กรุงเทพฯ 5 ก.ค.-“กิตติศักดิ์” พร้อมยกมือหนุน 2 แคนดิเดตนายกฯ “พรรคเพื่อไทย” บนเงื่อนไขต้องสลัด “ก้าวไกล” พ้นรัฐบาล เชื่อ “ปดิพัทธ์” จะไม่เป็นปัญหาการทำหน้าที่ของสภาฯ
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงทิศทางการลงมติของ ส.ว.เพื่อเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และจะเป็นประธานรัฐสภาโดยตำแหน่ง ว่า ตำแหน่งประธานรัฐสภา ไม่เกี่ยว หรือจะจูงใจให้สมาชิกวุฒิสภาเปลี่ยนแปลงในการลงมติได้ แม้สมาชิกวุฒิสภา จะมีความยินดี และเห็นด้วยในการสนับสนุนให้นายวันมูหะมัดนอร์ มาทำหน้าที่ประธานรัฐสภา จากความรู้ และประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่สำหรับการเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ก็ยังมั่นใจว่า ในวันลงมติจะมีพรรคการเมืองอื่น เสนอชื่อแข่งมากกว่า 1 พรรค แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่า จะเป็นบุคคลใดที่จะถูกเสนอชื่อแข่ง และมั่นใจได้ว่า จะมีมากกว่า 1 คน 1 พรรคแน่นอน
“ส่วนตัว ยังยืนยันจุดยืนเดิมที่ไม่สามารถสนับสนุนนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เนื่องจาก พฤติกรรมและท่าทีหลายเรื่องรวมทั้งประเด็นที่พรรคก้าวไกล ยังคงสนับสนุน การแก้ไขมาตรา 112” นายกิตติศักดิ์ กล่าว
ส่วนหากมีการเสนอชื่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือนายเศรษฐา ทวีสิน 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย นั้น นายกิตติศักดิ์ ย้อนถามว่า ยังมี พรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลอยู่หรือไม่ หากมีก็ไม่สนับสนุน แต่หากพรรคเพื่อไทย สลัดออกจากพรรคก้าวไกล ก็พอที่จะสนับสนุนได้ เพราะ ส.ว.ต้องการให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ และมั่นใจว่า ส.ว.ส่วนใหญ่ก็คิดเช่นนี้
นายกิตติศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่หากพรรคเพื่อไทย สลัดพรรคก้าวไกลออกจากสมการการจัดตั้งรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้านแล้ว แต่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลกของพรรคฯ ก็ได้รับเสียงข้างมากจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่1 จะทำให้เกิดปัญหาในการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรในอนาคตหรือไม่ว่า “ไม่กระทบแน่นอน เพราะตามหลักการ ประธานสภา และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อได้รับการโปรดเกล้าฯ แล้ว ก็จะต้องถอนตัวจากพรรคที่สังกัด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการทำหน้าที่ เพราะหากประธานสภา หรือรองประธานสภาฯ เอนเอียง ก็เชื่อว่า จะไม่สามารถเอาตัวรอดได้ ดังนั้น จึงจะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบ และกฎหมายอย่างชัดเจน ไม่บิดเบือนระเบียบ หรือกฎหมาย”.-สำนักข่าวไทย