ขอบคุณทุกภาคส่วนช่วยโครงการรถสีเหลืองสำเร็จ

ศูนย์ซ่อมบำรุงฯ  19 มิ.ย.-นายกฯ​ ทดสอบเดินรถไฟฟ้าสายสีเหลือง​ ลาดพร้าว​ -​สำโรง​เสมือนจริง ขอบคุณทุกภาคส่วนและปชช.ที่ช่วยกันจนสำเร็จ หวังช่วยลดความหนาแน่นทางถนน มีแผนเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้าใยแมงมุม ใช้บัตรตั๋วร่วมลดค่าใช้จ่าย


พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ พร้อมด้วย​ พล.อ.​อนุ​พงษ์​ เผ่า​จินดา​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย นายธนกร​ วังบุญคงชนะ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ์​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมทดสอบการเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) ตลอดสายอย่างเป็นทางการโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง ณ ศูนย์ซ่อมบำรุง – สถานีลาดพร้าว – สถานีศรีเอี่ยม พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการ

ภายหลังเยี่ยมชมนิทรรศการ นายกรัฐมนตรีสอบถามถึงแหล่งผลิตของรถไฟฟ้าและความคืบหน้าเรื่องบัตรโดยสาร โดยเฉพาะบัตรตั๋วร่วมซึ่งจะใช้เป็นบัตร BDM ซึ่งจะช่วยเรื่องบัตรค่าแรกเข้า เพราะหากทำให้เกิดการเชื่อมโยงต่อกันของรถไฟฟ้าเส้นทางต่าง ๆ จะไม่มีค่าแรกเข้า


นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า หากการจราจรหนาแน่นจะเสนอเดินรถระยะสั้นตามความจำเป็น ส่วนสถานที่จอดรถมีความเรียบร้อยดี รองรับพื้นที่การจอดรถกว่า 2,800 คัน  รัฐบาลมีนโยบายให้มีที่จอดรถ ทั้งปลายทางและต้นทาง ส่วนอัตราค่าจอดรถที่อยู่ที่ 2 ชั่วโมงแรก 10 บาทถือว่าทำให้ประชาชนมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นในการเดินทาง ไม่เช่นนั้นการสัญจรเส้นทางข้างล่างจะหนาแน่นแออัดไปหมด

“การจะทำให้สำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะใช้สถานที่หลายร้อยไร่ ซึ่งต้องขอบคุณประชาชนด้วยที่ร่วมมือ ทำให้รัฐบาลดำเนินการได้ เพราะนี่คือพ.ร.บ. ร่วมทุนฯ ที่เราทำ” นายกรัฐมนตรี กล่าวพร้อมกับหันไปพูดกับนายคีรี กาจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท  บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ว่า “ให้หันมานี่ จะหันไปไหน” ก่อนกล่าวต่อว่า ได้ประเมินถึงรายได้ไว้แล้วใช่หรือไม่ ว่าสูงหรือต่ำกว่าเดิมจากการประมาณการ ค่อยว่ากันอีกที ซึ่งเป็นสัมปทาน 30 ปี ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมว่าอาคารมีความใหญ่โตมโหฬาร และสอบถามถึงระบบของการเดินรถในระบบล้อยาง และเปรียบเทียบกับต่างประเทศที่ใช้ระบบแม่เหล็กซึ่งใช้กำลังไฟฟ้าจำนวนมากและค่าไฟจะแพงมาก

นายกรัฐมนตรี ให้ความสนใจสอบถามถึงจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน โดยปลายทางจะเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว พร้อมกับกล่าวว่า เป็ฯการดำเนินงานของรัฐบาลผ่านการวางแผนโดยการสร้างเครือข่าย ไม่ใช่เส้นใดเส้นหนึ่ง หากพิจารณาตามรูปจะเห็นว่าเราทำอย่างเต็มที่ โดยทยอยสร้างไป อันไหนทำได้ก็ทำก่อน วันนี้ยินดีที่ได้มาร่วมเปิดโครงการ ขอให้ช่วยกันทำให้ประเทศมีการจราจรที่ดีขึ้น แก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 คือสิ่งที่จะสานต่อไปเรื่อย ๆ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลจะต้องคิดแบบนี้ ขอบคุณทุกคน


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อสักครู่เห็นใครไม่รู้ วิ่งมารับนายกฯ ไม่ทัน วิ่งมาจากข้างล่าง 4 คน ตรงสะพานข้างนอก แข็งแรงจริง ๆ ขอชมเชย ผู้หญิง 3 คนผู้ชาย 1 คน วิ่งขึ้นสะพานมารอรับนายกฯ ไม่รู้ว่าทันหรือเปล่า จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ถ่ายรูปร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและขึ้นรถไฟฟ้าเดินทางต่อไปยังสถานีลาดพร้าว

นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์อีกครั้งภายหลังร่วมทดสอบการเดินรถเสมือนจริงที่สถานีลาดพร้าว ว่า มาร่วมทดสอบการเดินรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และเปิดให้บริการแล้ว ซึ่งจากการที่ได้ทดลองนั่งรู้สึกสบายดี และถือเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในเส้นทางสายนี้ ต้องขอขอบคุณทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงคมนาคม การรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และกระทรวงมหาดไทย ผู้ที่เกี่ยวข้องในการก่อสร้างทั้งหมด เพราะเกี่ยวกับหลายส่วน ทั้งสาธารณูปโภคพื้นฐานต่าง ๆที่ประชาชนให้เวนคืนมาทำ 

“ถือเป็นความร่วมมือตามกฏหมาย และยินดีที่เปิดให้บริการได้เต็มรูปแบบในเวลานี้ ขอให้ทุกคนปลอดภัยในการใช้บริการรถไฟฟ้า และวันหน้าเราได้วางแผนเรื่องการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้าในลักษณะใยแมงมุม รวมถึงการพิจารณาใช้ตั๋วร่วมตลอดการเดินทาง เพื่อลดค่าใช้จ่ายของประชาชนให้ลดลงได้บ้าง ส่วนค่าตั๋วเริ่มที่ 15 บาท แพงสุด 45 บาท ซึ่งเราจะต้องพูดคุยต่อเรื่องค่าแรกเข้าต่าง ๆอีก ยังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการ สำหรับอาคารจอดรถกว้างขวาง แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเพียงพอหรือไม่ ตรงนี้อาจจะพอ แต่บางครั้งประชาชนผู้ใช้บริการระยะทางสั้นอาจมาจอดรถ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร  วันหน้าให้รัฐบาลหน้ามาทำต่ออีกหลายเรื่อง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่าจะต้องนำเรื่องการใช้ตั๋วร่วมเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องนำเข้าพิจารณาในที่ประชุม ครม. โดยกระทรวงคมนาคมรายงานมาแล้ว รวมทั้งเรื่องเก็บค่าโดยสารที่จะเริ่มต้นวันที่ 3 ก.ค.นี้ต้องให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาอนุมัติเช่นกัน  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ ประชาชนสวมเสื้อสีเหลืองมาดักรอให้กำลังใจ โดยได้ตะโกนส่งเสียงว่า “นายกฯ สู้ๆ ,ลุงตู่อยู่ต่อ, ให้กำลังใจนายกฯ”

สำหรับรถไฟฟ้ามหานครสายสีเหลืองเต็มโครงการ เป็นการเดินรถระบบราง เชื่อมเส้นทางลาดพร้าว ศรีนครินทร์ สำโรง เป็นหนึ่งในโครงการรถไฟฟ้าตามแผนแม่บทพัฒนาโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายหลักและสายรอง ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล หรือ M-MAP โดยทางวิ่งเป็นการยกระดับตลอดเส้นทาง ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร จำนวน 23 สถานี ตั้งแต่ที่บริเวณแยกรัชดา – ลาดพร้าว ตามแนวเส้นทางวิ่งตามถนนลาดพร้าว จนถึงแยกบางกะปิ จากนั้นเบี่ยงแนวไปทางทิศใต้ตามถนนศรีนครินทร์จนถึงแยกเทพาเลี้ยวเข้าถนนเทพารักษ์และสิ้นสุดที่บริเวณแยกสำโรง

รถไฟฟ้าสายสีเหลืองเป็นระบบรางเดี่ยวแบบร่องรางไร้ขนขับใช้ล้อยางวิ่งบนคานคอนกรีต ความยาวขบวน 4 ตู้ต่อขบวนสามารถเพิ่มตู้ได้สูงสุด 7 ตู้ต่อขบวน จึงรองรับผู้โดยสาร 17,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กระทรวงคมนาคมโดยการรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 และได้ลงนามในสัญญาร่วมทุนกับ บริษัท อีสเทิร์น บางกอก โมเดลจำกัด หรือ EBM ผู้รับสัมปทาน เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2560 งบประมาณก่อสร้าง 48,125  ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่นายกรัฐมนตรีโดยสารวันนี้ หมายเลข 126 โดยนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับ พล.อ.อนุพงษ์ และรับชมวีดิทัศน์ความเป็นมาของโครงการ ซึ่งตลอดเส้นทางรถได้จอดรับประชาชนร่วมขบวนเป็นระยะก่อนจะถึงสถานีปลายทางคือสถานีลาดพร้าวในเวลา 12.04 น.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย