถามย้ำว่ามีหลักฐานหรือไม่นายชัยธวัชกล่าวว่า ไม่มีหลักฐาน เป็นกระแสข่าวและหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นจริงๆ


ส่วนกรณีที่ส.ว. เตือนพรรคการเมือง ที่โหวต ให้คนที่ขัดรัฐธรรมนูญอาจถูกยุบพรรค นายชัยธวัชกล่าวว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน ซึ่งจากที่ติดตามข่าว นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ส.ว. ก็บอกว่าไม่เกี่ยวกัน แม้ว่าจะมีข้อกล่าวหาอะไรในตัวนายพิธาก็แล้วแต่ เมื่อเข้าสู่กระบวนการไม่ว่าจะเป็นศาลหรือองค์กรอิสระ เมื่อยังไม่มีข้อยุติถึงที่สุดก็ต้องถือว่านายพิธา ไม่ได้มีอะไรผิด และเป็นการแยกการทำหน้าที่อยู่แล้วระหว่างการตรวจสอบเรื่องคุณสมบัติ ของผู้สมัครตามกฎหมายกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ของสมาชิกรัฐสภาถือเป็นคนละส่วนกัน

เมื่อถามย้ำว่าจะมีผลในการโหวตให้นายพิธาหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า คงไม่เป็นเช่นนั้นเพราะสมาชิกรัฐสภาแยกออก แต่ขณะนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือกรณีที่มีความพยายามจะชูเรื่อง ความจงรักภักดีมาเป็นเกณฑ์ในการโหวตหรือไม่โหวต  แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเราคิดว่า เป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่จะทำเช่นนั้นเพราะถือว่าเป็นการหมิ่นเหม่ ที่จะนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาปะทะกับผลการเลือกตั้ง ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย

ส่วนกรณีที่มีสว. บางคนเสนอให้ลดเพดานเรื่องมาตรา 112 ก่อนโหวตนายกรัฐมนตรี นั้น นายชัยธวัชกล่าวว่า เมื่อวานตนได้ทราบข่าวว่ามีการส่งข้อความกันในหมู่ส.ว. ต่อให้นายพิธาและพรรคก้าวไกลบอกว่า จะอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ขออย่าหลงเชื่อ ซึ่งเข้าใจว่าคนที่มีเจตนาแน่วแน่ ว่าอย่างไรก็ไม่ต้องการเห็นพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะมีเหตุผล 108


เมื่อถามย้ำว่ามีแผนสำรองหากโหวตรอบแรกไม่ผ่าน หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน ในห้องประชุมก็ยังไม่ได้หารือกันเรื่องนี้ เพราะยังไม่ใช่วาระและยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดคุยกันเรื่องนี้  และยังไม่มีการคุยกันว่าจะมีการโหวตกี่ครั้ง ส่วนจะแยกโหวต ส.ส.ก่อนหรือไม่นั้น ก็มีการพูดคุยกัน แต่ในที่ประชุมเห็นว่าคงยังไม่เหมาะสมที่จะต้องยกเว้นข้อบังคับการประชุม แต่จริงๆส.ว.ก็ทราบอยู่แล้วว่าเสียงของส.ส.ส่วนใหญ่ ชัดเจน โดยทั้ง 8 พรรคยังยืนยันที่จะเสนอนายพี่ทาเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นก็ทราบอยู่แล้วว่าเสียงส่วนใหญ่ของสภาล่างเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลมีการประเมินหรือมีแผน 2 หรือไม่ว่าหากโหวตรอบแรกไม่ผ่านจะทำอย่างไร นายชัยธวัชกล่าวว่าขณะนี้ยังโฟกัสว่าจะทำให้วันที่ 13 ดีที่สุดก่อน

นายชัยธวัชยังกล่าวถึง ผลการประชุมของกกต. ที่พิจารณาเรื่องการถือหุ้นของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ว่า นายพิธาได้ทำหนังสือว่าอยากให้กกต.ได้แจ้งข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่มีการกล่าวหานายพิธาว่ากระทำผิดกฎหมาย อย่างไร เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้นายพิธาได้ชี้แจง ซึ่งเป็นกระบวนการที่ควรจะเป็น

แต่ตอนนี้เกิดคำถามว่า เหตุใดลุกลี้ลุกลน มีกระแสข่าวว่าจะรวบรัด ให้กกต.มีธงหรือไม่ที่จะรีบ ส่งเรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ส.ส. ของนายพิธาให้ได้ ก่อนที่จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรี อันนี้เป็นความกังวล และคิดว่ากกต.ก็ต้อง อธิบายให้ได้ว่าเหตุใดไม่มีกระบวนการนี้ จะอ้างว่าไม่จำเป็น จะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัยหรือไต่สวนเลย คำถามก็คือกระบวนการของกกต.ที่ปกติควรต้องมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวน สืบสวนและวินิจฉัยซึ่งก็มีระเบียบรองรับอยู่ จะมีแบบนี้ไปทำไม ถ้าจะส่งทุกเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเลย ซึ่งตรงนี้อธิบายไม่ได้ ทั้งๆที่เรื่องนี้มีข้อเท็จจริงและมีข้อถกเถียงกันเยอะว่า ตกลงไอทีวีเป็นสื่อหรือไม่ เรื่องนี้คงฟังไม่ได้ว่ากกต. ไม่มีหน้าที่วินิจฉัย ทำแค่รวบรวมข้อมูลในเบื้องต้นและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีสถานะแล้วให้ศาลเรียกผู้ถูกร้องหรือผู้เกี่ยวข้อง มาในชั้นศาลรัฐธรรมนูญที่เดียวนั้น

ทั้งนี้ ตนคิดว่าผิดสังเกต และหวังว่าจะไม่มีทางการเมืองอย่างที่เป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ ส่วนการประชุม ของกกต. จะกระทบกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 หรือไม่นั้นนายชัชวัชกล่าวว่าไม่ เพราะสถานะการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของนายพิธายังคงอยู่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย