fbpx

“ครอบครัวชินวัตร” ไม่ได้เบรก “ทักษิณ” กลับไทย

พรรคเพื่อไทย  14 มิ.ย.- “แพทองธาร” ยัน ครอบครัวชินวัตรไม่ได้เบรก “ทักษิณ” กลับไทย ระบุเป็นเพียงความเป็นห่วงของแม่ บอก ให้เจ้าตัวตัดสินใจเองกลับเมื่อไหร่


น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวครอบครัวชินวัตรได้เบรกไม่อยากให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับประเทศไทยในขณะนี้ ว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย มิติทางการเมืองไม่มีอะไร มีแต่มิติเรื่องครอบครัว หากเป็นเรื่องที่จริงจังขนาดนั้นก็คงไม่ต้องนัดกันกินข้าวนอกบ้าน เพราะคุยที่บ้านก็คงจบได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นพูดจริงๆเป็นเพียงแค่ความห่วงใยของคุณแม่ (คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์) เพราะนายทักษิณ เป็นเสาหลักของครอบครัวที่ห่างกันมา 17 ปี แม่ก็เป็นห่วงทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องของตนเอง เวลาที่ท่านพูดก็พูดในฐานะแม่ของลูกสาว ไม่ได้พูดในฐานะแม่ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เพราะฉะนั้นความเป็นห่วงเป็นใยคุณพ่อ ครอบครัวมีมาเสมอ ซึ่งไม่มีมิติทางการเมืองด้านอื่นจริงๆ ตนได้อ่านข่าวก็มีการวิเคราะห์กันไปมากมาย ตนก็อยากจะบอกว่ามันไม่มีอะไรเลย มีแค่ความเป็นห่วงเท่านั้น

ส่วนสถานการณ์การเมืองขณะนี้อยากให้นายทักษิณ กลับมาอยู่อีกหรือไม่นั้น น.ส.แพทองธาร ระบุว่า เรื่องให้กลับ อยากให้กลับอยู่แล้ว แต่อยากจะให้คุณพ่อเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะอยากกลับมาตอนไหน อยากจะกลับมาอย่างไร ส่วนตัวมองว่า คุณพ่อออกไปนานแล้วก็มีความตั้งใจอยากกลับมาหลายๆครั้ง ไม่ว่าจะเป็นปีแรกๆ ปีกลางๆ หรือ 1-2 ปีที่ผ่านมา ท่านอยากกลับมาก อยากกลับมาเลี้ยงหลาน ยิ่งเฉพาะตอนนี้เพิ่งมีหลานคนที่ 7 ก็ยิ่งอยากกลับเลย พร้อมยืนยันว่า ครอบครัวไม่ได้มีการเบรคคุณพ่ออย่างที่มีการเสนอข่าวมา เราพูดแค่ว่าเป็นห่วง ขอให้ดูข้อมูลให้ครบ อยากกลับมาเมื่อไหร่ก็ต้องดู นี่คือข้อความที่คุยกันเสมอว่าดูให้ดี ตัดสินใจให้ดี มันคือความเป็นห่วงของคนในครอบครัว ไม่ใช่การเบรคว่าอย่ากลับมานะ ตอนนี้ยังกลับไม่ได้


“อิ๊งค์ ว่ามันไม่แฟร์กับตัวคุณพ่อด้วยที่ออกไปกว่า 17 ปี เพราะฉะนั้นท่านจะกลับมาเมื่อไหร่ให้เป็นเรื่องที่ท่านตัดสินใจเองจะดีกว่า ชีวิตก็เป็นของท่าน”น.ส.แพทองธาร ระบุ

เมื่อถามย้ำว่านายทักษิณ ก็รับฟังใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวทันทีว่า รับฟัง คือเราฟังกันอยู่แล้วในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น ระหว่างพี่น้อง พ่อแม่ หรืออะไรก็ตามเราฟังกัน แต่สุดท้ายการตัดสินใจเรื่องของใครก็เป็นเรื่องของคนนั้น เราเป็นอย่างนี้กันอยู่แล้ว

เมื่อถามต่อว่านายทักษิณ ยังคงยืนยันจะกลับเดือน ก.ค.นี้อยู่เหมือนเดิมหรือไม่นั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ล่าสุดคุยกันก็ยังเป็นอย่างนั้น เมื่อถามท่านว่าดูสถานการณ์การเมืองอย่างไร ท่านก็บอกว่าดูอยู่แล้ว เขาก็ไม่ได้อยากจะกลับมาแล้วสร้างความวุ่นวาย เพราะแน่นอนคุณพ่อมีความสำคัญทางการเมือง เพราะฉะนั้นการกลับมาต้องดูความเหมาะสม ถ้าจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนก็ต้องดูความเหมาะสมทางการเมืองต่างๆด้วย


เมื่อถามว่าหากฟังอย่างนี้มีความเป็นไปได้ว่าจะเลื่อนวันกลับหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ระบุว่า ไม่ ตอนนี้ยังไม่มี แต่ที่พูดเราก็ต้องดูว่าใกล้ๆจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนคิดแทน คุณพ่อไม่ได้พูดกับอิ๊งค์ เขาก็ยังไม่ได้บอกว่าจะเลื่อน

ส่วนกรณีที่ครอบครัวออกมาเบรคไม่อยากให้น.ส.แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร  กล่าวว่า นั่นไง จริงๆแล้ว ไม่ใช่ทางครอบครัวเบรค เป็นเรื่องที่คุณแม่พูดคุยกัยลูกสาวคนเล็ก ที่ในใจท่านก็มีความภูมิใจลูกสาวคนเล็กที่มายืนจุดนี้ แต่ลึกๆท่านก็ยังเห็นตนเป็นเด็ก แต่ในชีวิตจริงตนก็รู้ว่าตนเองไม่ใช่เด็ก การที่คุณแม่เป็นห่วงก็ไม่รู้สึกโกรธอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะเรารู้ว่าเราไม่ใช่เด็ก รู้สึกว่าเขาเป็นห่วง ทั้งตอนที่ท้องแล้วไปหาเสียงท่านก็เป็นห่วงมาก ตนก็ต้อง คอยพูดตลอดว่าตนยังโอเค หาหมอแล้ว ก็จะบอกแม่อยู่ทุกครั้ง เป็นแค่ความเป็นห่วงเท่านั้นไม่มีมิติอื่นจริงๆ

เมื่อถามย้ำว่าส่วนตัวพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ถ้าตนไม่พร้อมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็คงจะไม่เป็น ถ้าไม่พร้อมก็คงไม่ให้ชื่อตนไปลง และคุยกันในพรรคถ้าตนไม่พร้อมก็คงไม่ก้าวเข้ามาตรงนี้ เพราะ ถ้าเราไม่พร้อมก็ต้องบอกคนในพรรคว่าเราไม่พร้อม

ส่วนแปลว่าคุณแม่มองข้ามช็อตที่ได้เบรคไม่ให้นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แสดงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรืออาจมีอุบัติเหตุทางการเมืองกับนายพิธา ถึงได้มีการพูดออกมาในสถานการณ์การเมืองขณะนี้ น.ส.แพทองธาร ยิ้ม พร้อมตอบว่า ส่วนตัวมองว่า สิ่งที่คุณแม่คิดตั้งแต่ตอนแรกก่อนจะเลือกตั้ง ตนก็ต้องมีสิทธิ เพราะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง ไม่ว่าทั้งตน นายเศรษฐา ทวีสิน และนายชัยเกษม นิติสิริ ก็มีสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นอันดับ 1 แม่ก็คงคิดถึงตอนนั้นว่ายังจะเป็นแบบนี้อยู่หรือไม่ว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นอันดับหนึ่งจริงตนก็ต้องได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เราจะคุยอย่างไรกันในพรรค แม่ก็เป็นห่วงตรงนี้เสมอ ตนพูดด้วยความสัตย์จริงว่ามันเป็นแค่นั้นเองในมุมของแม่ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าในกระแสข่าวมีการระบุว่าที่ยังไม่อยากให้นายทักษิณกลับเพราะอาจจะถูกหลอก น.ส.แพทองธาร ระบุว่า คำว่าถูกหลอกมันคือ ตลอดเวลาที่พ่อของตนไม่อยู่ ประเทศไทยมา 17 ปี มันก็ต้องมีข้อมูลข่าวสารที่ท่านได้รับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ตาม ถูกบ้างผิดบ้าง นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 17 ปี เราไม่ได้คิดว่าใครจะมาหลอกเราเป็นพิเศษ นั่นคือสิ่งที่ครอบครัวบอกว่าให้ดูข้อมูลให้ดี ให้คิดให้ดีว่าจะทำอย่างไร มันเป็นการห่วงใย และเป็นการเตือนสติกันมากกว่า ว่าดูให้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่คือสิ่งที่เราเตือนกันได้ไม่ใช่ว่ามีใครจะหลอกหรืออะไร.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้อพยพจากไทยคว้าแจ็กพอตเพาเวอร์บอล

ผู้อพยพจากไทยไปใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐดวงเฮง คว้ารางวัลแจ็กพอตลอตเตอรี่เพาเวอร์บอล ได้เงินรางวัลสูงถึง 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

“ซูเปอร์โพล” เผยผลสำรวจสเปก “ผบ.ตร.คนใหม่” ต้องซื่อสัตย์สุจริต

“ซูเปอร์โพล” เผยผลสำรวจสเปก “ผบ.ตร.คนใหม่” ต้องซื่อสัตย์สุจริต ชี้ประชาชนเบื่อมากข่าวนายตำรวจระดับสูง ควรเร่งทำงานสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน

นายกฯ บอกขอโทษ “ปานปรีย์” แล้ว ไม่ขัดแย้ง

นายกฯ เผยขอโทษ “ปานปรีย์” แล้วหลังหลุดรองนายกฯ รับมีทั้งคนพอใจ ไม่พอใจ ยันสัมพันธ์ลูกเป็นเพื่อนกัน ไม่ขัดแย้ง เชื่อคนใหม่สานต่องานได้  

“ปานปรีย์” รับยื่นลาออก หลังถูกปรับพ้นรองนายกฯ

“ปานปรีย์” ยอมรับยื่นลาออก หลังถูกปรับออกจากรองนายกฯ ชี้หากไม่มีตำแหน่งพ่วงอาจทำงานไม่ราบรื่น ลั่นหากมีคนอื่นเหมาะสมกว่าให้มาทำงานแทน

ข่าวแนะนำ

แรงงานทั่วไทยเดินขบวนเรียกร้องสิทธิจากรัฐบาล

วันที่ 1 พ.ค. ของทุกปี เป็นวันสำคัญของผู้ใช้แรงงานทั่วโลก สำหรับประเทศไทยในปีนี้ มีการจัดกิจกรรมเสนอข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลหลายจุด โดยพื้นที่หลักอยู่ที่ตลอดแนวถนนราชดำเนิน และลานคนเมือง

โปรดเกล้าฯ “มาริษ” รมว.กต.คนใหม่

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้ง “มาริษ” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ แทน “ปานปรีย์” ที่ลาออกจากตำแหน่ง มีผลทันที

นายกฯ ย้ำไม่ลืมคำมั่นเพิ่มค่าแรง ชี้ต้องเพียงพอดำรงชีวิต

เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความไม่ลืมคำมั่นเพิ่มเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำ ย้ำเงินเดือนต้องเพียงพอในการดำรงชีวิต