พรรคร่วมวอน “กก.-พท.” จบปัญหาประธานสภาฯ

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลประสานเสียง ขอ “ก้าวไกล-เพื่อไทย” จบปัญหาปมประธานสภาฯ โดยเร็ว สร้างความเชื่อมั่นประชาชน ด้าน “กังฟู วสวรรธน์” มอง “ก้าวไกล” ควรได้ แต่พร้อมสนับสนุนทุกคน ตอกกลับความอาวุโสไม่ใช่ประเด็น บารมีสร้างได้หากมีโอกาส ขณะที่ “ปิติพงศ์” ชี้ประมุขนิติบัญญัติ ควรมีความเป็นกลาง ไม่เอนเอียง ลั่นต้องให้เกียรติกัน ไม่ว่าใครจะมาเป็น “เชาว์ฤทธิ์” เห็นต่าง มองคน “เพื่อไทย” ดูดีกว่า มีประสบการณ์-บารมี รับกังวลตั้งรัฐบาลยาก หากเรื่องแค่นี้ยังตกลงไม่ได้


นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง ให้ความเห็นถึงกรณีตำแหน่งประธานสภาฯ ที่เกิดข้อถกเถียงว่าพรรคใดควรได้ ระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ว่า หากยึดตามหลักการ พรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงจากประชาชนมาเป็นอันดับที่ 1 ควรได้ไป ซึ่งอดีตที่ผ่านมาก็ใช้หลักเกณฑ์นี้ รวมถึงแกนนำบางส่วนของพรรคเพื่อไทยก็เห็นตรงตามนี้ ตนไม่ขัดข้องถ้าหากการพูดคุยของทั้งสองพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจบลงแล้วเสนอใครขึ้นมา พร้อมสนับสนุนทุกรายชื่อ แต่ขอเพียงบุคคลจากฝ่ายประชาธิปไตยก็พอ และขอให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วก่อนเปิดประชุมสภาฯ นัดแรก เพราะเป็นประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจ

นายวสวรรธน์ กล่าวอีกว่า ตนเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ที่เกิดข้อถกเถียงถึงตำแหน่งประธานสภาฯ บางส่วนบอกว่าต้องเป็นคนจากพรรคเพื่อไทย เพราะทุกพรรคก็ย่อมมีความเป็นประชาธิปไตย ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ และเชื่อว่าจะไม่มีความขัดแย้งภายในเกิดขึ้น แต่สิ่งที่ควรทำมากที่สุดตอนนี้ คือการตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็วที่สุด “ประชาชนไม่ได้อยากรู้ว่าใครจะได้เป็นประธานสภาฯ แต่เขาอยากรู้ว่านายกฯ จะชื่อนายพิธาหรือไม่”


ส่วนหากมีพรรคการเมืองอื่นเสนอชื่อมาแข่งขัน นายวสวรรธน์ มองเป็นเอกสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แต่เชื่อว่าฟรีโหวตจะไม่เกิดขึ้นกับฝ่ายพรรคการเมืองประชาธิปไตย ทุกพรรคจะเห็นไปในทางเดียวกันอย่างแน่นอน “เราต้องมองสิ่งที่สุด คือเสียงของพี่น้องประชาชนที่เขาให้เรามา”

“ที่บอกว่าเป็นพระบวชใหม่ แล้วจะมาเป็นเจ้าอาวาส มันก็คนละประเด็น เราเองก็คนรุ่นใหม่ อยากให้มองว่าคนรุ่นใหม่หลายคนก็มีความสามารถ และมีศักยภาพเหมือนกัน อายุหรือประสบการณ์อาจมีไม่มาก แต่ก็มีความตั้งใจ อยากให้ผู้ใหญ่ให้โอกาส ให้คำแนะนำด้วย” นายวสวรรธน์ กล่าว

หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง ยังกล่าวถึงคุณสมบัติประธานสภาฯ ว่า ควรต้องเป็นกลางทางการเมือง ไม่เอนเอียง ต้องดูแลรับผิดชอบหน้าที่ได้ดี ส่วนเรื่องของความอาวุโสนั้น ตนมองไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่าไหร่ “บารมี มีทีหลังก็ได้ ไม่มีใครเกิดมามีบารมีเลย ต้องให้โอกาสสร้าง ไม่ควรไปตัดโอกาสเขา”


เมื่อถามถึงตำแหน่งรองประธานสภาฯ พรรคใดเหมาะสม หลังมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยหวังได้ 2 คน แต่พรรคประชาชาติก็หวังในฐานะพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงมาเป็นลำดับที่ 3 นายวสวรรธน์ กล่าวว่า จะเป็นใครจากพรรคการเมืองใดก็ได้ แล้วแต่พรรคการเมืองแกนนำจะไปตกลงกัน

ขณะที่นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม ระบุว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดถึงตำแหน่งประธานสภาฯ ว่าพรรคใดจะเสนอชื่อใคร แต่ในความเห็นของตน อยากให้พรรคการเมืองแกนนำจัดตั้งรัฐบาลทั้งสองพรรค เร่งหาข้อยุติให้ได้โดยเร็ว เพราะประชาชนให้ความสนใจ และจะเปิดประชุมสภาฯ แล้ว

ส่วนคุณสมบัติของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ นั้น นายปิติพงศ์ มองต้องเข้าใจบทบาทว่า ทุกพรรคการเมืองมีความต้องการพื้นฐานอย่างไร ต้องเป็นผู้ประสานงานกับทุกพรรคการเมืองได้ มีความเป็นกลาง คุมที่ประชุมได้ ทำงานแล้วเป็นที่ยอมรับของประชาชน ส่วนเรื่องของความอาวุโส ตนยกเป็นเรื่องของตำแหน่งมากกว่า คือเมื่อได้ตำแหน่งแล้ว ทุกคนก็ควรต้องให้เกียรติกัน ต้องยอมรับในเสียงข้างมากว่าเลือกใคร

นายปิติพงศ์ กล่าวติดตลกว่า พรรคเป็นธรรมไม่มีอิสระในการโหวตเลือกตำแหน่งประธานสภาฯ เพราะมีเพียงคนเดียว ซึ่งต้องเป็นไปตามมติของกรรมการบริหารพรรค แต่ยืนยันว่าจะโหวตบุคคลจากฝ่ายประชาธิปไตยอย่างแน่นอน

เมื่อถามถึงโผคณะรัฐมนตรีที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ นายปิติพงศ์ ยืนยันว่า ยังไม่มีการพูดคุยในพรรค พรรคเป็นธรรมเป็นเพียงส่วนเล็กๆ คงต้องให้พรรคการเมืองแกนนำคุยกันให้ตกผลึกก่อน แต่ก็พร้อมทำงานในทุกหน้าที่ หากได้รับโอกาส ขอให้มีโอกาสได้ทำงาน อยากทำตามนโยบายพรรคที่ให้ไว้กับประชาชน

ด้านนายเชาว์ฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ มองว่า ถ้าจะให้มีความเป็นธรรม พรรคเพื่อไทยควรได้ตำแหน่งประธานสภาฯ เหตุเพราะพรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแล้ว แต่ทั้งสองพรรคการเมืองควรต้องเร่งเจรจาเพื่อให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว

นายเชาว์ฤทธิ์ ยังบอกว่า หากปล่อยให้มีการฟรีโหวตในเรื่องดังกล่าว มองว่าการตั้งรัฐบาลก็คงมีความแตกแยก เพราะแค่ตำแหน่งประธานสภาฯ ยังตกลงกันไม่ได้ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะตกลงกันได้หรือ “ตำแหน่งประธานสภาฯ ควรเป็นคนที่อาวุโสหน่อย พรรคเพื่อไทยมีบุคลากรมีความพร้อมมากกว่า หลายคนมีประสบการณ์” นายเชาว์ฤทธิ์ กล่าว.- สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย