ข่าวปลอม !! ทบทวนสิทธิโอนเงินเข้าบัญชี 5 พัน

ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย.-โฆษกรัฐบาลเตือนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม รัฐฯ ทบทวนสิทธิโอนเงินเข้าบัญชี 5,000 บาทภายในเดือนมิ.ย.นี้ วอนอย่าแชร์ต่อ ป้องกันความสับสนและเข้าใจผิด


นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีการแชร์และส่งต่อข้อมูล “รัฐฯ ทบทวนสิทธิโอนเงินเข้าบัญชี จำนวน 5,000 บาท ภายในเดือนมิถุนายนนี้” ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (Anti-Fake News Center Thailand : AFNC) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังได้ชี้แจงข้อมูลดังกล่าวว่า “เป็นข้อมูลเท็จ” โดยยืนยันว่ากระทรวงการคลังไม่มีนโยบายโอนเงินหรือแจกเงิน 5,000 บาทเข้าบัญชีในเดือนมิถุนายนนี้

“เป็นข่าวปลอมจากผู้ไม่หวังดี ขอประชาชนอย่าได้หลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว โดยประชาชนสามารถตรวจสอบและรับข้อมูลข่าวสารจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้ที่เว็บไซต์ www.cgd.go.th หรือโทร 02 127 7000 หรือผ่านทางแฟนเพจ กรมบัญชีกลาง The Comptroller General’s Department ขอความร่วมมือประชาชนอย่าส่งต่อหรือแชร์ข้อมูลอันเป็นเท็จในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ อีก เพื่อป้องกันความสับสนและความเข้าใจผิดขยายไปในวงกว้างเพิ่มขึ้น” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว


นายอนุชา กล่าวว่า เมื่อประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารใด ๆ มา หากมีความสงสัยหรือไม่แน่ใจในข้อมูลเหล่านั้น ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและความถูกต้องจากหน่วยงานเจ้าของเรื่องหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเผยแพร่ หรือแชร์ข้อมูลออกไปให้บุคคลอื่น เพราะหากแชร์ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องนอกจากจะก่อให้เกิดความสับสน และอาจนำไปสู่การหลอกลวงสร้างความเสียหายแก่ประชาชนได้แล้ว ยังผิดกฎหมายด้วย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมระบุกรณีพฤติกรรมการกด Like และกด Share ของผู้ที่เล่นโซเชียลมีเดียหรือใช้สื่อสังคมออนไลน์ควรรอบคอบ โดยเฉพาะการกดแชร์ ถือเป็นการเผยแพร่ หากการแชร์ข้อมูลนั้นไปกระทบกับบุคคลอื่น อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 14 (1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.-สำนักข่าวไทย    


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”