ชี้ดำเนินคดีกลุ่ม นศ.ใต้กระทบโหวตนายกฯ  

พรรคประชาชาติ 26 มิ.ย. – “รอมฎอน” ชี้การดำเนินคดีกลุ่ม นศ. ที่ทำประชามติแยกดินแดน ช่วงสุญญากาศ อาจทำให้แคลงใจได้ว่ามีผลต่อการโหวตนายกฯ ชี้รัฐบาลใหม่ต้องทบทวน มองเป็นโอกาสการพูดคุยเพื่อเห็นรากเหง้าปัญหา


นายรอมฎอน  ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และคณะทำงานย่อยสันติภาพชายแดนใต้ กล่าวถึงกรณีการแจ้งความดำเนินคดีต่อกลุ่มนักศึกษา “ขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ” หลังจัดกิจกรรมทำแบบสอบถามประชามติแบ่งแยกดินแดน ว่า ที่ประชุมคณะทำงานย่อย เรื่องสันติภาพชายแดนใต้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นแง่มุมซึ่งกันและกันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องนี้ประเมินสถานการณ์กันอยู่เรื่อย ๆ

“ภายใต้การนำของรัฐบาลพลเรือน สถานการณ์ที่เรากำลังเจอความยากลำบากที่เรากำลังเจอ ความกังขาที่ทุกคนกำลังเจอกับการจัดงานของนักศึกษา เรากำลังคิดถึงภาวะผู้นำของรัฐบาลพลเรือนที่เคารพต่อหลักการประชาธิปไตย เคารพต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน เคารพต่อหลักการบูรณภาพแห่งดินแดนในการกำหนดใจตนเอง ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในกรอบพระธรรมนูญของรัฐบาลไทย” นายรอมฎอน กล่าว


นายรอมฎอน กล่าวว่า ถ้าภายใต้การนำของรัฐบาลพลเรือน การฟ้องร้องในลักษณะนี้ต้องถูกทบทวนอย่างหนัก การทำกิจกรรมอย่างนี้เคยเกิดขึ้นแล้ว มีกิจกรรม การสำรวจความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ บนพื้นฐานที่ว่าการเมืองที่แตกต่างกันเป็นเรื่องปกติ ในฐานะที่เป็นรัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคงจำเป็นต้องรับฟัง มีการตั้งข้อสังเกตว่าถ้าฟังนักศึกษากิจกรรมเหล่านั้นอาจเห็นรากเหง้าของปัญหา ทำไมจึงมีปรากฏการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทำไมเยาวชนถึงมีกิจกรรมเหล่านั้นเกิดขึ้นแทนที่จะปิดปากเขาด้วยการฟ้องดำเนินคดี ถ้าเปิดใจกลับมาฟังมองจากมุมของรัฐที่เคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชนน ถือเป็นโอกาสในการทำความเข้าใจความคิดเห็นที่แตกต่าง และโอกาสในการที่สังคมไทยของ รัฐบาลไทยที่จะรับมือกับความคิดเห็นที่แตกต่างได้โดยสันติวิธี

“อย่าลืมว่าเยาวชนกลุ่มที่ทำกิจกรรมนี้ หากนับดูอายุคงไม่เกิน 20 ปี หรือ 20 – 21 ปี หมายความว่าเขาเติบโตมาท่ามกลางความขัดแย้งที่มีการใช้ความรุนแรงจากทุกฝ่าย ปัญหาคือ ถ้าไม่สามารถโอบรับโอมอุ้มเขา แม้ว่าจะมีความคิดเห็นที่ต่างกันขนาดไหน สังคมไทยไม่มีพื้นที่ให้กับคนมีความเห็นต่าง อนาคตของประเทศนี้จะอยู่อย่างไร ภายใต้ความคิดที่ใจกว้าง เห็นโอกาสในการสร้างสันติภาพที่มากขึ้น ตกลงแล้วการกำหนดชะตากรรมของตัวเองเป็นอย่างไรกันแน่ มีโอกาสสำหรับสังคมไทยมากน้อยเพียงใด ในทางวิชาการมีการถกเถียงกันมานาน ไม่ใช่แค่การแบ่งแยกดินแดนอย่างที่หลายคนเข้าใจ ยังมีทางเลือกอีกมากแต่อยู่ที่ว่าเรามีวุฒิภาวะมากขนาดไหน ในการรับมือกับเหตุการณ์นี้ ยอมรับความแตกต่าง โอบกอดผู้คนที่มีความแตกต่างทางความเชื่อ ความคิด อุดมการณ์ และอัตลักษ์ในทางการเมืองอย่างไร และเชื่อว่ารัฐบาลพลเรือนภายใต้การนำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เราน่าจะเห็นโอกาสแบบนี้ในการโอบรับผู้คนไปด้วยกัน” นายรอมฎอน กล่าว

เมื่อถามว่าการแจ้งความของเจ้าหน้าที่เป็นการกระทำที่รีบร้อนเกินไปหรือไม่ นายรอมฎอน กล่าวว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าการแจ้งดำเนินคดีในช่วงเวลาสุญญากาศแบบนี้ เหมือนอยู่ระหว่างรัฐบาลเก่ายังไม่ไป รัฐบาลใหม่ยังไม่มา อาจเกิดความเคลือบแคลงใจต่อผู้มีอำนาจในการตัดสินใจในการโหวต ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาแบบนี้ ไม่แน่ใจในฝั่งเจ้าหน้าที่ทำอย่างไร แต่ถ้าไปถาม เจ้าหน้าที่คงตอบว่าไม่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ และเชื่อว่าภายใต้การเมืองแบบนี้ การนำโดยรัฐบาลพลเรือน ทิศทางใหม่ๆ สิ่งที่เคยเห็นในอดีต คุ้นเคย คงไม่คิดแบบนั้นอีกต่อไป


ส่วนที่กิจกรรมในวันที่ 7 มิ.ย. มีภาพนายรอมฎอนอยู่ในภาพโปรโมทด้วย หากเข้าร่วมกิจกรรมนี้คงถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่ นายรอมฎอน กล่าวว่า เป็นไปได้ เพราะมีการพูดชื่อตนเองอยู่แล้ว โดยถือเป็นข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเอง ทั้งข้อมูลของตัวผมเอง หรือคนที่เกี่ยวข้องมีอย่างจำกัด ทำให้เห็นว่าหน่วยงานของเรามีปัญหาในการประเมินสถานการณ์หรือเข้าถึงแหล่งข่าว ตนเชื่อว่าการทำกิจกรรมทางวิชาการแบบนี้ พร้อมแลกเปลี่ยนถกเถียง เพราะเชื่อว่าการนั่งลงถกเถียงดีกว่าการใช้กำลัง ใช้อำนาจกฎหมายและอาวุธ การถกเถียงด้วยวุฒิภาวะ เข้าใจความต้องการของตนเอง เป็นประโยชน์ และสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง

“บางเรื่องยิ่งทำ ยิ่งสร้างความยุ่งยากในการแก้ไขปัญหาในอนาคต หากสรุปบทเรียนจากการแก้ไขปัญหาที่ใช้วิธีคิดแบบทหารนำ จะเจอปัญหาที่เป็นผลพวงมาจากมาตราการที่กราดเกรี้ยวต่อเนื่องเหล่านั้น เป็นมรดกมาถึงปัจจุบัน คือสิ่งที่ลำบากมากที่ชาวชายแดนภาคใต้ต้องเจออยู่ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องการภาวะการนำ และทิศทางแบบใหม่ เพราะใช้กรอบคิดแบบเดิม โดยไม่ประเมินผลในระยะยาวไม่ได้แล้ว ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็บอกแล้วว่าปัญหาที่ผ่านมาต้องการแนวคิดใหม่ในการแก้ไขปัญหา” นายรอมฎอน กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น