เรืองไกร โชว์หลักฐาน ซื้อเบนซ์ – เงิน 25 ล้าน

“กทม. 16 มิ.ย.- “เรืองไกร”  โชว์หลักฐาน “ซื้อรถเบนซ์-เงิน 25 ล้าน”  จากการย้ายบัญชี  บอกขอจาก ป.ป.ช.  เตรียมเช็กบิลคนยื่นฟ้อง  และเจ้าหน้าที่ที่ตั้งเรื่องสอบ


 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ    เปิดหลักฐานเช็คเงินสดซื้อรถเบนซ์ จำนวน 4.7 ล้านบาทและเช็คเงินสด 25 ล้านบาท   ว่า เอกสารที่ ป.ป.ช.เรียกให้ไปชี้แจงลงวันที่  21  ธ.ค.65   เป็นเอกสารเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องไปชี้แจง   แต่ไม่ได้เรียกตน ส่วนหลักฐานการซื้อรถเป็นการชำระเป็นแคชเชียร์เช็ค 4.5 ล้านบาท    ชำระผ่านบัตรเครดิต 1 แสนบาท   และเงินสดอีก 1 แสนบาท ทั้งนี้ภรรยาได้โอนเงินเข้าบัญชีตน   ก่อนที่จะถอนเงินมาซื้อแคชเชียร์เช็ค   ยืนยันว่าเงินมีที่มาที่ไป 

                ส่วนของแคชเชียร์เช็ค 25 ล้านบาท   เป็นการย้ายบัญชี  ตามเอกสารสำเนาแคชเชียร์เช็ค บนและล่างจะเห็นว่า   ตนเบิกเงินในบัญชีธนาคารหนึ่งแล้วย้ายไปอีกธนาคารหนึ่ง  โดยซื้อแคชเชียร์เช็ค


      “เวลาย้ายเงินไปอีกธนาคาร   คุณถือเงินสดหรือ มันไม่ปลอดภัย    ผมเลยต้องซื้อแคชเชียร์เช็ค มันเป็นเรื่องปกติของผม   อย่างปกติบัญชีย้ายตัดหุ้นไม่พอ   ผมก็ย้ายอีกบัญชีไปตัดค่าหุ้น คนมันมองในแง่ร้าย   ไม่ฟัง    ผมมองว่าอยากมองก็มองไป   วันนี้อยากพูดขึ้นมาอีก ผมก็เอาเอกสารเก่ามาให้ดู” นายเรืองไกรกล่าว    และว่า แต่เบนซ์กับเช็ค 25 ล้านบาท   คนละส่วนกัน คนละทีกัน

      นายเรืองไกร    ระบุว่ากรณีดังกล่าวมีผู้ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบตนเองในกรณีเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ    รับเงินเกิน 3,000 บาท   เพราะรถเบนซ์ 4.7 ล้านบาท   เกินจากกฎหมายกำหนดไปมาก  โดยคนที่รับเรื่องก็ไปตั้งเรื่องขอเอกสารจากเอกชน   และทำความเห็นว่าตนเข้าข่ายเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ     จึงสงสัยว่าใช้ข้อกฎหมายใดมาตั้งเรื่อง    ตนก็ได้เตือนไปว่าขอให้ทำให้สุดๆ เพราะการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นก็ถือเป็นการเลี่ยงบาลี    เลี่ยงกฎหมายกลายๆ   ตนมองเจตนาออก    มีการอ้างคำสั่งตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น    ซึ่งเป็นการข้ามขั้นตอน    เพราะยังไม่มีมติที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.รับตรวจสอบ หากจะเรียกภรรยาตนเองมาสอบในกรณีนี้ก็ขอให้ทำหนังสือคำสั่งและอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ     และหากเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ไม่ชอบก็คงจะทราบผลที่ตามมาว่าเป็นอย่างไร 

     เมื่อถามว่าหากคดีนี้สิ้นสุดจะมีการยื่นฟ้องกรณีแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จต่อ ป.ป.ช.หรือไม่ นายเรืองไกร   กล่าวว่าคนยื่นก็ต้องรู้ตัวเอง จะใหญ่แค่ไหนก็ไม่สามารถทำผิดกฎหมายได้  กรณีนี้มีทั้งหลักฐานการออกคำสั่ง   การเบิกเบี้ยประชุม ใบรายการการประชุม   โดยสามารถเรียกหลักฐานทั้งหมดได้ ก็ไปพิสูจน์ว่าใครบ้างที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับตน     


“ไปร้องแล้ว   ไปอ้างว่าคนนี้เป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.    แต่เขาไม่ใช่   คุณพยายามตีความให้มันใช่    ซึ่งทำให้เสียงบประมาณหลวง    เสียกำลังคน เบี้ยประชุม ค่าใช้จ่ายจิปาถะ    ขอให้รอดูในสำนวนที่จะยื่นฟ้อง ขอให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวตกใจ” นายเรืองไกรกล่าว-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เครื่องบินภูเก็ตมุ่งหน้ามอสโก ขอลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ

เที่ยวบิน 777-300ER สายการบิน Aeroflot ขึ้นจากภูเก็ตไปมอสโก เตรียมลงสุวรรณภูมิ หลังบินวนกลางทะเลอันดามันหลายชั่วโมง จากปัญหาระบบลงจอดขัดข้อง

ไข้หวัดใหญ่ระบาด

ไข้หวัดใหญ่ระบาดในสหรัฐ-เสียชีวิตแล้ว 13,000 ราย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี รายงานว่า พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้อย่างน้อย 24 ล้านคนแล้วทั่วสหรัฐ

ตัดไฟเมียนมา

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันปลดพนักงานแล้วกว่าร้อยคน

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันออนไลน์และกลุ่มสแกมเมอร์ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ปลดพนักงานแล้วกว่า 100 คน เนื่องจากขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ทำให้พนักงานทยอยเดินทางออกจากท่าขี้เหล็ก กลับมาทางด่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง

ข่าวแนะนำ

ปฏิบัติการกวาดล้าง “คาวบอยบ่อแก้ว” แก๊งยาเสพติดรายใหญ่ภาคเหนือ

เจ้าหน้าที่เปิดปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่าย “คาวบอยบ่อแก้ว” แก๊งขนยาเสพติดรายใหญ่ของภาคเหนือ พร้อมยึดทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาท หลังพบช่วง 2 ปีนี้ ขนไอซ์จากชายแดนลงไปภาคกลางไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง เฉพาะที่ถูกจับได้ 3 ครั้ง ยึดไอซ์ได้กว่า 3,000 กิโลกรัม

2 เด็กชาย ปีนหน้าต่างรถตู้หนี ขณะนำตัวส่งสถานพินิจ

ไล่ล่าวุ่น! 2 เด็กชาย ต้องคดีลักทรัพย์-ยาเสพติด กระโดดหน้าต่างรถตู้หลบหนีระหว่างนำส่งสถานพินิจฯ โคราช ก่อนขโมย จยย.ชาวบ้านหลบหนี

“ภูมิใจไทย” มีมติไม่ร่วมแก้ รธน. หวั่นขัดคำวินิจฉัยศาล

“ภูมิใจไทย” มีมติไม่ร่วมสังฆกรรมแก้ รธน. วันพรุ่งนี้ หวั่นขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ยันไม่กระทบความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล ชี้เป็นเรื่องฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่สนเป็นแพะรับบาปขวางการแก้ไข บอกแจ้งนายกฯ ให้ทราบแล้ว