ศาลปกครอง 16 มิ.ย.- ศาลปกครองสูงสุด สั่ง ป.ป.ช. เปิดเผยรายงานการไต่สวนคดี “บิ๊กป้อมยืมนาฬิกาเพื่อน” แก่สำนักข่าว The Matter ภายใน 15 วัน
ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการ ป.ป.ช. และเลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยรายงานสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนคดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรทราบ กรณีไม่แสดงว่ามีนาฬิกาข้อมือและแหวนประดับหลายรายการ ของ ป.ป.ช. กับคำชี้แจงของ พล.อ.ประวิตร ในคดีดังกล่าว ทั้ง 4 ครั้ง ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย ให้แก่นายพงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์ บรรณาธิการอาวุโส สำนักข่าว The Matter ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา
ศาลปกครองสูงสุด ให้เหตุผลว่า เมื่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารฯ ได้มีคำวินิจฉัยให้สำนักงาน ป.ป.ช. และ ป.ป.ช. เปิดเผยข้อมูลรายงานสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนคดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรทราบ กรณีไม่แสดงว่ามีนาฬิกาข้อมือและแหวนประดับหลายรายการ ของ ป.ป.ช. กับคำชี้แจงของ พล.อ.ประวิตร ในคดีดังกล่าว ตามคำขอของนายพงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์ จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมาย
ส่วนที่ ป.ป.ช.แย้งว่า หากเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามคำขอ ผู้เปิดเผยจะมีโทษตามมาตรา 180 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 นั้น เห็นว่าคดีนี้เมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามคำขอของนายพงศ์พิพัฒน์ เป็นการเปิดเผยข้อมูลหลังจากที่เลขาธิการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาและมีมติในเรื่องดังกล่าวแล้วว่าไม่รับเรื่องไว้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง
ประกอบกับกรณีดังกล่าวเป็นกรณีที่คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารฯ มีคำวินิจฉัยให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารโดยไม่มีข้อจำกัด หรือเงื่อนไข อันมีผลให้ข่าวสารนั้นถูกยกเลิกชั้นความลับแล้วตามข้อ 24 ของระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ 2544 ซึ่งหากสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยข้อมูลข่าวสารโดยสุจริตและถูกต้องตามระเบียบดังกล่าว ก็ไม่ต้องมีความรับผิดและมีโทษตามกฎหมายใดๆ รวมถึงมาตรา 180 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561.-สำนักข่าวไทย