ยัน 8 พรรคเดินหน้าหนุน “พิธา” นั่งนายกฯ

พรรคเพื่อไทย 7 ก.ค.- “ภูมิธรรม” ยืนยัน เพื่อไทย และ 8 พรรคร่วมฯ ผลักดัน “พิธา” นั่งนายกฯ เต็มความสามารถ มั่นใจ ส.ว.หลายคนหวังดีต่อประเทศ เชื่อ “พิธา“ แสดงเจตนารมณ์ทำความเข้าใจหลักคิดกับ ส.ว.-พรรคขั้วรัฐบาลเดิมได้ เสนอก่อนวันโหวตนายกฯ 8 พรรคร่วมฯ ควรนัดหารือกัน


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมโหวตนายกรัฐมนตรี ว่า เราได้เตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ต้นว่าเรามีทิศทางอย่างไร สิ่งที่ออกมาตั้งแต่การโหวตเลือกประธานสภาฯ ก็ทำให้เรารู้ว่ามีแนวทางอย่างไร ชัดเจนเป็นไปตามความมุ่งหวังของเรา ซึ่งเรามีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนว่า 8 พรรคจะทำรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยให้สำเร็จ เสียงของพรรคเพื่อไทยทั้งหมดจะไปตามทิศทางที่คุยกันไว้ตั้งแต่ต้น ซึ่งช่วงต่างๆ หลังจากนี้จะยังต้องมีการเตรียมความพร้อมไปในทางเดียวกันอีกครั้ง โดยจะมีการจัดสัมมนา ส.ส. ก่อนวันโหวตเลือกนายกฯ สัก 2-3 ครั้ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 10-12 ก.ค. อาจจะเป็นที่ทำการพรรค หรือพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งทั้งหมดเป็นการเตรียมการทำงานให้กับ ส.ส. ที่จะเข้าไปทำงานในสภาฯ และเตรียมเรื่องการประสานงานทั้งหมด ซึ่งอาจจะมีผลที่เกี่ยวกับสถานการณ์ที่ต้องให้ ส.ส. อยู่ในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะเป็นการทำความเข้าใจในทิศทางที่จะเดินไปร่วมกันข้างหน้า

นายภูมิธรรม ยังกล่าวว่า ในช่วงนี้เป็นช่วงของระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านพรรค เพื่อให้ไปสู่การแก้ไขจุดอ่อนต่างๆ ที่พรรคเพื่อไทยเคยมี เพื่อเดินไปข้างหน้าให้ได้เช่นกัน ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับกระบวนการให้เป็นไปในทิศทางใหม่ รวมไปถึงการทำงาน ทำกิจกรรมต่างๆ ในอนาคต ก็จะถือโอกาสพูดคุยในการสัมมนาครั้งนี้


ส่วน 8 พรรคร่วมฯ จะต้องมีการพูดคุยก่อนวันลงมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่พรรคเพื่อไทยเราได้ประสานงานกันไปเบื้องต้นแล้วว่า ทิศทางที่ชัดเจนแน่วแน่ เราจะจับมือเดินไปด้วยกัน ดังนั้น เราจะต้องมีเวลาประเมินสถานการณ์ร่วมกันก่อนวันโหวตว่าจะมีทิศทางอย่างไร จะต้องปรับปรุงเพิ่มเติมในส่วนใด โดยตอนนี้เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้ประสานไปยังเลขาธิการพรรคก้าวไกล ว่ามีความจำเป็นจะต้องมีหรือไม่ ถ้ารู้สึกว่าไม่มีอะไรน่ากังวล ก็อาจจะไม่ต้องประชุมหารือร่วมกัน แต่ความเห็นส่วนตัวได้พูดคุยกันสักหน่อยก็คงจะดี เผื่อจะได้เห็นปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เป็นเหมือนการทำความเข้าใจสถานการณ์ และจะได้ไปทำความเข้าใจกับ ส.ส.ในพรรคของตัวเอง ให้เข้าใจสถานการณ์ร่วมกัน 8 พรรคร่วมฯ จะได้เดินไปในทิศทางเดียวกัน

ส่วนการแถลงข่าวที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน มีอยู่ 1 ข้อที่จำเป็นจะต้องมีการช่วยสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เต็มความสามารถในการเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องไปถึงจุดไหน นายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งสำคัญจริงๆ คือเรื่องของเจตนารมณ์ เรากำลังแสดงเจตนารมณ์กับแนวคิดความมุ่งมั่นของเราว่าเราจะจับมือกันอย่างมั่นคง และ 8 พรรค ก็จะแสดงความมั่นใจให้ประชาชนทราบว่า เราจะร่วมมือกันที่จะผลักดันให้เกิดรัฐบาลประชาธิปไตย ที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และผลักดันให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเจตจำนงที่มุ่งมั่นชัดเจน ให้ประชาชนมั่นใจในการร่วมมือของ 8 พรรคร่วมฯ ส่วนจะเดินหน้าไปอย่างไรก็ต้องดูตามสถานการณ์ โดยให้พรรคก้าวไกล เป็นผู้ประเมินและตอบคำถาม อย่างไรก็ตาม หากมีประเด็นอะไรที่จะเกิดขึ้นก็ต้องมาหารือกันใน 8 พรรคร่วมฯ ช่วยกันคิดและผลักดัน

สำหรับกรณีท่าทีของ ส.ว.ในการลงมติ หากการโหวตครั้งแรกไม่ผ่าน ครั้งต่อไปควรจะเป็นบุคคลเดิม หรือเพียงครั้งแรกก็น่าจะพอทราบผลแล้วว่าได้หรือไม่ได้ นายภูมิธรรม ระบุว่า วันนี้เราชัดเจนคือร่วมมือกันผลักดันให้นายพิธา ประสบความสำเร็จ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงไม่อยากคิดคำว่า “ถ้า” เพราะคิดว่าเราก็มั่นใจ และนายพิธาก็แสดงความมั่นใจว่าได้มีการพูดคุยกับ ส.ว.หลายๆ คนแล้ว ก็ยังเชื่อมั่นว่า ส.ว.จะเข้าใจในปัญหาบางอย่างที่อาจจะมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน หรือมีอะไรที่ติดค้าง ได้พูดคุยกันไปหมดแล้ว พรรคเพื่อไทยก็เชื่อมั่น ขณะนี้พรรคเพื่อไทยจึงไม่มีความคลางแคลงใจ พร้อมผลักดันเต็มที่ เพียงแต่ว่าในแต่ละพรรค หากจะมีอะไรส่งเสริมสนับสนุนหรือผลักดันให้มากขึ้นนั้น ก็พร้อมที่จะทำเต็มที่ต่อไป


นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนรายละเอียด เราเชื่อว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี เพราะหลายอย่างที่เป็นปรากฏการณ์ที่พรรคฝั่งขั้วรัฐบาลเดิมไม่สามารถรวมกันได้ 188 คน ที่มีแนวโน้มถูกวิจารณ์ว่าจะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย สิ่งนี้ทำให้เห็นว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ยาก โดย 71 เสียงของพรรคภูมิใจไทยได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่พร้อมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะอยากให้เสียงของประชาชนสามารถเดินหน้าไปได้ อย่างการลงมติเลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ก็มี ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่ลงมติสนับสนุนให้รองประธานสภาฯ ที่มาจากพรรคก้าวไกล ก็แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าคิดอย่างไร ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ที่พรรคก้าวไกลว่าจะตัดสินใจและเลือกแบบไหน ซึ่งมีทางเลือกอยู่หลายทาง เพราะยังมีหนทางที่จะเดินไปสู่เป้าหมาย ทั้งเรื่องเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. 64 เสียง หรือขอให้พรรคร่วมรัฐบาลเดิมสนับสนุนให้ 8 พรรคร่วมฯ โดยไม่ต้องเข้ามาร่วมในคณะรัฐมนตรีด้วยก็ได้ ซึ่งอยู่ที่พรรคก้าวไกลตัดสินใจ และร่วมหารือกันใน 8 พรรค

เมื่อถามว่า การพูดคุยกับ ส.ว. พรรคเพื่อไทยได้มีการเข้าไปช่วยพูดคุยด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า พรรคเพื่อไทย ก็อาจจะช่วยพูดคุยกับ ส.ว.บางคนที่รู้จัก และอาจจะมีที่แนะนำให้พรรคก้าวไกลไปพูดคุยทำความเข้าใจด้วยตัวเอง แต่ภารกิจหลักต้องเป็นพรรคแกนนำ ซึ่งยอมรับว่ามี ส.ว.หลายคนที่รู้จักกับ ส.ส.ของเพื่อไทย หลายคนก็มีเจตนารมณ์ ส่วนใหญ่หวังดีกับประเทศชาติ เพียงแต่อาจมีแนวคิดทางการเมืองบางเรื่องแตกต่างกัน แต่ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจกันได้     

ส่วนการแก้ไข ม.112 ที่ดูเหมือนเป็นเงื่อนไขสำคัญ ยากต่อการที่จะได้มาของเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลเดิม รวมถึงเสียงของ ส.ว. ที่จะไม่สนับสนุนนายพิธา มองว่าพรรคก้าวไกลควรจะแสดงท่าทีอย่างไรต่อเรื่องนี้ นายภูมิธรรม ระบุว่า ขอไม่ก้าวล่วงและคิดแทนพรรคก้าวไกล แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทย เรื่องใดก็ตามที่ยังมีความแตกต่างกัน และยังมีปัญหา ไม่ได้ระบุเพียงเรื่อง ม.112 ควรจะมาหารือกันบนพื้นฐานการเปลี่ยนผ่าน และไม่ว่าประเด็นใดก็ตามที่มีความเห็นแตกต่างกัน ก็ควรจะหลีกเลี่ยง รวมถึงความเห็นที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง อาจจะเกิดความรุนแรงในอนาคต สิ่งที่ดีที่สุดคือการเปิดเวทีให้ได้ร่วมพูดคุยกัน และหากจำเป็นที่ต้องให้กระบวนการสภาฯ เข้ามาแก้ไข เพื่อหาช่องทางให้ทุกฝ่ายยอมรับได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

เตือนไทยตอนบนฝนตกหนัก-พายุหวู่ติบ ขึ้นฝั่งจีนวันนี้

กทม. 14 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบน มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนลดลง ขณะที่พายุ “หวู่ติบ” ขึ้นฝั่งจีนวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อนกำลังแรง “หวู่ติบ” บริเวณอ่าวตังเกี๋ย คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนในวันนี้ (14 มิ.ย. 68) โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในช่วงวันดังกล่าวไว้ด้วย – สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียบินกลับเดลีแล้ว หลังตรวจไม่เจอระเบิด

ภูเก็ต 13 มิ.ย. – เครื่องบินแอร์อินเดีย พร้อมผู้โดยสาร 155 คน ออกจากสนามบินภูเก็ต กลับเมืองเดลีแล้ว หลังตรวจละเอียดยิบ ไม่พบระเบิดตามจดหมายขู่ สอบเครียด 3 ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย แต่ต้องปล่อยไป เพราะไร้หลักฐานมัด ยันไม่กระทบการให้บริการท่าอากาศยานฯ เมื่อเวลา 09.30 น. หอบังคับการบินสนามบินภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์ควบคุมการบิน บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ว่าลูกเรือสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 379 เส้นทางบิน HKT-ภูเก็ต-DEL (เดลี) ผู้โดยสารจำนวน 156 คน พบข้อความขู่วางระเบิดในแผ่นกระดาษระบุว่า ‘F… you all bomb’ วางไว้ในห้องน้ำ จากนั้นสายการบินได้ประกาศเข้าสู่แผนฉุกเฉิน ให้นักบินนำเครื่องบินมาลงที่สนามบินภูเก็ต โดยทางสนามบินภูเก็ต ได้ประกาศใช้แผนเผชิญเหตุของสนามบิน Airport Contingency Plan และดำเนินการตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ EOC เพื่อควบคุมและบริหารจัดการสถานการณ์ตามแผนฯ […]

คดี “ทักษิณ” ชั้น 14 ศาลเรียกพยาน 20 ปาก-นัดไต่สวนอีก 6 นัด ก.ค.นี้

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – คดี “ทักษิณ” วันนี้ ศาลเตรียมเรียกพยาน 20 ปาก พร้อมนัดไต่สวนอีก 6 นัด ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นการเริ่มกระบวนการไต่สวนเรื่องการบังคับคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ยืนยันไม่มีการปิดด่านบ้านคลองลึก

สระแก้ว 13 มิ.ย. – ผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่สยบข่าวลือปิดด่านคลองลึก หลังชาวไทย-กัมพูชา ตื่นตระหนกแห่ข้ามฝั่ง จนเกิดความวุ่นวายหน้าด่าน ขณะฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เกิดความวุ่นวายขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 12.30 น. หลังจากมีกระแสข่าวลือในกลุ่มผู้ค้าชาวกัมพูชาและชาวไทย ว่าทางการจะมีคำสั่งปิดด่านชั่วคราวในช่วงบ่าย ระหว่างเวลา 13.00-14.00 น. ทำให้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งเร่งรีบข้ามแดนและสอบถามข้อมูลกันอย่างจ้าละหวั่น โดยข่าวลือดังกล่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากเดินทางข้ามแดนก่อนถึงช่วงเวลาที่เข้าใจกันว่าจะปิดด่าน ทำให้บรรยากาศหน้าด่านเต็มไปด้วยความตึงเครียดและสับสน ด้านผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่ชี้แจงเรื่องดังกล่าว ยืนยันไม่มีคำสั่งปิดด่าน พร้อมขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และย้ำชัดว่าเวลาการเปิด-ปิดด่านยังคงเป็นไปตามประกาศเดิมของกองกำลังบูรพา คือเปิด 08.00-16.00 น. ทุกวัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือคำสั่งใหม่ ฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทยแหล่งข่าวด้านความมั่นคงกัมพูชา เปิดเผยว่า ฝ่ายปกครองในฝั่งปอยเปตได้ดำเนินการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่เชื่อมโยงกับฝั่งไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมข้อมูลและสื่อสารในพื้นที่ชายแดน ฝั่งกัมพูชาปิดด่านบ้านแหลมไม่แจ้งล่วงหน้าส่วนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เมื่อเวลา 10.45 น. เกิดความวุ่นวาย หลังฝั่งกัมพูชา มีการปิดประตูด่านฝั่ง ต.บึงรัง […]