ทำเนียบ 27 มิ.ย.- “ชัยวุฒิ” ยืนยัน “พล.อ.ประวิตร” มีความพร้อมเป็นนายกฯ ได้ มองการเมืองยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง การประชุมพรรคพลังประชารัฐช่วงบ่ายวันนี้ว่า เป็นการเตรียมความพร้อมและทำความเข้าใจ และแจ้งกำหนดการต่างๆที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า และคงมีการหารือเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรคคงมีมติพรรคไปในทิศทางเดียวกัน แต่คงยังไม่ได้ข้อสรุปภายในวันนี้ เพราะการเมืองยังมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า การเสนอชื่อประธานสภาทางกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ยังไม่ได้พูดคุยกันว่า จะเสนอชื่อใครหรือไม่ เพราะการเสนอชื่อประธานสภาครั้งที่แล้ว เป็นการเสนอชื่อแข่งกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน
ส่วนกระแสข่าวที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อาจได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี หากพรรคก้าวไกลไปต่อไม่ได้ โดยมีการดีลกับพรรคเพื่อไทย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ยังเป็นแค่กระแสข่าว แต่ขอบคุณที่มีกระแสข่าวนี้ เพราะส่วนตัวอยากให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่า หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐมีความพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค และมีคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯได้ ซึ่งอยู่ที่การลงมติในที่ประชุมรัฐสภา แต่พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคก็ประกาศจับมือตั้งรัฐบาลไปแล้ว ก็คงต้องรอตรงนั้นไปก่อน คงยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดคุยกันเรื่องนี้
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญที่ต้องลงมติเลือกประธานสภา และเลือกนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งทุกพรรคก็มีการหารือกันตลอดเป็นเรื่องปกติ และก่อนลงมติ พรรคคงมีการหารืออีกครั้ง อาจเป็นที่พรรคหรือรัฐสภาก็ได้
ทั้งนี้ รู้สึกตกใจหรือไม่ที่มีกระแสข่าวพลเอกประวิตรจะได้เป็นนายกฯ นายชัยวุฒิ หัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า “ทำไมต้องตกใจด้วย ไม่มี ก็ยังไม่ได้ยินข่าวเรื่องนี้ บอกตรงๆยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องนี้ในที่ประชุมพรรค ก็มีแต่ฟังจากกระแสข่าว” และในที่ประชุมพรรควันนี้ คงไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องนี้
นอกจากนี้ นายชัยวุฒิ กล่าวถึง ภาพรวมการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันนี้ ว่า พลเอกประยุทธ์ จนะทำเนียบร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวให้คณะรัฐมนตรีไปร่วมในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา วันที่ 3 ก.ค. และมีการพูดถึงเรื่องงานต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในสิ่งที่รัฐบาลทำมา และส่งต่อให้รัฐบาลใหม่.-สำนักข่าวไทย