พรรคก้าวไกล 14 มิ.ย.- “ปดิพัทธ์” ยันผู้ถูกศาลสั่งให้หยุดฏิบัติหน้าที่ถูกเสนอชื่อโหวตเป็นนายกฯ ได้ ชี้ ความเห็น “วิษณุ” คลาดเคลื่อน
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ว่าที่ ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคก้าวไกล ชี้แจงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี หากอยู่ระหว่างถูกฟ้องร้องมีคดีความและถูกยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ หากศาลสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ จะไม่สามารถเสนอชื่อผู้นั้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยอ้างกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อปี 2562ว่า นายวิษณุคงเข้าใจผิดพลาด คลาดเคลื่อน ทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะสถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนแปลงบ่อย ตัวบทกฎหมายมีจำนวนมาก
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า หากส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพของผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีว่าสิ้นสมาชิกภาพไปแล้วหรือไม่ ซึ่งสำหรับพรรคก้าวไกล ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ คือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ที่ปัจจุบันกำลังถูกร้องกรณีการถือหุ้นไอทีวี เข้าข่ายถือหุ้นสื่อ เป็นลักษณะต้องห้ามในการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ตนมั่นใจว่านายพิธาสามารถชี้แจงกรณีหุ้นสื่อไอทีวีได้ และเดินหน้าตามกระบวนการสู่การเป็นนายกฯ ตามความคาดหวังของประชาชน
“แต่หากเรื่องนี้ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ และศาลเห็นควรให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย ก็เป็นการหยุดปฏิบัติหน้าที่ในการเป็น ส.ส.เท่านั้น แต่โดยคุณสมบัติ นายพิธายังคงเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้ตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นคนละตำแหน่งและคนละกรณี ย่อมไม่ส่งผลทางกฎหมายต่อการเสนอชื่อนายพิธาต่อรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกฯ ดังนั้น ความเห็นของวิษณุที่ว่าถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จะไม่สามารถเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้ จึงไม่ถูกต้อง” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า กรณีเคยเกิดขึ้นกับนายธนาธรเมื่อปี 2562 ครั้งเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ขณะนั้นศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 และอ่านคำสั่งในวันแรกของการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติเลือกประธานและรองประธานสภาฯ วันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ต่อมานัดประชุมรัฐสภาวันที่ 5 มิถุนายน 2562 เพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ขณะนั้นมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและนายธนาธรในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งไม่ได้มีปัญหาทางกฎหมายใด ๆ และผลการลงมติของรัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ ชนะจึงได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
“ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านรัฐบาล รัฐบาลเดิมควรส่งมอบงานให้ว่าที่รัฐบาลใหม่ ผมพูดเช่นนี้ไม่ได้ต้องการละลาบละล้วงหรือล่วงเกินใคร แต่ต้องการร่วมสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองใหม่ที่ผู้ได้รับมอบความไว้วางใจจากประชาชนผ่านการเลือกตั้ง จะได้รับส่งมอบงานเพื่อเตรียมความพร้อมเป็นรัฐบาล ทำงานรับใช้ประชาชนต่อไป ส่วนการให้ความเห็นของอาจารย์วิษณุ ไม่ทราบว่าให้ความเห็นในฐานะอะไร ถ้าในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ก็คงจะไม่ดีต่อภาพลักษณ์ในการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเท่าใดนัก เพราะประชาชนจะวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่าอาจารย์วิษณุในฐานะรองนายกรัฐมนตรีกำลังชี้นำใครหรือองค์กรใดอยู่หรือไม่ แต่ถ้าพูดในฐานะนักวิชาการ อดีตอาจารย์สอนกฎหมาย ก็คงห้ามปรามกันไม่ได้ เพราะเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนคนหนึ่ง” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า จะไม่มีใครหรือองค์กรใดขัดขวางเจตจำนงของประชาชนที่มอบความไว้วางใจให้พรรคการเมืองทั้ง 8 พรรคกว่า 27 ล้านเสียง ซึ่งจะเป็นพลังให้มุ่งหน้าสู่การจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนจนสำเร็จ เพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตยและเพื่อส่งมอบนโยบายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนทุกคน.-สำนักข่าวไทย