สำนักงานกกต. 9 มิ.ย.-เลขาฯ ป.ป.ช. เผย “พิธา” เคยยื่นค้ำประกันหนี้ – ถือหุ้นไอทีวีแล้ว รอตรวจสอบเป็นหนี้ก้อนเดียวกันหรือไม่ ส่วนเรื่องขาดคุณสมบัติ ส.ส. เป็นหน้าที่ กกต.วินิจฉัย
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงานป.ป.ช. มาร่วมแสดงความยินดีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ครบรอบ 25 ปี พร้อมให้สัมภาษณ์เรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกลกรณีการค้ำประกันเงินกู้ 460 ล้านบาท ว่า ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบพบว่านายพิธาเคยยื่นการค้ำประกันเงินกู้เข้ามา 1 ก้อนก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นก้อนเดียวกันหรือไม่ ต้องขอเวลาตรวจสอบก่อน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาจากการตรวจสอบของ ป.ป.ช.ยังไม่พบว่าเคยมีใครร้องเรียนเรื่องนี้เข้ามา
เมื่อถามว่าหากค้ำประกันแล้วไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินจะมีความผิดหรือไม่ เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า การค้ำประกันถือว่ายังไม่มีหนี้เกิดขึ้นจริง เป็นเพียงสิทธิ์จากการกู้ยืมเงิน หากลูกหนี้ตัวจริงผิดนัดชำระก็จะไปเรียกจากคนค้ำประกันที่ต้องรับผิดชอบ แต่ตอนนี้เป็นสิทธิของลูกหนี้กับผู้ค้ำประกันเท่านั้นเองเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ป.ป.ช.ต้องพิจารณาว่าจำเป็นต้องยื่นรายการนี้ด้วยหรือไม่ แต่การตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่านายพิธาเคยยื่นมา 1 บัญชีเกี่ยวกับการค้ำประกัน
ส่วนการยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือการยื่นค้ำประกันในลักษณะดังกล่าว หลังรับตำแหน่งส.ส.แล้วต้องยื่นภายหลังหรือไม่ นายนิวัติิไชย กล่าวว่า หากยื่นบัญชีทรัพย์สินไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องแจ้ง เว้นแต่ยื่นในกรณีพ้นจากตำแหน่งภายใน 30 วัน เพราะกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าให้ยื่นเฉพาะรับตำแหน่งกับพ้นตำแหน่งเท่านั้น แต่ระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง หากมีความผิดปกติก็เป็นหน้าที่ของป.ป.ช.ที่ต้องตรวจสอบที่มาของรายได้และหนี้สิน
เมื่อถามว่าจากนี้จะเรียกนายพิธามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า การตรวจสอบเป็นไปตามขั้นตอนปกติ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล เช่น ถ้ายื่นบัญชีทรัพย์สินเข้ามาก็ต้องดูว่าเป็นทรัพย์สินจริงหรือไม่ เป็นของใคร ส่วนจะมีปัญหาในภายหลังหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของป.ป.ช.
ส่วนกรณีนายพิธาถือหุ้นบริษัทไอทีวี นายนิวัติไชย กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นเป็นชื่อของนายพิธาจริง ถือครองหุ้นอยู่ 4.2 หมื่นหุ้น มูลค่า 4 หมื่นกว่าบาท ซึ่งต้องตรวจสอบอีกครั้งว่ายื่นมาในฐานะอะไร เนื่องจากมีรายงานว่าเป็นผู้จัดการมรดก โดยตามกฎหมายหากเป็นเจ้าของก็ต้องยื่น ส่วนกรณีหากยื่นในภายหลังอาจจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่ ก็ต้องดูที่เจตนา ไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องมีเรื่องเจตนาและระยะเวลา ซึ่งการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าได้ยื่นบัญชีดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2562 เป็นการยื่นเพิ่มเติมภายหลังเข้ารับตำแหน่งแล้ว ไม่ใช่เป็นการยื่นหลังมีประเด็นแล้ว
ส่วนการยื่นการถือหุ้นของนายพิธาจะต้องระบุประเภทกิจการการหรือไม่ เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า มันระบุอยู่ในใบหุ้นอยู่แล้ว
“การตรวจสอบเร่ืองหน้าที่หรือคุณสมบัติต้องห้าม ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของป.ป.ช. แต่ป.ป.ช.มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง การมีอยู่จริงของทรัพย์สิน ถ้ามีอยู่แล้วยื่นมาก็ถือว่าไม่ได้มีเจตนาปกปิด แต่ถ้ามีแล้วไม่ยื่น ถือว่ามีเจตนาหรือจงใจปกปิด ส่วนหลังตรวจสอบแล้วบัญชีทรัพย์สินนั้นจะขัดกับคุณสมบัติการเป็นส.ส.หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบของกกต. ซึ่งกกต.รับทราบและอยู่ระหว่างการพิจารณา” นายนิวัติไชย กล่าว.-สำนักข่าวไทย